แรงไม่หยุด! “เมีย 2018” ยอดวิวแตะ 500 ล้านวิว

LINE TV และช่อง ONE จับมือกันสร้างกระแสละคร “เมีย 2018” เรตติ้งสูงสุดเป็นประวัติกาลบนทีวีดิจิทัล สู่ยอดวิวรีรันที่เตรียมตัวแตะ 500 ล้านวิว

พัลภา มาโนช หัวหน้าธุรกิจ LINE TV, LINE ประเทศไทย กล่าวว่า LINE TV เปิดมาแล้ว 4 ปี มีคอนเทนต์หลัก ๆ ประกอบด้วยกัน 3 ประเภท คือ การดูย้อนหลัง (รีรันคอนเทนต์), LINE TV Originals และเพลง และในปัจจุบัน LINE TV ได้สร้างแคมเปนขึ้นมา คือ “ไลน์ทีวียิ่งดูย้อนหลังยิ่งอิน” โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากการที่ LINE TV ถูกโหวตให้ขึ้นมาให้เป็นแพลตฟอร์มดูทีวีย้อนหลังอันดับ 1 ของประเทศไทยในปี 2017 โดยแบ่งออกเป็น ละคร บันเทิง และไลฟ์สไตล์ เป็นต้น ซึ่งในตอนนี้ทาง LINE TV มีคอนเทนต์มากกว่า 500 คอนเทนต์แล้ว

หัวหน้าธุรกิจ LINE TV กล่าวต่อว่า ในระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมาไลน์ทีวีได้จับมือกับพันธมิตรที่หลากหลายช่องทีวี โดยพันธมิตรหลัก ๆ คือ ช่องONE ซึ่งท๊อปคอนเทนต์ในปีนี้ คือ “เมีย 2018” ที่มียอดคนดูสูงถึง 450 ล้านวิวแล้ว ซึ่งยอดคนดูย้อนหลังจะสูงอยู่ในช่วงของวันอังคารและวันพุธ ซึ่งทางไลน์ทีวีได้เชื่อมโยงการโปรโมทละครกับแคมเปญที่ว่า “ไลน์ทีวียิ่งดูย้อนหลังยิ่งอิน” ที่มีการโปรโมทในทุกช่องทางของ LINE TV ส่วนละครที่มีเรทติ้งรองลงมาก็จะเป็นในเรื่องของละคร “เป็นต่อ”

“ก่อนหน้านี้ทาง Line TV ก็มีท็อปคอนเทนต์ที่ออนแอร์ร่วมกับทางช่อง ONE อยู่ก่อนแล้ว ก็จะเป็นละคร เรื่องชายไม่จริงหญิงแท้ และเรื่องล่า ซึ่งทาง LINE TV มองว่าตั้งแต่ต้นปีเรื่อง”ล่า” น่าจะเป็นยอดวิวสูงสุดในปี 2018 นี้ แต่ว่า “เมีย 2018” ก็เข้ามาทำลายสถิติทั้งหมดบนไลน์ทีวีเรียบร้อยแล้ว โดยคนดูส่วนใหญ่ 91% เป็นผู้หญิง และ 9% เป็นผู้ชาย และสองตอนสุดท้ายของ “เมีย 2018” ทางไลน์ทีวีมองว่าน่าจะทะลุ 500 ล้านวิวได้อย่างแน่นอน” หัวหน้าธุรกิจกลุ LINE TV กล่าวและว่า

พฤติกรรมของคนดูทีวีในยุคปัจจุบันจากปรากฎการณ์ของเรื่อง “เมีย 2018” มองว่า “คอนเทนต์ที่ดีอยู่ที่ไหนก็มีคนดู” ซึ่งเราจะเห็นว่าพฤติกรรมของคนดูทีวีในยุคปัจจุบันสามารถดูได้จากคอมเมนต์ของคนดูที่มาเขียนบน LINE TV หรือที่ไหนก็ตาม ซึ่งจะเห็นได้ว่าจริง ๆ แล้วคนที่ดูละครย้อนหลังจะหันกลับไปดูละครสด แล้วจะมากลับดูย้อนหลังอีกที ซึ่งถ้าเทียบกับพฤติกรรมของคนในยุคปัจจุบันนี้ 90% คนใช้มือถือเพื่อเข้าดูคอนเทนต์ออนไลน์อยู่แล้ว และในส่วนของคนที่เข้ามาดูใน LINE TV ต่อวันจะเข้ามาดูถึง 176 นาที เพราะว่าใน LINE TV ค่อนข้างมีคอนเทนต์ที่เป็นแบบ Long form ค่อนข้างเยอะ และถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีคู่แข่งเกิดขึ้นมาเยอะแต่จุดแข็งของ LINE TV คือ ความรวดเร็วในการอัพละคร ที่ทำให้คนสามารถเข้ามาดูย้อนหลังได้ทันใจ และในเรื่องของคุณภาพของคอนเทนต์ รวมถึงในเรื่องของการโปรโมทการแนะนำละครให้คนดูจะสามารถครองใจคนดูได้ โดยกลุ่มเป้าหมายของ LINE TV ส่วนใหญ่อายุคนดูเฉลี่ยอยู่ที่ 18 – 34 ปี ซึ่งทาง LINE TV มองว่าในส่วนนี้จะสามารถครองใจคนดูได้

“ในส่วนของความสัมพันธ์ของ LINE TV กับช่อง ONE นั้นเติบโตขึ้นทุกปี LINE TV เป็นแพลตฟอร์มที่เข้ามาเสริมให้พาร์ทเนอร์มากกว่าการเข้ามาแย่งคนดู ซึ่งในปีนี้ทาง LINE TV กับ ช่องONE ได้มีโปรเจคเพิ่มเติมพิเศษคือ ละครเรื่อง “เสือ ชะนี เก้ง Freshy เปิดตำนานแก๊ง 3 ทหารเสือ” ที่ฉายใน LINE TV Originals Content ส่วนในปีหน้า 2019 ต้องอดใจรอต่อไป ในเรื่องของละครที่น่าจับตามองในปลายปีนี้น่าจะเป็นในเรื่องของ สงครามนักปั้น และ รายการ TOP CHEF THAILAND Season 2” ที่จะรีรันให้ดูย้อนหลังใน LINE TV โดยจากนี้จนถึงสิ้นปีทาง LINE TV มีเตรียมคอนเทนต์ไว้หนาแน่นมาก ไม่ว่าจะเป็นละครของทางช่องONE หรือจะเป็นในส่วนของ LINE TV Originals Content ก็ตาม ที่ทาง LINE TV คัดสรรมาเสริมทัพ และทั้งนี้ทาง LINE TV เองก็จะมีการเพิ่มการกลุ่มลูกค้าด้วย ซึ่งจะเน้นไปในเรื่องของกลุ่มตลาดทางผู้ชายมากขึ้นเพื่อให้ LINE TV สามารถตอบโจทย์ให้กับคนดูได้ทุกเพศมากขึ้น เพราะกลุ่มเป้าหมายเดิมของทาง LINE TV 60% เป็นผู้หญิง” หัวหน้าธุรกิจ LINE TV กล่าว

ด้านเดียว วรตั้งตระกูล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารช่องONE กล่าวว่า ภาพรวมของการเติบโตของช่องONE ในตอนนี้ถือได้ว่าเติบโตสูงขึ้นมาก ซึ่งในปีนี้ทางช่องONE ได้ตั้งเป้าอยู่แล้วว่าจะโปรในทุก ๆ เรื่อง ซึ่งในแผนธุรกิจของทางช่องONE จะทำให้เห็นถึงตัวเลขที่อยู่ในจุดสูงสุดให้ได้ทุกคอนเทนต์ ไม่ว่าจะเป็นละคร วาไรตี้ รวมทั้งข่าว และอื่น ๆ จะต้องส่งผลกระทบที่สูงมากในการที่ทำให้ผู้ชมสนใจ เพราะฉะนั้นในละครเรื่อง “เมีย 2018” นี้ถือได้ว่าเป็นนัยยะสำคัญที่ทำให้ทางช่องONE มองเห็นการเติบโตของช่องที่ชัด ในตัวของเรตติ้งของละคร“เมีย 2018” กลายมาเป็นละครที่มีเรตติ้งที่สูงที่สุดของช่อง อยู่ที่ 6.18 (ข้อมูลเมื่อวันที่ 21/08/2018) โดยแบ่งสัดส่วนเป็น กรุงเทพ 7.22 และต่างจังหวัด 5.77 ซึ่งเรตติ้งแซงหน้าช่อง 3 และช่อง 7 แล้ว ในเรื่องของเรตติ้งละคร ส่วนเรตติ้งของช่องทางช่องONE ก็ยังคงต้องต่อสู้กันต่อไป

รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารช่องONE กล่าวต่อว่า คนดูทีวีส่วนใหญ่ของทางช่องONE จะเป็นกลุ่มคนอายุ 35 ขึ้นไป และส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิง ส่วนกลุ่มคนที่ดูทีวีในสื่อดิจิทัลจะเป็นในกลุ่มของ Young Gen ซึ่งถ้าในอดีตอาจจะมองว่าทั้งสองแพลตฟอร์มนี้เป็นคู่แข่งกัน แต่จริง ๆ แล้วถ้าดูจากกราฟนี้จะเห็นได้ว่าแพลตฟอร์มที่เป็นทีวีจะมีเวลาเฉพาะที่เจาะจงในการรับชม แต่แพลตฟอร์มดิจิทัลจะดูเมื่อไหร่ ที่ไหนก็ได้ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ทางช่องONE มองว่าเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญของทาง LINE TV ที่บอกกับทางช่องONE ว่าถ้าเป็นละครทีวีที่ออนแอร์ได้เฉพาะวันจันทร์ – อังคาร มันก็คือแค่วันจันทร์ – อังคาร แต่ถ้าเปลี่ยนมาเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลมันจะสามมารถออนแอร์ได้ทุกวัน สิ่งเหล่านี้มันเป็นส่วนเสริมว่าถ้าทางช่องONE สามารถมีพันธมิตรเป็นดิจิทัลแพลตฟอร์มได้ ละครของช่องONE ก็จะสามารถออนแอร์ได้ทุกวัน และจากกราฟจะเห็นได้ว่าถ้าการดูย้อนหลังกับการดูตอนออนแอร์มันมาถึงจุดที่ว่าการดูทั้งสองอย่างมาเจอกันจะทำให้เรตติ้งมันพุ่งขึ้นทั้งสองทาง

“ละครเรื่อง “เมีย 2018” ไม่ได้เป็นแค่ละครที่นำเสนอในเรื่องของสามีภรรยาธรรมดาทั่วไปเท่านั้น แต่ละครเรื่องนี้เป็นละครที่นำเสนอความรู้สึกข้างในของคนในสมัยนี้ ในเรื่องของสามีภรรยาที่เป็นเรื่องที่อยู่คู่กับสังคมไทยมาทุกยุคทุกสมัยอยู่ที่ทั้งสองจะต้องพบเจอปัญหา โดยเฉพราะปัญหาของการนอกใจที่มันเป็นปัญหามากที่ทำให้ทั้งสองต้องเลิกกัน แต่ปัญหาของการนอกใจคนในยุคนี้จะแก้ไขปัญหาตรงนี้อย่างไร ตรงนี้แหละคือหัวใจสำคัญของคำว่า “เมีย 2018” ว่าผู้หญิงที่เป็นภรรยาในยุคนี้คุณควรจะทำอย่างไร ซึ่งในส่วนนี้คือส่วนที่ทำให้คนดูติดตาม เพราะฉะนั้นในตอนที่ 14 จะเป็นตัวที่ตอบได้ว่าทุกคนเริ่มเอาใจช่วยตัวนางเอก พอเมื่อไหร่ที่คนดูเกิดการเอาใจช่วยกระแสของละครมันจะมาแน่นอน จึงทำให้เรตติ้งในตอน 14 นี้ของออนไลน์พุ่งสูงขึ้น จึงทำให้ตอนที่ 15 ในการออนแอร์บนทีวีมียอดสูงขึ้นตามมา ซึ่งนี้เป็นการที่บอกว่าออนแอร์กับออนไลน์มันทำงานควบคู่กัน และหลังจากจบออนแอร์แล้วคนก็จะไปดูต่อในออนไลน์ จะเห็นได้ว่าในตอนที่ 19 และ 20 ยอดคนดูออนแอร์กับออนไลน์ขึ้นมาชนกันแล้ว” รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารช่องONE กล่าวและว่า


จากกระแสละครเรื่อง “เมีย 2018” ส่งผลทำรายได้ในยอดรวมในส่วนของละครพุ่งสูงขึ้น 30-40% และทำให้ยอดดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นของทางช่องเพิ่มขึ้น 40% หรือประมาณ 2.8 ล้านดาวน์โหลด และส่งผลทำให้โฆษณาในเรื่องต่อไปมียอดสูงขึ้นตามมาด้วย ซึ่งในช่วง 4 เดือนหลังจากนี้ทางช่องONE จะมีการเพิ่มละครให้ดูมากขึ้น และในตอนสุดท้ายนี้ทางช่องก็ได้มีการขยายฐานของเซิร์ฟเวอร์เพิ่มขึ้นด้วย เพื่อให้รองรับกับการที่ทางช่องONE คาดว่าจะจำนวนยอดมีคนดูเพิ่มขึ้น