ปัญหาหนักใจของลิเวอร์พูล และ เจอร์เก้น คล็อปป์ ในเวลานี้

เจอร์เก้น คล็อป
ภาพจาก AFP

ปัญหาหนักใจของลิเวอร์พูล และเจอร์เก้น คล็อปป์ ในเวลานี้ หลังโชว์ฟอร์มในฤดูกาลนี้ได้อย่างน่าผิดหวัง

วันที่ 30 มกราคม 2566 หลังจากไบรท์ตันเปิดบ้านแซงชนะ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล แชมป์เก่า และอดีตแชมป์ 8 สมัย ด้วยสกอร์ 2-1 ในศึกฟุตบอลเอฟเอคัพ อังกฤษ รอบ 4 หรือรอบ 32 ทีมสุดท้าย ที่สนาม อเมริกัน เอ็กซ์เพรส คอมมูนิตี้ สเตเดียม ประเทศอังกฤษ เมื่อคืนวันที่ 29 มกราคมที่ผ่านมา

ลูกทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์ กำลังประสบปัญหาอย่างหนักหลังจากเริ่มปีใหม่มานี้ “ทัพหงส์แดง” ลิเวอร์พูล เพิ่งชนะได้เกมเดียว จากการลงเล่น 6 เกม และในศึกพรีเมียร์ลีกปีนี้ ก็ยังไม่สามารถเอาชนะใครได้อีกด้วย

จากทีมที่ลุ้น 4 แชมป์ และคว้าได้ 2 แชมป์ในฤดูกาลที่แล้ว เพราะอะไรฤดูกาลนี้ถึงโชว์ฟอร์มได้น่าผิดหวัง

ในศึกพรีเมียร์ลีกตารางคะแนนของพวกเขาอยู่อันดับที่ 9 ตกรอบฟุตบอลถ้วยไปทีละถ้วย ทั้งคาราบาวคัพ และเอฟเอคัพ เหลือรายการเดียวคือ ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ ที่มีให้ลุ้นเพียงรายการเดียวเท่านั้น และดูเหมือนว่าโอกาสที่จะตกรอบก็มีสูงด้วยกันเช่นกัน

หลังจากการจับสลากรอบ 16 ทีมสุดท้าย พวกเขาต้องเจอกับแชมป์เก่าอย่าง “เรอัล มาดริด” มีดีกรีเป็นแชมป์รายการนี้มากที่สุดถึง 14 สมัย มีคิวดวลกันในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566

อย่างไรก็ตาม เจอร์เก้น คล็อปป์ ยังมีปัญหาให้แก้อีกมากมาย “ประชาชาติธุรกิจ” พาไปดูงานหนักของทัพ “หงส์แดง” ที่ต้องเจออีกครึ่งฤดูกาล 2022/2023

ลิเวอร์พูล
ภาพจาก AFP

จับตาซื้อขายนักเตะ โค้งสุดท้ายตลาด เดือนมกราคม

ในอดีตที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล มักมีการเสริมทัพในตลาดเดือนมกราคมที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการเสริม หลุยส์ ซัวเรส, ฟิลิปเป้ คูตินโญ, ดาเนียล แอ็กเกอร์, มาร์ติน สเคอร์เทล, เวอร์จิล ฟาน ไดค์ และหลุยส์ ดิอาซ

ถึงแม้จะพึ่งตกรอบเอฟ เอ คัพ ในค่ำคืนที่ผ่านมา เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็ยังยืนยันหนักแน่นว่า จะไม่เสริมใครอีกแล้ว หลังพึ่งคว้า โคดี้ กักโป มาในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา

แต่ตราบใดที่ตลาดยังไม่ปิด แฟนบอลก็อย่าพึ่งหมดหวัง เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้

โคดี้ กักโป
ภาพจาก AFP

ปัญหานักเตะบาดเจ็บ

เหมือนทุกอย่างกำลังไปได้สวยหลังจากต้นฤดูกาล ลิเวอร์พูล สามารถเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ในศึกคอมมูนิตี้ชิลด์ไปได้ 3-1 ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นตัวเต็งที่จะแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีกกับ แมนฯซิตี้ แบบเต็มตัวฤดูกาลนี้

แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหลังจากพวกเขาพบปัญหานักเตะบาดเจ็บ อย่างนาบี เกอิต้า เคอร์ติส โจนส์ ต่อมาก็เป็นรายของ อิบราฮิมา โกนาเต้ เจ็บหัวเข่าจากเกมอุ่นเครื่อง ต่อมาเป็นรายของติอาโก้ อัลคันทารา เล่นได้ 1 ชั่วโมงในนัดเปิดฤดูกาลในพรีเมียร์ลีกกับ ฟูแล่ม ก็ถูกเปลี่ยนออกเนื่องจากอาการบาดเจ็บ

แม้กระทั่ง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, โจเอล มาติป, ต่างมีปัญหาสภาพร่างการไม่เหมือนเดิม เวอร์จิล ฟานไดค์ก็ยังอยู่ในระหว่างรักษาอาการบาดเจ็บ ขณะที่ดิโอโก โชต้า และหลุยส์ ดิอาซ ต้องพักยาว และไม่รู้ว่าจะกลับมาลงสนามได้เมื่อไร

อาร์ตู เมโล ที่เซ็นสัญญาในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ก็ลงสนามให้กับลิเวอร์พูลไปเพียง 16 นาทีเท่านั้นในฤดูกาลนี้ และก็เจ็บยาวมาจนถึงตอนนี้

ดาร์วิน นูนเญส
ภาพจาก AFP

นักเตะที่ซื้อมาใหม่ยังโชว์ผลงานน่าผิดหวัง

หลังจากเมื่อช่วงซัมเมอร์ ลิเวอร์พูลควักเงินมูลค่ากว่า 100 ล้านยูโร ในการคว้าตัวกองหน้าอย่าง ดาร์วิน นูนเญซ กองหน้าชาวอุรุกวัยจาก เบนฟิก้า เพื่อมาเป็นตัวแทนของ ซาดิโอ มาเน่ ที่ย้ายไปยัง บาร์เยิน มิวนิค แต่ว่า ดาร์วิน นูนเญซ ยังโชว์ฟอร์มได้อย่างน่าผิดหวัง สามารถซัด ไปได้ เพียง 10 ประตู กับ 3 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 27 เกม รวมทุกรายการ

และเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล สามารถปาดหน้าคู่แค้นตลอดกาลอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพื่อคว้าดาวเตะทีมชาติเนเธอร์แลนด์อย่าง โคดี้ กักโป จากพีเอสวี ไอนด์โฮเฟน ที่มีข่าวว่าจะย้ายมาอยู่กับแมนฯยูฯมาอย่างยาวนาน เป็นจำนวน 37 ล้านปอนด์ และเงื่อนไขเสริมต่าง ๆ อีก 13 ล้านปอด์ รวมอยู่ที่ 50 ล้านปอนด์ เจ้าตัวลงสนามให้กับลิเวอร์พูล 5 เกม ยังไม่สามารถทำประตู หรือแอสซิสต์ได้เลยซักประตูเดียว

ฟาบินโญ
ภาพจาก AFP

ฟอร์มที่ตกลงไปอย่างน่าใจหายของ ฟาบินโญ

ฟาบินโญ คือ แกนหลักสำคัญที่พาลิเวอร์พูลประสบความสำเร็จในตลอดช่วงหลายฤดูกาลที่ผ่านมา เขาพาทีมคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก เอฟเอคัพ คาราบาวคัพ ยูฟ่า แชมป์เปียนส์ลีก และสโมสรโลกอย่างละ 1 สมัย แต่ทว่าฤดูกาลนี้ฟอร์มของเขาตกลงไปอย่างน่าใจหาย และสภาพร่างกายที่ไม่เหมือนเดิม

มิดฟิลด์ชาวบราซิลแสดงความผิดพลาดให้เห็นอย่างบ่อยครั้งในฤดูกาลนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็ใช้งานเขาน้อยลง และล่าสุดเสียตำแหน่งให้นักเตะดาวรุ่งอย่าง สเตฟาน ไบเซติก ที่มาจากอะคาเดมีของสโมสร บนวัย เพียง 17 ปีเท่านั้น

เจอร์เก้น คล็อป
ภาพจาก AFP

อาถรรพ์ปีที่ 7 ของเจอร์เก้น คล็อปป์

จากประวัติการทำงานของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก่อนหน้าที่จะมาคุมลิเวอร์พูล คือทีมอย่าง ไมนซ์ และโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เขาลาออกจากการเป็นกุนซือของทั้ง 2 ทีม เป็นปีที่ 7 ของการคุมทีมทั้งหมด ผลงานของเขาถูกจับตามองเป็นอย่างมากกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนต์

โดยเจอร์เก้น คล็อปป์ ประกาศศักดาคว้าแชมป์ บุนเดส ลีกา เยอรมัน เหนือมหาอำนาจลูกหนังเมืองเบียร์อย่าง บาร์เยิน มิวนิค คว้าแชมป์ได้ในฤดูกาล 2010-2011 ป้องกันแชมป์ในฤดูกาล 2011-2012 รวมถึงยังคว้าแชมป์ เดเอฟเบ โพคาล ได้อีกด้วย ก่อนจะทะยานในนัดชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปี 2013 และแพ้ให้กับบาร์เยิน มิวนิค ในเวลาต่อมา

หลังจากฤดูกาลดังกล่าว ผลงานของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ก็ตกลงเรื่อย ๆ พวกเขาเสียแชมป์ให้กับ บาร์เยิน มิวนิค 2 ปีซ้อน และเข้าสู่ปีที่ 7 ในการคุมทีมของเจอร์เก้น คล็อป เมื่อปี 2015 ของเจอร์เกน คล็อปป์ เขาพาทีมไปอยู่อันดับ 7 และโชว์ฟอร์มได้น่าผิดหวัง และประกาศลาออกจากการเป็นกุนซือ และมาคุมลิเวอร์พูลในเวลาต่อมา

ลิเวอร์พูลของเจอร์เก้น คล็อปป์ สามารถพาตัวเองไปอยู่ในจุดสูงสุดมาเรียบร้อยแล้วจากการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี เมื่อฤดูกาล 2019-2020 โดยฟอร์มในฤดูกาลนี้ก็ ลุ่ม ๆ ดอน ๆ ซึ่งในปีนี้ก็เป็นการคุมปีที่ 7 ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ อีกด้วย จาการคุมทีมก่อนหน้านี้ เขาไม่เคยโดนสโมสรไล่ออกเลยแม้แต่ครั้งเดียว

เป็นการลาออกของเขาเองทั้งหมด ถึงแม้ เจอร์เก้น คล็อปป์ จะเพิ่งต่อสัญญากับ ลิเวอร์พูลใหม่ไปจนถึงปี 2025 แต่ทว่านี่อาจเป็นอาถรรพ์ 7 ปีในการคุมทีมของเขาอีกครั้งก็เป็นได้ ยังไงบอร์ดบริหารของลิเวอร์พูลก็ไม่มีทางปลด เจอร์เก้น คล็อปป์ อย่างแน่นอน นอกจากว่าตัวเขาจะประกาศ “ลาออก” ซะเอง