เปิดสถิติหลังลิเวอร์พูล ถล่ม แมนฯยู 7-0 และอารมณ์คนละขั้วของ 2 กุนซือ

ศึกแดงเดือด
ภาพจาก AFP

เหตุเกิดที่แอนฟิลด์ หลังลิเวอร์พูลเปิดบ้านถล่มแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เละเทะ 7-0 ผีแดงทำสถิติแพ้ยับสุดในศึกแดงเดือด รอบ 128 ปี คล็อปป์ ชื่นมื่น ขณะที่ เทน ฮาก สับแหลกลูกทีม

วันที่ 6 มีนาคม 2566 หลังเสียงนกหวีด 90 นาทีของศึกแดงเดือดดังขึ้นที่สนามแอนฟิลด์ หงส์แดง “ลิเวอร์พูล” เปิดบ้านถล่มคู่อริตลอดกาล อย่าง ปีศาจแดง “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” ยับเยิน 7-0 ประตู ชนิดที่ว่าแฟนผีที่เข้าไปชมเกมบางส่วนกลับออกจากสนามก่อนเกมจบ และในไทยก็คงปิดไฟนอนหรือนอนไม่หลับกันเลยทีเดียว

ลิเวอร์พูลรัวยิงจาก “โคดี้ กัคโป” นาทีที่ 43,50 “ดาร์วิน นูเญซ” นาทีที่ 47,75 “โมฮาเหม็ด ซาลาห์” นาทีที่ 66,83 และ “โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่” ที่ลงมาปิดกล่องในนาทีที่ 88

ลิเวอร์พูล
ภาพจาก AFP

แน่นอนว่าสกอร์ 7-0 ประตู ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้งและยิ่งเป็นเกมใหญ่อย่างศึกแดงเดือดด้วยแล้ว นัดนี้จึงมีสถิติมากมายที่ถูกสร้างขึ้น

สถิติแรกคงไม่ใช่ที่น่าจดจำของสาวกเรด เดวิลส์ เท่าไรนัก การแพ้ลิเวอร์พูลถึง 7 ประตู เป็นการแพ้ที่ยับเยินที่สุดในศึกแดงเดือด หลังจากที่ยูไนเต็ดเคยแพ้ลิเวอร์พูล 7-1 ประตูสมัยเล่นอยู่ในดิวิชั่น 2 เมื่อเดือนตุลาคม ปี 1895 หรือในรอบกว่า 128 ปีเลยทีเดียว

นอกจากนี้ ผลลัพธ์ 7-0 ยังเป็นการแพ้ที่ย่อยยับที่สุดของยูไนเต็ด หลังจากที่เคยแพ้คู่แข่งในเกมกับ “วูล์ฟแฮมป์ตัน” 7-0 เดือนธันวาคม 1931 “แอสตัน วิลล่า” 7-0 ในเดือนธันวาคม 1930 และแพ้ “แบล็คเบิร์นโรเวอร์” 7-0 ในเดือนเมษายน 1926

โมฮาเม็ด ซาลาห์
ภาพจาก AFP

ด้าน “โมฮาเหม็ด ซาลาห์” แดงเดือดนัดนี้เป็นเกมในฝัน จากการเบิ้ลไป 2 ประตูในเกม ทำให้เจ้าตัวทำสถิติเป็นผู้เล่นที่ยิงใส่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้มากที่สุดที่ 11 ประตู นับเป็นในลีกที่ 10 ประตู เทียบเท่าตำนานอย่าง “อลัน เชียเรอร์”

นอกจากนี้ ซาลาห์ ยังเป็นนักเตะลิเวอร์พูลคนแรกที่ยิงประตูใส่ยูไนเต็ดได้ถึง 6 นัดติดต่อกัน และการกดไป 2 เม็ด ล่าสุด ทำให้เจ้าตัวยิงแตะ 129 ประตูในลีก จากการลงสนาม 205 นัด กลายเป็นดาวยิงตลาดกาลของลิเวอร์พูลในพรีเมียร์ลีก แซงหน้า เดอะก็อด  ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ เป็นที่เรียบรเอย

เอริก เทน ฮาก
ภาพจาก AFP

อารมณ์ที่ต่างกันของกุนซือ 2 ฝั่ง

BBC Sport รายงานว่า “เอริก เทน ฮาก” กุนซือแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ไม่พอใจกับผลการแข่งขันและตำหนิลูกทีมกับฟอร์มการเล่นที่เกิดขึ้นว่า ยูไนเต็ดหลงทาง เกมครึ่งเวลาหลังมันไม่ใช่มาตรฐานของยูไนเต็ดและเราไม่ได้เล่นเป็นทีม

เทน ฮาก เผยว่า เขาโกรธกับฟอร์มการเล่นในครึ่งหลังอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะเจ้าตัวเพิ่งได้เห็นทีมที่มุ่งมั่นด้วยทัศนคติแห่งชัยชนะในช่วงสัปดาห์และเดือนที่ผ่านมา แต่ไม่ใช่ในนัดนี้ “เราไม่ทำตามแผน เราหัวเสีย เราไม่ได้ทำงานของเรา มันไม่เป็นมืออาชีพจริง ๆ”

นี่เป็นความปราชัยที่ไม่สามารถยอมรับได้ เราทำให้แฟน ๆ ผิดหวัง เจ้าตัวรู้สึกผิดหวังและโกรธมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เราแพ้เกมในช่วงท้ายครึ่งแรกและช่วงต้นครึ่งหลัง นักเตะต้องแสดงถึงระเบียบวินัย แต่เราไม่ได้ทำเช่นนั้นหลังจากที่เริ่มเสียประตู 

เจอร์เกน คล็อปป์
ภาพจาก AFP

“เจอร์เกน คล็อปป์” ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล เรียกชัยชนะเหนือยูไนเต็ด ว่า เป็นผลลัพธ์ที่พิเศษ เมื่อพิจารณาจาก ระดับความมั่นใจที่ต่ำกว่าก่อนเริ่มเกม หลังจากทั้ง 2 ทีม มีฟอร์มการเล่นที่แตกต่างกันในฤดูกาลนี้ “มันฟังดูเหมือนเกมจากฤดูกาลอื่น มันไม่สมเหตุสมผลกับฤดูกาลนี้จริง ๆ” คล็อปป์ กล่าว

เกมนี้สำคัญมากสำหรับเรา เราต้องการผลการแข่งขัน และต้องการฟอร์มการเล่น คืนนี้เราได้ทั้งสองอย่าง โดยการเริ่มต้นเกมนั้นเหนือกว่าและยืดหยุ่นกว่ามาก เรารู้ว่าผลการแข่งขันนั้นน่าประหลาดใจ แต่ฟอร์มการเล่นนั้นยอดเยี่ยม ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ผมยอมรับ

ลิเวอร์พูล
ภาพจาก AFP

ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ทุกคนคิดว่าเป็นเรื่องดีหากได้เจอกับลิเวอร์พูล เพราะพวกเขารู้สึกว่าเรากำลังดิ้นรนและเกิดปัญหากับฟอร์มการเล่นอย่างหนัก แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว เราเริ่มกลับมาเป็นตัวเองมากขึ้น “สิ่งสำคัญคือทุกคนรู้ว่าเรายังอยู่ที่นี่ และเรายังมีชีวิตอยู่ เราต้องเดินหน้าต่อไป”