ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเสมอ แมนฯ ซิตี้ 1-1 แบบสุดมันส์ ส่งอาร์เซนอลขึ้นจ่าฝูง

ลิเวอร์พูล แมนซิตี้
ภาพจาก AFP

ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเสมอ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-1 ประตูแบบสุดมันส์ เก็บเพิ่มคนละแต้ม ส่งผลให้อาร์เซนอลขึ้นจ่าฝูง

วันที่ 10 มีนาคม 2567 ตามเวลาอังกฤษซึ่งช้ากว่าเวลาไทย 7 ชั่วโมงที่สนามแอนด์ฟิลด์ เมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ มีการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกคู่บิ๊กแมตช์ประจำสัปดาห์ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟิลด์ รับการมาเยือนของ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เกมนี้มีจ่าฝูงเป็นเดิมพัน

รายชื่อ 11 ตัวจริง

ลิเวอร์พูล : ควีวิน เคลเลเฮอร์ (GK), คอเนอร์ แบรดลีย์, จาเรลล์ ควอนซาห์, เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค, โจ โกเมซ, โดมินิค โซบอสไล, วาตารุ เอ็นโดะ, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์, ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์, หลุยส์ ดิอาซ,ดาร์วิน นูนเญซ

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : เอแดร์ซอน (GK), ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์, มานูเอล อคานจี, นาธาน อาเก้, โรดรี้, แบร์นาโด ซิลวา, เควิน เดอ บรอยน์, ฟิล โฟเด้น, ฮูเลียน อัลวาเรซ, เออร์ลิง ฮาแลนด์

ครึ่งแรก ซิตี้ ขึ้นนำ

เริ่มต้นครึ่งเวลาแรกมาได้ไม่นาน เพียงนาทีที่ 2 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้โอกาสทักทายก่อน จากจังหวะต่อบอลทำเกมกันขึ้นมา และเป็น ฮูเลียน อัลวาเรซ ได้ยิงจากทางซ้าย แต่ เคลเลเฮอร์ ยังล้มตัวรับไว้ได้

นาทีที่ 19 ลิเวอร์พูลส่งบอลไปซุกก้นตาข่ายได้สำเร็จ จากจังหวะที่ แม็ค อัลลิสเตอร์ แทงให้ ดาร์วิน นูนเญซ ปาดให้ หลุยส์ ดิอาซ ได้ยิงจ่อ ๆ แต่ผู้ตัดสินยกธงให้เป็นลูกล้ำหน้าในจังหวะของ นูนเญซ เกมยังคง 0-0 ประตู

และแล้วสกอร์แรกของเกมก็เกิดขึ้น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นนำ 1-0 ประตูในนาทีที่ 23 จากจังหวะเปิดลูกสูตรเตะมุมของเควิน เดอ บรอยน์ และเป็น จอห์น สโตนส์ ที่โฉบเข้ามายิงทางเสาแรก แนวรับลิเวอร์พูลยืนขาตายขยับตามมาไม่ทัน บอลผ่านมือ เคลเลเฮอร์ เข้าประตูไป

ลิเวอร์พูล แมนซิตี้
ภาพจาก AFP

หลังจากเจ้าบ้านลิเวอร์พูลถูกยิงประตูขึ้นนำ ก็เป็นฝ่ายครองบอลบุกใส่แมนฯ ซิตี้ พลางวิ่งไล่บีบเร็วเมื่อเสียบอล แต่ก็ทำได้แค่ป้วนเปี้ยนหน้าปากประตูเท่านั้น

นาทีที่ 41 ลิเวอร์พูลมีโอกาสอีกครั้ง จากจังหวะที่จอห์น สโตนส์ เสียบอล และเป็น หลุยส์ ดิอาซ ที่ได้ยิงไกลหน้าเขตโทษ แต่บอลก็ผ่านเสาออกไป

นาทีที่ 45+2 ลิเวอร์พูลได้ฟรีคิกระยะไกล เป็น โดมินิค โซบอสไล ที่ได้ยิง บอลตรงกรอบแต่ เอแดร์ซอน รับไว้ได้ ทำให้จบครึ่งเวลาแรกที่สกอร์ 1-0 ประตู โดยที่ลิเวอร์พูลยิงตรงกรอบเพียงครั้งเดียวจากจังหวะของ โซบอสไล

ครึ่งหลังสุดมันส์

เริ่มต้นครึ่งหลังมาได้ไม่นานในนาทีที่ 47 นาธาน อาเก้ ส่งบอลคืนหลังแต่น้ำหนักขาด ทำให้ เอแดร์ซอน วิ่งออกไปสกัดและกลายเป็นจังหวะฟาวล์ดาร์วิน นูนเญซ ที่วิ่งไล่มา ผู้ตัดสินให้ลิเวอร์พูลได้ลูกจุดโทษ เป็น อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ที่รับหน้าที่สังหาร และไม่พลาด ส่งบอลซุกก้นตาข่าย พาลิเวอร์พูลกลับคืนสู่เกม 1-1 ประตู ในนาทีที่ 50

ลิเวอร์พูล แมนซิตี้
ภาพจาก AFP

แมนฯ ซิตี้ ไม่ได้เสียแค่ประตูเท่านั้น แต่เอแดร์ซอน ได้รับบาดเจ็บจากจังหวะปะทะ ทำให้ต้องส่งสเตฟาน ออร์เทก้า ลงมาเล่นในตำแหน่งผู้รักษาประตูเเทน

ลิเวอร์พูล แมนซิตี้
ภาพจาก AFP

นาทีที่ 58 แมนฯ ซิตี้มีโอกาสขึ้นนำอีกครั้ง จากจังหวะที่ จาเรลล์ ควอนซาห์ เสียบอล และฟิล โฟเด้น ได้ยิงในจังหวะต่อเนื่อง แต่เคลเลเฮอร์ ยังเซฟไว้ได้

ลิเวอร์พูลก็ได้สวนกลับทันควันเช่นกัน และเกือบจะได้จบสกอร์เน้น ๆ แต่หลุยส์ ดิอาซ จับยาวในจังหวะสุดท้ายอย่างน่าเสียดาย

นาทีที่ 62 โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่ถูกเปลี่ยนตัวลงมา ได้เล่นในจังหวะสวนกลับ จ่ายบอลให้หลุยส์ ดิอาซ ได้ดวลเดี่ยว แต่ยิงหลุดออกไปดื้อ ๆ เกมยัง 1-1

นาทีที่ 65 ลิเวอร์พูลได้ลุ้นอีกครั้ง แม็ค อัลลิสเตอร์ ได้บรรจงปั่นจากหน้าเขตโทษ แต่ออร์เทก้า ยังเซฟไว้ได้

บรรยากาศในแอนฟิลด์หลังจากที่พลพรรคหงส์แดงได้ประตูตีเสมอ ทั้งผู้เล่นและกองเชียร์ เรียกได้ว่าคึกคักสุด ๆ โมเมนตัมเทมาอยู่ที่ฝั่งลิเวอร์พูลชัดเจน และมีโอกาสหลายครั้งจาก หลุยส์ ดิอาซ แต่ยังเปลี่ยนเป็นประตูไม่ได้

นาทีที่ 88 ซิตี้ ได้โอกาสทองอีกครั้ง เป็นเฌเรมี โดกูว์ ได้ยิงจากด้านซ้าย แต่บอลไปชนเสา และกระดอนมาเข้าทางเคลเลเฮอร์

ช่วงทดเวลาบาดเจ็บทั้งสองทีมต่างบุกใส่กันปากประตูถึงปากประตู และมีโอกาสได้ประตูขึ้นนำทั้งคู่ แต่ยังคงทำอะไรกันไม่ได้ จบเกมลิเวอร์พูลเปิดบ้านเสมอแมนเชสเตอร์ซิตี้ 1-1 ประตู เก็บเพิ่มคนละแต้ม ทำให้สถานการณ์ลุ้นเเชมป์พรีเมียร์ลีกเข้มข้นขึ้นไปอีก

ลิเวอร์พูลแข่งไป 28 นัด เก็บได้ 64 คะแนน อยู่อันดับ 2 ส่วนแมนฯ ซิตี้ แข่งไป 28 นัดเช่นกัน เก็บได้ 63 คะแนน อยู่อันดับ 3 ซึ่งผลเสมอของคู่นี้ส่งผลให้อาร์เซนอลขยับขึ้นไปเป็นจ่าฝูงโดยเเข่งทั้งหมด 28 นัด เก็บได้ 64 คะเเนนเท่าลิเวอร์พูล แต่ลูกได้เสียดีกว่า