“ซีพีเอ็น” ชิงนักท่องเที่ยว หนุน ททท.กระตุ้น Ecosystem ทั่วประเทศ

ซีพีเอ็น

ข้อมูลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่า ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565-16 สิงหาคม 2565 ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมรวม 4,015,504 คน โดยในช่วงครึ่งแรกของเดือนสิงหาคม พบว่านักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเฉลี่ยกว่า 40,000 คนต่อวัน

เป็นการฟื้นตัวในระดับที่ดีหลังจากรัฐบาลเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ และยกเลิกการลงทะเบียนผ่านระบบ Thailand Pass ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมา

“ซีพีเอ็น” ชิงนักท่องเที่ยว

และเพื่อเป็นการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ประเทศกำลังก้าวสู่ช่วงหลังโควิด (Post-Covid Situation) ภาคเอกชน

โดย “เซ็นทรัลพัฒนา” หรือ CPN จึงผนึกพลังกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และพันธมิตรจำนวนมาก กระตุ้น Tourism ecosystem การท่องเที่ยวทั่วประเทศ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ

ผ่านแคมเปญ “The Great Collaboration for Thailand’s TourismEcosystem” รองรับการเดินทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และผลักดันรายได้ของประเทศที่ตั้งเป้าไว้กว่า 800,000 ล้านบาท

“ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN บอกว่าปัจจุบันผู้คนเริ่มกลับมาเดินทางท่องเที่ยวแล้ว หลายประเทศมีการผ่อนคลายมาตรการการเดินทางระหว่างประเทศ

โดยในส่วนของศูนย์การค้าเซ็นทรัล พบว่ามีทราฟฟิกกลับมาเกือบ 100% ทั่วประเทศ สำหรับทัวริสต์มอลล์ในกรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่ พัทยา ฯลฯ มีแนวโน้มดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

เช่นเดียวกับธุรกิจโรงแรม ศูนย์อาหาร ที่ฟื้นตัวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน ทำให้มั่นใจว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยจะเป็นไปตามเป้าที่ ททท.วางไว้ที่ 10 ล้านคน ในปี 2565

โดยตัวเลขล่าสุดถึงเดือนสิงหาคมมีจำนวนกว่า 3.78 ล้านคน สร้างรายได้เข้าประเทศราว 176,000 ล้านบาท

ชูศูนย์การค้าเชื่อมโยงท่องเที่ยว

สำหรับภาพใหญ่ของการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาประเทศไทยนั้น “ซีพีเอ็น” ได้วางกลยุทธ์ที่ชัดเจนเพื่อผลักดันให้ไทยเป็น Global Preferred Destination ด้วย 3 กลยุทธ์ ประกอบด้วย

กลยุทธ์ที่ 1 Stimulate Spending & Spread income ชูบทบาทศูนย์การค้าเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยง Retail & Tourism Ecosystem เข้าด้วยกัน เพื่อเติมเต็มการท่องเที่ยวทั้งระบบ ด้วยจุดแข็งของศูนย์การค้าเซ็นทรัลที่มีสาขาทั่วประเทศ จำนวน 19 สาขา ใน 15 จังหวัดท่องเที่ยว ทั้งเมืองหลักและเมืองรอง

อาทิ การจัดงานโปรโมตการท่องเที่ยว, งาน Hotel Fair, OTOP Market, โปรแกรมท่องเที่ยวชุมชนได้ทั่วประเทศแบบ Cross-Region เช่น งานท่องเที่ยวภาคใต้จัดที่เซ็นทรัลเวิลด์ หรือการจัดงานที่ภูเก็ต เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอื่น ๆ ให้มาเที่ยวภูเก็ต เป็นต้น

ผนึกพันธมิตร “รัฐ-เอกชน”

พร้อมจับมือพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน ดีไซน์ Customer Journey ตั้งแต่ Pre-arrival stage ไปจนถึง Mall arrival stage กระจายรายได้ให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องใน ecosystem พร้อมทั้งกระตุ้นท่องเที่ยว local community ไปจนถึงจังหวัดใกล้เคียง

โดยร่วมกับพันธมิตรทุกภาคส่วน ได้แก่ 1.ภาครัฐ ตั้งแต่ Tourism Sandbox, ร่วมกับ ททท. สำนักงานต่างประเทศ ดูไบ และฮ่องกง จัดทำ Fam Trip รวมถึง Co-Promotion ต่าง ๆ กับศูนย์การค้าเซ็นทรัล เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว

2.TCEB รองรับธุรกิจ MICE ซึ่งในอนาคตภาครัฐอาจต้องส่งเสริมการเป็นเจ้าภาพ หรือ host งานระดับโลกมากขึ้น 3.สถาบันการเงิน บัตรเครดิต รวมถึง Payment online platform ใน Ecosystem ทั้งระบบ 4.จัดทำ Welcome Package ร่วมกับร้านค้าในศูนย์ และกลุ่มเซ็นทรัล

5.TRUE Corporation สนับสนุนฟรีซิมการ์ดและ WiFi มอบให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มาใช้บริการภายในศูนย์การค้า

6.สายการบินชั้นนำ ทั้ง Bangkok Airways, Kris+ และ Pelago by Singapore Airlines, Thai Airways, Thai Smile และ VietJet Air รับสิทธิพิเศษเมื่อแสดง Boarding Pass และรับคูปองฟรีเมนูอาหารไทยต้นตำรับ

เมื่อช็อปครบตามมูลค่าที่กำหนด และเข้าใช้บริการ The Exclusive Lounge 1 ครั้ง สำหรับ 2 ท่าน ณ The Exclusive Lounge เฉพาะสาขาเซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัลวิลเลจ และสาขาเซ็นทรัลภูเก็ต

และ 7.Travel แพลตฟอร์มออนไลน์ KLOOK จัดโปรฯ เฉพาะลูกค้าต่างชาติ รวมทั้งเปิดให้บริการ KLOOK Downtown Service Counter บริการด้านการท่องเที่ยวแบบครบวงจรแห่งแรกในกรุงเทพฯ ที่เซ็นทรัลเวิลด์

นอกจากนี้ ยังจัดพื้นที่จุด Pick Up & Drop Off One Day Tour เพื่อบริการนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งเซ็นทรัลเวิลด์ และเซ็นทรัล อยุธยา

ดันกทม.-ภูเก็ตสู่ “ช็อปปิ้งโลก”

กลยุทธ์ที่ 2 Springboard Rising Cities ขยายโครงการต่อเนื่อง ปั้นเมือง Rising Cities โปรโมตเมืองรอง จับคู่กับเมืองหลัก เช่น กรุงเทพฯ-ไปอยุธยา-สุโขทัย, เชียงใหม่-ไปลำพูน-ลำปาง, ภูเก็ต-ไปกระบี่ เป็นต้น

พร้อมชูจุดแข็งโครงการเซ็นทรัลที่เป็น Fully-Integrated Mixed-Use Development ครบวงจร ทั้งศูนย์การค้า, โรงแรม, คอนโดมิเนียม, คอนเวนชั่นฮอลล์, ออฟฟิศ

และกลยุทธ์ที่ 3 Spotlight on Global Shopping Destination ผลักดันกรุงเทพฯ และภูเก็ตเป็นเมืองช็อปปิ้งระดับโลก พัฒนา shopping destination หลากหลายฟอร์แมต

เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวทุกประเภท เช่น เซ็นทรัล วิลเลจ ลักชูรี่ เอาท์เล็ต แห่งแรกของไทย, เซ็นทรัล ภูเก็ต ลักชูรี่ มอลล์ แห่งเดียวในเมืองท่องเที่ยวระดับโลกของไทย

รวมถึงเซ็นทรัลเวิลด์-ไลฟ์สไตล์เดสติเนชั่น แลนด์มาร์กจุดเช็กอินของนักท่องเที่ยวทั่วโลก พร้อมรีโนเวตโซนใหม่ ต้อนรับนักท่องเที่ยว ทั้งโซน I (โซน ไอ) และโซน Hug Thai Hug Craft

จุดจำหน่ายสินค้าชุมชนและของฝาก, ตลาดจริงใจมาร์เก็ต จำหน่ายผลิตภัณฑ์จากเกษตรกรในชุมชนทั่วประเทศ

และ Tourist Malls ในจังหวัดท่องเที่ยวทั่วประเทศมากกว่า 15 สาขา อาทิ เซ็นทรัล อยุธยา, เซ็นทรัล พัทยา, เซ็นทรัล เชียงใหม่, เซ็นทรัล สมุย เป็นต้น

มั่นใจท่องเที่ยวพลิกฟื้น ศก.

“ดร.ณัฐกิตติ์” บอกด้วยว่า ทุกศูนย์การค้าเซ็นทรัลพัฒนาจะส่งเสริมการจัด Festive events ยิ่งใหญ่ระดับประเทศ อาทิ ตรุษจีน สงกรานต์ และเคานต์ดาวน์ เป็นต้น เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว สร้าง Reason to visit

นอกจากนี้ ยังมีจุดบริการ Full Service Downtown VAT Refund ณ ศูนย์การค้าเดสติเนชั่น 3 สาขา ยอดนิยมของนักท่องเที่ยว ได้แก่ เซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัล วิลเลจ และเซ็นทรัล พระราม 9 เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว

ดังนั้น จึงเชื่อมั่นในศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทยที่ครองอันดับ Top Global Destination มาโดยตลอด และวิสัยทัศน์อันแข็งแกร่งของภาครัฐจะช่วย “พลิก” และ “ฟื้น” เศรษฐกิจของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมดันประเทศไทยครองแชมป์เดสติเนชั่นยอดนิยมของโลกอย่างต่อเนื่อง

มั่นใจ นทท.ถึงเป้า 10 ล้านคน

ด้าน “ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า เชื่อว่าแนวโน้มการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลังนี้ โดยมีปัจจัยเรื่องค่าเงินบาทที่อ่อนตัว ที่จะช่วยกระตุ้นยอดการจับจ่ายของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติให้มีมากขึ้น

นอกจากนี้ ททท.ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการของบประมาณ เพื่อกระตุ้นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในครึ่งปีหลัง ทั้งตลาดต่างประเทศและตลาดในประเทศ

หรืองบฯ Booster Shot ประมาณ 1,000 ล้านบาท ที่ยังอยู่ระหว่างรอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ จากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบศ.

อย่างไรก็ตาม ททท.คาดว่าในปี 2565 ประเทศไทยจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเยือนทั้งสิ้น 10 ล้านคน และนักท่องเที่ยวชาวไทยออกเดินทางในประเทศ 160 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้รวมประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท หรือ 50% ของปี 2562

ส่วนตั้งเป้าปี 2566 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 25 ล้านคน นักท่องเที่ยวชาวไทยออกเดินทางภายในประเทศ 180 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้รวม 2.4 ล้านล้านบาท คิดเป็น 80% ของรายได้ในปี 2562