พราวปรับแผนภูเก็ตเฟส 2 รับลูกค้าไฮเอนด์-กลุ่ม FIT

พราวพุธ ลิปตพัลลภ

“พราว เรียลเอสเตท” ชี้จีนปัจจัยบวกภาคการท่องเที่ยวไทย เชื่อยังไม่มาทันที เหตุต้นทุนการเดินทางยังสูง คาดมีความชัดเจนมากขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางปีเป็นต้นไป เผยปี’65 นักท่องเที่ยวรัสเซีย-ตะวันออกกลางเข้าไทยเกินคาด ดันรายได้เข้าเป้า ล่าสุดเตรียมปรับแผนสร้างโรงแรม ในโครงการ “อันดามันดา” เฟส 2 เน้นจับกลุ่มไฮเอนด์-FIT มากขึ้น

นางสาวพราวพุธ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท พราว และกรรมการบริหาร บริษัท พราว เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เจ้าของและผู้บริหารโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน, ภูเก็ต และสวนน้ำวานา นาวา หัวหิน, สวนน้ำอันดามันดา ภูเก็ต เปิดเผยว่า

จากการผ่อนคลายมาตรการด้านสาธารณสุขของจีนทำให้นักท่องเที่ยวสามารถออกเดินทางได้ ถือเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญของภาคการท่องเที่ยวไทยต่อจากนี้ โดยประเมินว่าในช่วงแรกนี้นักท่องเที่ยวชาวจีนอาจยังไม่เดินทางเข้ามามากนัก เนื่องจากจีนยังมีการระบาดของเชื้อโควิด-19 รวมถึงราคาค่าเดินทางยังสูง เชื่อว่านักท่องเที่ยวจีนจะเริ่มมากขึ้นหลังช่วงกลางปีเป็นต้นไป

“เราไม่ได้พึ่งพาตลาดจีนมากนัก โดยก่อนโควิด-19 นักท่องเที่ยวจีนถือเป็นตลาดอันดับ 2 ของเรา แต่ตอนนี้ส่วนใหญ่เป็นตลาดนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลาง” นางสาวพราวพุธกล่าว และว่า

ในปี 2565 ที่ผ่านมาบริษัทประมาณการว่านักท่องเที่ยวจีนจะเดินทางเข้ามาประเทศไทยในช่วงไตรมาสที่ 4 เมื่อถึงเวลาดังกล่าวนักท่องเที่ยวชาวจีนกลับยังไม่เดินทางเข้ามา อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการของบริษัทในปี 2565 ยังเป็นไปตามเป้าหมาย เนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมากเกินความคาดหมาย

ส่วนในปี 2566 นี้การเปิดประเทศของจีนที่เร็วขึ้น ถือว่าเป็นส่วนเติมเต็มเป้าหมายเดิม เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้คาดการณ์ว่าทางการจีนจะเริ่มผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ในช่วงครึ่งหลังปี 2566 เป็นต้นไป

นางสาวพราวพุธยังกล่าวอีกว่า นอกจากในส่วนของธุรกิจโรงแรมแล้ว โครงการสวนน้ำอันดามันดา จังหวัดภูเก็ตยังได้รับเสียงตอบรับที่ดี จากเดิมคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้าใช้บริการเฉลี่ย 400-500 คนต่อวัน แต่ปัจจุบันพบว่ามีนักท่องเที่ยวเฉลี่ยสูงถึงประมาณ 2,000 คนต่อวัน ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยตนเอง ทำให้มีอัตรากำไรสูงขึ้น

สำหรับความคืบหน้าการก่อสร้างโรงแรมฮอลลิเดย์ อินน์ อันดามันดา ภูเก็ต ซึ่งเป็นโครงการที่ 2 ต่อจากโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนทัลนั้น นางสาวพราวพุธกล่าวว่า บริษัทเตรียมปรับรูปแบบการลงทุนให้เน้นจับกลุ่มไฮเอนด์มากขึ้น จากเดิมที่บริษัทให้ความสำคัญกับกลุ่มนักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์ โดยอาจเน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยตนเอง จากเดิมสัดส่วน 40% เป็น 50%

“คาดว่าอัตราการลงทุนต่อห้องอาจสูงขึ้น แต่อาจจะลดจำนวนห้องลงจากเดิมที่วางแผนไว้ 300 ห้อง ใช้งบประมาณลงทุนใกล้เคียงเดิมคือ 1,200 ล้านบาท” นางสาวพราวพุธกล่าว

นางสาวพราวพุธกล่าวต่อไปว่า บริษัทตั้งเป้าหมายสร้างรายได้จากธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโรงแรมมากขึ้น เช่น เวลเนส อาหารและเครื่องดื่ม จากเดิมมีสัดส่วนรายได้จากห้องพักราว 70-80% รายได้จากอาหารและเครื่องดื่มและอื่น ๆ ราว 20-30% เช่น ธุรกิจในพื้นที่หัวหินตั้งเป้าเพิ่มรายได้จากอาหารและเครื่องดื่มให้มีสัดส่วน 30-40%


“ทุกคนแข่งห้องพักคล้าย ๆ กัน และต่างก็ทำออกมาได้ดี ขณะที่ร้านอาหารเป็นตัวชูโรงที่สำคัญ เช่น ร้านจรัส (Jaras) ซึ่งตั้งอยู่ในโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ภูเก็ต ก็ได้รับรางวัลมิชลินไกด์ สิ่งเหล่านี้จะเป็นการสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างให้กับลูกค้า” นางสาวพราวพุธกล่าว