คนไทยแห่ “เที่ยวนอก” ทะลัก “ญี่ปุ่น” แชมป์ทัวร์เต็ม-ราคาตั๋วพุ่ง

แห่เที่ยวนอก

หยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ คนไทยแห่เที่ยวต่างประเทศ “ญี่ปุ่น-ฮ่องกง-ยุโรป” ขึ้นแท่นท็อป 3 เดสติเนชั่นยอดนิยม เอเย่นต์ทัวร์ประสานเสียงปีนี้ขายดิบขายดี ปิดการขายกรุ๊ปสงกรานต์ตั้งแต่ต้นเดือน มี.ค. มั่นใจญี่ปุ่นฮอตยาวตลอดปี หลังรัฐบาลปลดล็อกมาตรการวัคซีน 8 พ.ค.นี้ ขณะที่ “จีน” ตลาดใหม่มาแรง คิวขอวีซ่ายาวเหยียดข้ามเดือน ขณะที่ “เกาหลีใต้” เจอผลกระทบ “ผีน้อย” แพ็กเกจทัวร์ขายไม่ออก เกาหลีวางระบบกรองเข้มคนไทย ด้านสายการบินเฮ ! แห่อัพราคา คาดช่วงนี้คนไทยเที่ยวนอกราว 2 แสนคน

นายธนพล ชีวรัตนพร ประธานทีมยุทธศาสตร์พัฒนาสินค้าและบริการ และอุปนายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (TTAA) ในฐานะเจ้าของบริษัท แตงโมทัวร์ จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ภาพรวมของตลาดเอาต์บาวนด์ หรือคนไทยเที่ยวต่างประเทศในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ถือว่าดีมาก โดยเฉพาะตลาดญี่ปุ่นและฮ่องกง ที่มีการจองแพ็กเกจทัวร์เข้ามาเต็มตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เช่นเดียวกับเส้นทางยุโรปและเวียดนามที่ยังได้รับการตอบรับดีต่อเนื่องเช่นกัน

จีนตลาดใหม่มาแรง

รวมทั้งจีนที่มีกระแสการตอบรับที่ดีเกินคาด หลังจากที่รัฐบาลจีนเปิดให้คนไทยที่ต้องการเดินทางเพื่อการท่องเที่ยวยื่นขอวีซ่าได้ โดยปัจจุบันพบว่ามีคนไทยยื่นขอวีซ่าจีนเป็นจำนวนมาก จึงเชื่อว่าหากสายการบินมีความพร้อมมากกว่านี้ และมีการปลดล็อกให้สามารถขอวีซ่าแบบกรุ๊ปทัวร์ได้สะดวกขึ้น จะยิ่งทำให้ความต้องการเดินทางไปเที่ยวจีนได้รับการตอบรับดียิ่งขึ้น

“สงกรานต์ปีนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่คนไทยสามารถไปเที่ยวจีนได้ หลังจากที่จีนปิดประเทศมากว่า 3 ปีเต็ม ๆ จึงเชื่อว่าถ้าทุกส่วนมีความพร้อมมากขึ้น ทั้งสายการบิน กระบวนการทำวีซ่า กระแสการเดินทางไปเที่ยวจีนจะชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ” นายธนพลกล่าว

“ญี่ปุ่น” ฮอตยาวทั้งปี

สอดรับกับ นายเด่น มหาวงศ์นันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินสปิริตฮอลิเดย์ จำกัด ผู้ประกอบการนำเที่ยวทั้งตลาดเอาต์บาวนด์ อินบาวนด์ กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า แพ็กเกจเที่ยวต่างประเทศในช่วงสงกรานต์ปีนี้ขายดีเกินคาด บัตรโดยสารสายการบินมีไม่พอให้ขาย โดยแพ็กเกจทัวร์ญี่ปุ่นเป็นตลาดที่ได้รับการตอบรับดีที่สุด และขายหมดเกลี้ยงตั้งแต่ต้นมีนาคมที่ผ่านมา

และไม่เพียงแค่ช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์เท่านั้น ปัจจุบันยังขายหมดไปถึงสิ้นเดือนเมษายน 2566 และคาดว่าจะยังคงเป็นตลาดที่ได้รับการตอบรับดีต่อเนื่องตลอดทั้งปี เนื่องจากญี่ปุ่นได้ประกาศจะยุติมาตรการควบคุมการข้ามพรมแดนของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม 2566 เป็นต้นไป

ADVERTISMENT

“มาตรการนี้จะทำให้คนเดินทางเข้าไปญี่ปุ่นกลับสู่ภาวะปกติ เพราะไม่ต้องมีใบรับรองการฉีดวัคซีน COVID-19 หรือมีผลตรวจโควิดเป็นลบภายใน 72 ชั่วโมงก่อนออกเดินทาง เหลือเพียงแค่ยังคงต้องลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ Visit Japan ก่อนเข้าประเทศเท่านั้น” นายเด่นกล่าว

ราคาแพ็กเกจทัวร์สูงต่อเนื่อง

นายเด่นยังกล่าวถึงสถานการณ์ราคาแพ็กเกจทัวร์ว่า ปัจจุบันราคายังคงสูงต่อเนื่อง เช่น แพ็กเกจเที่ยวญี่ปุ่น (โตเกียว ฮอกไกโด) พัก 4-5 วัน ส่วนใหญ่ขายที่ระดับ 40,000-50,000 บาท เนื่องจากราคาบัตรโดยสารสายการบินยังคงสูงต่อเนื่อง ส่วนคนที่มีกำลังซื้อสูงกว่านี้ส่วนใหญ่จะเลือกเดินทางไปเที่ยวยุโรป โดยเส้นทางอิตาลี สวิตเซอร์แลนด์ และฝรั่งเศส ยังคงได้รับความนิยมต่อเนื่อง

ADVERTISMENT

“ตอนนี้ตั๋วเครื่องบินแทบจะเต็มทุกเส้นทาง ซึ่งอาจเป็นช่วงของเทศกาลหยุดยาว แต่เชื่อว่าความมั่นใจในการเดินทางท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งในส่วนของผู้ประกอบการก็พยายามหาบุคลากรเข้ามารองรับเช่นกัน” นายเด่นกล่าวและว่า ปัญหาหลักของผู้ประกอบการในขณะนี้คือบุคลากรไม่เพียงพอรองรับ และจำนวนที่นั่งสายการบินที่มีจำกัด

ตลาดเปลี่ยนลูกค้าดีไซน์ทริปเอง

นายเด่นกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า นอกจากนี้ยังพบว่าพฤติกรรมการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยหลังโควิดเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน จากที่เคยนิยมเดินทางกันเป็นกรุ๊ปใหญ่ 30-40 คน เปลี่ยนเป็นเดินทางกรุ๊ปขนาดเล็กในกลุ่มครอบครัว หรือกลุ่มเพื่อน พร้อมทั้งดีไซน์โปรแกรมการท่องเที่ยวเองว่าอยากไปเที่ยวที่ไหน อย่างไร

โดยบริษัทนำเที่ยวจะทำหน้าที่เป็นคนช่วยจัดเส้นทางให้ เพื่อไม่ให้การเดินทางย้อนไปย้อนมา จองโรงแรม และจองตั๋วโดยสารสายการบิน หรือหากต้องการขับรถเที่ยว บริษัทก็จะจองรถให้ ที่สำคัญ ไม่ต้องมีหัวหน้าทัวร์พาเดินทางจากกรุงเทพฯ มีเพียงโลคอลไกด์รอรับปลายทาง

“ตอนนี้แนวโน้มเปลี่ยนมาแบบนี้หมดแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงและเที่ยวเป็น ต้องการความเป็นส่วนตัว อยู่เที่ยวกี่วันก็ได้ ไม่อยากไปตามโปรแกรมที่ต้องตื่นเช้า แต่ยังต้องการบริการจากบริษัททัวร์อยู่ ซึ่งเราหวังว่าทุกอย่างจะเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น” นายเด่นกล่าว

ตลาดรวมฟื้นกลับ 70-80%

ด้านนางบูรณี วีระภุชงค์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูนิไทย แทรเวล จำกัด กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า แพ็กเกจทัวร์เที่ยวต่างประเทศในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้เต็มหมดไปนานแล้ว โดยเฉพาะญี่ปุ่น ฮ่องกง และจีน โดยโปรแกรมดี ๆ ขายหมดอย่างรวดเร็วตั้งแต่เปิดกรุ๊ปขายเมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีเพียงบางเส้นทางเท่านั้นที่ใช้เวลาขายนานกว่าเส้นทางอื่น ๆ เช่น ฟูกูโอกะ เป็นต้น

ขณะที่เส้นทางยอดนิยมในยุโรปยังคงได้รับความสนใจต่อเนื่อง เช่น อิตาลี สวิตเซอร์แลนด์ ฯลฯ และราคาแพ็กเกจทัวร์ก็ยังอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง สืบเนื่องจากบัตรโดยสารเครื่องบินยังมีราคาสูงมากจากต้นทุนราคาน้ำมันโลก

“ตอนนี้โดยรวมถือว่าราคายังค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด ทั้งยุโรป ญี่ปุ่น ฮ่องกง ด้วยจำนวนที่นั่งสายการบินที่ยังกลับมาได้ไม่มากนัก อย่างไรก็ตาม บางตลาดก็เริ่มปรับราคาลงแล้ว เช่น เวียดนาม ขณะนี้ราคาแพ็กเกจทัวร์อยู่ในระดับ 1 หมื่นบาทต้น ๆ เนื่องจากเป็นตลาดที่สายการบินกลับมาให้บริการเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก ขณะที่สภาพอากาสเวียดนามโดยรวมเริ่มร้อนขึ้น ซึ่งเป็นไปตามหลักดีมานด์ซัพพลายของตลาด” นางบูรณีกล่าวและว่า

ส่วนตลาดญี่ปุ่น ในบางเมือง บางเส้นทาง ราคาก็เริ่มปรับลงมาที่ระดับต่ำกว่า 30,000 บาท จากที่ก่อนหน้านี้แพ็กเกจทัวร์ตลาดญี่ปุ่นจะไม่มีราคาต่ำกว่า 30,000 บาท ออกมาขาย ทั้งนี้ ประเมินคร่าว ๆ ว่าภาพรวมการเดินทางในช่าววันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ปีนี้น่าจะกลับมาประมาณ 70-80% เมื่อเทียบกับปีก่อนวิกฤตโควิด

ผีน้อยทุบทัวร์เกาหลีขายไม่ออก

นางบูรณีกล่าวต่อไปว่า ส่วนตลาดที่ซบหนักและน่าเป็นห่วงมากสำหรับปีนี้คือ เกาหลีใต้ ซึ่งเป็นตลาดที่แพ็กเกจทัวร์ขายไม่ออก และเริ่มเกิดปรากฏการณ์ถล่มราคา หรือการแข่งกันลดราคาในรูปแบบที่เรียกว่า “ทัวร์ไฟไหม้” ออกมาขายเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเกาหลีใต้มีเงื่อนไขให้คนไทยที่จะเดินทางไปเที่ยว ยังต้องลงทะเบียนในระบบ K-ETA ก่อนออกเดินทาง

ประเด็นปัญหาสำคัญคือ ระบบ K-ETA ของเกาหลีใต้ อนุมัติให้คนไทยเข้าประเทศได้ในสัดส่วนที่ต่ำมาก เช่น บางกรุ๊ปมีลูกค้า 10-20 คน ลงทะเบียนผ่านไม่ถึง 50% ทำให้ต้องยกเลิกการเดินทางทั้งกรุ๊ป เป็นต้น

“ตอนนี้ตลาดเกาหลีปัญหาเยอะ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่ากระแสผีน้อยคนไทยที่ลักลอบเข้าไปทำงานและสร้างปัญหาไว้เยอะ บางกรุ๊ปเดินทางไป 20 คน เหลือคนที่ไปเที่ยวจริง ๆ 4-5 คนเท่านั้น ทำให้รัฐบาลเกาหลียังคงขึ้นแบล็กลิสต์คนไทย ขณะที่อนุญาตให้คนญี่ปุ่นและอีกหลายประเทศเข้าเกาหลีได้ โดยไม่ต้องลงทะเบียนในระบบแล้ว” นางบูรณีกล่าว

แอร์ไลน์แห่อัพราคาตามดีมานด์

แหล่งข่าวจากสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนของทั้งตลาดอินบาวนด์ และตลาดเอาต์บาวนด์ หรือตลาดคนไทยเที่ยวต่างประเทศ ทำให้สายการบินที่ให้บริการเส้นทางบินระหว่างประเทศทุกรายปรับขึ้นราคาตั๋วโดยสารให้สอดรับกับความต้องการของตลาด

“ตอนนี้สายการบินต่าง ๆ เริ่มรู้สึกว่าจำนวนที่นั่งที่มีจำกัดในตลาดก็มีข้อดี คือสามารถปรับขึ้นราคาและทำกำไรได้ ไม่จำเป็นต้องเร่งเพิ่มเครื่องบินเพื่อให้มีที่นั่งมากขึ้น แล้วต้องมาแข่งขันกันทำราคาถูก ซึ่งอาจไม่คุ้มกับการลงทุนเพิ่ม” แหล่งข่าวกล่าว

ไทยเที่ยวนอก 2 แสนคน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า การเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยช่วงวันหยุดยาว 5 วัน ของเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 13-17 เม.ย. 66 ส่วนใหญ่ยังนิยมเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ สัดส่วนการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศยังไม่สูงมากนัก หรือมีเพียงแค่ประมาณ 11-12% ของจำนวนคนที่ออกเดินทางเท่านั้น ทั้งนี้ เนื่องจากค่าใช้จ่ายการเดินทางต่างประเทศที่ยังสูง เมื่อเทียบกับช่วงก่อนการระบาดโควิด และเส้นทางการบินที่ยังมีค่อนข้างจำกัด

สอดรับกับแหล่งข่าวจากสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (TTAA) กล่าวว่า ด้วยข้อจำกัดเรื่องต้นทุนการเดินทางท่องเที่ยวที่สูง ทำให้คาดว่าจำนวนคนไทยเที่ยวต่างประเทศปีนี้น่าจะอยู่ในระดับประมาณ 7-8 ล้านคน จากปี 2562 ที่มีประมาณ 10.5 ล้านคน

อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้จะเป็นฤดูกาลการเที่ยวต่างประเทศของคนไทย เนื่องจากมีวันหยุดหลายวันและอากาศเมืองไทยที่ร้อนมาก ทำให้คนไทยนิยมไปเที่ยวในเดสติเนชั่นที่มีอากาศหนาวเย็น เช่น ญี่ปุ่น และยุโรป โดยคาดว่าจะมีคนไทยเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศช่วงนี้ราว 2 แสนคน