เอฟเฟ็กต์วิกฤตท่องเที่ยว หายวับล้านคน ททท.เร่งโรดโชว์จีนกู้ภาพลักษณ์

ยิงพารากอน เอฟเฟ็กต์ท่องเที่ยว
การจุดเทียนไว้อาลัยผู้เสียชีวิตจากเหตุยิงพารากอน เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2566 (ภาพโดย Jorge Silva/ REUTERS)

หวั่น “กราดยิงเอฟเฟ็กต์” กระทบท่องเที่ยว คาดนักท่องเที่ยวต่างชาติหาย 1 ล้านคนในไตรมาสสุดท้ายนี้ ศูนย์การค้า-ห้างใหญ่ตื่นตัวเร่งยกระดับความเข้มงวด ตรวจความปลอดภัย ททท.เร่งกู้ภาพลักษณ์ เรียกความเชื่อมั่น ดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับคืน เตรียมเดินสายโรดโชว์จีนกลางเดือน ต.ค. วงการท่องเที่ยวฟันธงช่วงไฮซีซั่น 3 เดือนสุดท้ายทรุด สทท.แนะเยียวยาแบบไร้เงื่อนไข เผยวีซ่าฟรีสัปดาห์แรก จีนแห่เข้าไทยเพิ่ม 72% บิ๊กอสังหาปักหมุดจัดอีเวนต์แห่ขายโครงการในสยามพารากอนตลอดเดือนตุลาคมนี้

จากเหตุการณ์เยาวชนชาย อายุ 14 ปี ก่อเหตุยิงกลางห้างสยามพารากอน เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566 เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง โดยหนึ่งในผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมาท่องเที่ยวเมืองไทย หลังรัฐบาลไทยประกาศมาตรการยกเว้นวีซ่า (Visa Excemption) หรือ วีซ่าฟรี ให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนและคาซัคสถานได้เพียง 9 วัน

การนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงมีพระบรมราชานุเคราะห์ให้ผู้ป่วยอยู่ในความดูแล ขณะที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้มีการต่อสายพูดคุยกับเอกอัครราชทูตจีน เพื่อขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งให้มั่นใจว่า รัฐบาลไทยจะทำทุกอย่าง และดูแลผู้ป่วยอย่างดีที่สุด และในเร็วๆนี้จะขอเข้าพบเอกอัครราชทูตจีนด้วยตัวเอง

พร้อมจัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจ Situation Command Center เพื่อประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสถานทูตของชาวต่างชาติที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ โดยมีกระทรวงการต่างประเทศเป็นศูนย์กลางประสานงาน

โรดโชว์จีน-กู้ภาพลักษณ์

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ขณะนี้ ททท.กำลังเร่งดำเนินการร่วมกับทุกฝ่ายเพื่อยกระดับความปลอดภัยในทุกพื้นที่ พร้อมสื่อสารภาพลักษณ์และสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติ ทั้งในระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว

“ตอนนี้กำลังเน้นบริหารจัดการภาพลักษณ์ด้านลบที่จะเกิดกับการท่องเที่ยว ส่วนระยะยาวต้องสร้างภาพลักษณ์ที่ดีกับอุตสาหกรรมดังกล่าว พร้อมสร้างความมั่นใจให้กับต่างชาติ นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท. กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ก่อนหน้านี้ ททท.มีแผนนำผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยไปโรดโชว์ และพบปะกับผู้ประกอบการฝั่งสาธารณรัฐประชาชนจีนอยู่แล้วในช่วงกลางเดือนตุลาคมนี้

โดย ททท.เตรียมจะลงนามบันทึกความร่วมมือ (Memorandum of Cooperation : MOC) กับเอกชนท่องเที่ยวจีน เพื่อขับเคลื่อนการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว ซึ่งแผนยังคงเดินหน้าเหมือนเดิม ไม่มีการปรับเปลี่ยนแต่อย่างใด

กระทบ 3 เดือนท้ายไฮซีซั่น

แหล่งข่าวจากผู้ประกอบการนำเที่ยวรายหนึ่ง เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เหตุการณ์นี้แม้ไม่รุนแรงเท่ากับเหตุการณ์ระเบิดที่พระพรหมเอราวัณ หรือศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ เมื่อกลางปี 2558 หรือเหตุการณ์เรือฟินิกซ์ล่มที่จังหวัดภูเก็ต เมื่อกลางปี 2561 แต่ส่งผลกระทบในมุมของความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน คาดว่าจะมีผลแน่นอนในช่วงไฮซีซั่น หรือช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้

“ต้องดูว่า รัฐบาลไทยบริหารจัดการวิกฤตความเชื่อมั่นครั้งนี้ได้ดีแค่ไหน หากจัดการได้ดี และรัฐบาลจีนเข้าใจก็จะเกิดผลกระทบแค่ระยะสั้น แต่หากบริหารจัดการไม่เป็นที่พอใจของผู้ประสบเหตุและญาติ รวมถึงรัฐบาลจีน เชื่อว่าจะส่งผลในระยะยาวแน่ เนื่องจากที่ผ่านมารัฐบาลจีนก็ไม่ได้ปล่อยให้ประชากรของเขาเดินทางออกไปเที่ยวต่างประเทศมากนัก”

แหล่งข่าวกล่าวว่า จากเหตุการณ์ระเบิดที่พระพรหมฯ มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวจีนประมาณ 3 เดือน ส่วนกรณีเรือฟินิกซ์ล่มที่จังหวัดภูเก็ตส่งผลกระทบยาวกว่า 6 เดือน

สอดรับกับนายสุรวัช อัครวรมาศ รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ที่กล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ถูกเผยแพร่ในสื่อโซเชียลจีนอย่างรวดเร็ว คาดการณ์ว่าน่าจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในระยะสั้น หรือประมาณ 3 เดือน ใกล้เคียงกับเหตุการณ์ระเบิดที่ศาลพระพรหม แต่ก็สะท้อนปัญหาเรื่องความปลอดภัยจากการเดินทางมาเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีข่าวลือในสื่อโซเชียลจีนว่า มาเที่ยวประเทศไทยไม่ปลอดภัย ทั้งเรื่องถูกหลอกไปขายอวัยะ รวมถึงการถูกหลอกส่งไปทำงานคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน ฯลฯ

“ส่วนตัวมองว่าประเด็นเรื่องความไม่ปลอดภัย เป็นเรื่องสำคัญที่สุดที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนไม่กล้ามาไทย มีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่มองว่าปัญหาอยู่ที่ความยุ่งยากในการขอวีซ่าออนไลน์ เพราะนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยเกือบ 90% เดินทางเข้ามาแบบใช้ Visa on Arrival หรือตรวจลงตราวีซ่าหน้าด่านตรวจคนเข้าเมือง ไม่ได้ยื่นขอวีซ่าที่สถานทูต” นายสุรวัชกล่าว

แนะเร่งเยียวยาแบบไร้เงื่อนไข

นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า แม้เป็นเหตุการณ์เหตุสุดวิสัยที่ทุกฝ่ายไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว รัฐบาลและทุกหน่วยงานต้องประสานงานด้านการเยียวยาผู้ประสบเหตุอย่างเร่งด่วน และต้องไม่มีเงื่อนไขใด ๆ

จากนั้นค่อยวางแผนยกระดับความปลอดภัยในระยะยาว กรณีที่เกิดขึ้นกระทบต่อการตัดสินใจเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยแน่นอน ส่วนจะมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับรัฐบาลไทยจะสามารถบริหารจัดการได้ดีและเร็วแค่ไหน

อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อมั่นว่าปี 2566 ประเทศไทยจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ต่ำกว่า 26 ล้านคน หรือประมาณ 2 ล้านคนต่อเดือน ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ ส่วนจะขยับได้มากถึง 28-30 ล้านคนหรือไม่ ยังมีตัวแปรที่คาดการณ์ยากอีกหลายปัจจัย โดยเฉพาะแนวโน้มของตลาดนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งมีมาตรการวีซ่าฟรีเป็นตัวกระตุ้นสำคัญอยู่ในขณะนี้

ภูเก็ต-เชียงใหม่สร้างความเชื่อมั่น

นายธเนศ ตันติพิริยะกิจ นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า คงส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวจีนที่จะเดินทางมาไทยในช่วงไฮซีซั่นนี้ แต่ตอนนี้ยังไม่กระทบ เพราะอยู่ในช่วง Golden Week ของการท่องเที่ยวจีน คือ เทศกาลไหว้พระจันทร์ ต่อด้วยวันชาติจีน ซึ่งนักท่องเที่ยวจีนได้จองทริป และออกเดินทางแล้ว ตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน 2566

“ผมคิดว่า เราควรเร่งเยียวยาผู้ประสบเหตุโดยเร็ว ซึ่งคืนเกิดเหตุภาครัฐมีการประสานงานกับสถานทูตจีนแล้ว ถือว่าทำได้ดีมาก หลังจากนี้ต้องรอดูท่าทีของฝ่ายจีน ส่วนเรื่องจำนวนนักท่องเที่ยวจีนจะเดินทางมาจำนวนเท่าไหร่ คิดว่ายังไม่ควรให้ความสำคัญในตอนนี้” นายธเนศกล่าว

นางละเอียด บุ้งศรีทอง ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมรติล้านนา ริเวอร์ไซด์ สปา รีสอร์ท เชียงใหม่ ให้ความเห็นว่า เหตุการณ์ครั้งนี้คงไม่ส่งผลกระทบกับการท่องเที่ยวเชียงใหม่มากนัก แต่ประเด็นสำคัญที่ต้องเร่งทำในขณะนี้คือ การสื่อสารระหว่างรัฐต่อรัฐ ที่ต้องสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาไทย ส่วนการยกเลิกจองห้องพักของนักท่องเที่ยวจีนที่จะมาในช่วงไฮซีซั่นยังไม่มีการยกเลิก

พัทยาชี้กระทบทั้งเอเซีย

นายประสิทธิ์ อิทธิพัฒนากุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท สแตนดาร์ดทัวร์ จำกัด กล่าวว่า ถือเป็นเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง และอาจมีผลต่อการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวจีนบ้างในช่วงไฮซีซั่นแต่คงไม่มากนัก เพราะขณะนี้ยังมีเอเย่นต์ทัวร์จีนสอบถามข้อมูลและแพ็กเกจท่องเที่ยวอยู่เป็นปกติ

ปัจจุบันนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมายังเชียงใหม่ ถือว่าอยู่ในระดับที่แผ่วมากคือมีจำนวนน้อยลง คิดเป็นสัดส่วนเพียง 1 ใน 4 หากเทียบกับช่วงก่อนโควิด-19 อาจด้วยปัจจัยอื่น ๆ โดยเฉพาะภาวะเศรษฐกิจจีนชะลอตัว หรือตั๋วเครื่องบินมีราคาแพง เป็นต้น

นายธเนศ ศุภรสหัสรังสี รักษาการประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดชลบุรี เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จากกรณีนี้คาดว่าจะมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในระยะสั้นแน่นอน และผลกระทบไม่ได้เกิดเฉพาะกับนักท่องเที่ยวจีนเท่านั้น แต่รวมไปถึงนักท่องเที่ยวตลาดเอเชียที่มีความชื่นชอบการช้อปปิ้งด้วย 

จากการสอบถามบางโรงแรมที่รับทัวร์จีนที่ยังมีโปรแกรมท่องเที่ยว พบว่า ตอนนี้นักท่องเที่ยวค่อนข้างตื่นตระหนก นักท่องเที่ยวอยู่ในโรงแรมเพียงอย่างเดียว นักท่องเที่ยวจีนที่อยู่ในประเทศไทยบางส่วนไม่อยากอยู่ต่อ และไม่กล้าออกไปช้อปปิ้ง หรือสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ  

ส่วนยอดจอดที่จะเดินทางเข้ามาภายใน 1-2 วัน บางคนจ่ายค่าตั๋วแล้วขอเงินคืนไม่ได้ ก็อาจจะยังคงเดินทางเข้ามา แต่สำหรับยอดบุ๊กกิ้งที่จะเข้ามาในช่วง 1-2 สัปดาห์คงจะต้องรอดูว่าจะยังเข้ามาหรือไม่ อาจจะต้องมีการประเมินสถานการณ์อีกครั้งหลังเกิดเหตุ 1-2 สัปดาห์ และต้องควบคู่ไปกับมาตรการทางภาครัฐที่ต้องเรียกความเชื่อมั่นกลับมา 

หลังเกิดเหตุ นักท่องเที่ยวจีนลดฮวบ

นายกิตติ พรศิวะกิจ รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ข้อมูล ททท. ณ วันที่ 6 ตุลาคม 2566 พบว่า หลังเกิดเหตุการณ์พารากอน จำนวนนักท่องเที่ยวจีนมีแนวโน้มลดลงชัดเจน จากตัวเลขที่เคยพุ่งสูงวันละ 17,000-18,000 คน ตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2566 กลับมาอยู่ระดับวันละ 8,000 คนต่อวัน ในวันที่ 5 ตุลาคม 2566 ทั้งๆ ที่ยังอยู่ใน Golden Week และวีซาฟรี

โดยวันที่ 1 ตุลาคม 2566 ก่อนเกิดเหตุมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามา 17,943 คน วันที่ 2 ตุลาคม วันเกิดเหตุมีนักท่องเที่ยวจีน 15,326 คน วันที่ 3 ตุลาคม หลังเกิดเหตุมีนักท่องเที่ยวจีน 13,453 คน วันที่ 4 ตุลาคม มีนักท่องเที่ยวจีน 11,525 คน และวันที่ 5 ตุลาคม จำนวนนักท่องเที่ยวจีนปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 8,843 คน จากยอดบุ๊กกิ้งเดิมที่คาดว่าจะเข้ามา 12,000 คน

จากแนวโน้มนี้คาดการณ์ว่า จะส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดือนตุลาคมนี้ลดลงราว 350,000 คน เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ลดลง 210,000 คน จากเป้าหมายเดิมคาดไว้ที่ 700,000 คนต่อเดือนในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้

“เดิมรัฐบาลคาดการณ์ว่า จากมาตรการวีซ่าฟรีจะนำพานักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเฉลี่ย 700,000 คนต่อเดือน รวม 3 เดือนสุดท้าย (ตุลาคม-ธันวาคม 2566) เป็น 2.1 ล้านคน หลังเกิดเหตุอาจทำให้ลดลงเหลือ 1.32 ล้านคน หายไป 770,000 คน และยังทำให้นักท่องเที่ยวชาติอื่นๆ ชะลอการเดินทางมาไทยด้วย ทั้งเกาหลี ญี่ปุ่น ดังนั้น หากเราไม่มีมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติม อาจทำให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติหายไปราว 1 ล้านคนในไตรมาสนี้” นายกิตติกล่าว

บิ๊กอสังหาฯปักหมุดพารากอน

รายงานข่าวระบุว่าในเดือนตุลาคม 2566 ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ได้จองพื้นที่ในศูนย์การค้าสยามพารากอน เพื่อขายโครงการใหม่และเร่งระบายสต๊อกโครงการเก่า แม้เกิดเหตุการณ์ร้ายแต่การจัดงานอีเวนต์ขายอสังหาฯ ในห้างยังเดินหน้าต่อด้วยความเชื่อมั่น เพราะไตรมาสสุดท้ายของปีจะเป็นฤดูกาลแห่งการขาย

นอกจากนี้ ในเดือนตุลาคม 2566 ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ได้จองพื้นที่ในศูนย์ฯ เพื่อขายโครงการใหม่และเร่งระบายสต็อกโครงการเก่า แม้เกิดเหตุการณ์ร้ายแต่การจัดงานอีเวนต์ขายอสังหาฯในห้างยังเดินหน้าต่อด้วยความเชื่อมั่น เพราะไตรมาสสุดท้ายของปีจะเป็นฤดูการขาย

บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จัดแคมเปญ “ANANDA DADDY CLEARANCE SALE” หรือ งานลดตัวพ่อ ในวันที่ 6-8 ตุลาคม 2566 ณ สยามพารากอน โดยนำคอนโดมิเนียม บ้าน และทาวน์โฮมพร้อมอยู่ประมาณ 1,100 ยูนิต รวม 27 โครงการ มูลค่า 7,300 ล้านบาท มาจัดแคมเปญกระตุ้นยอดขาย คาดว่าจะได้เงินสดหมุนเวียนจากการขาย 3,376 ล้านบาท ขณะที่บมจ.เอสซี แอสเสท จัดงานเอ็กซ์ซิบิชั่นครบรอบ 20 ปีที่สยามพารากอนอีกเช่นกัน

บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) จัดงาน MQDC Well Living Expo ครั้งแรกในรอบ 30 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท โดยนำที่อยู่อาศัยในเครือ มูลค่ารวมกว่าแสนล้านบาท มาจัดแสดงในงานนี้ด้วย ตั้งแต่วันที่ 12-15 ตุลาคม 2566 บริเวณแฟชั่นฮอลล์ ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามพารากอน เป้ายอดขายอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท

บมจ.แสนสิริ ประกาศจัดงานใหญ่สุดแห่งปี Museum of YOU วันที่ 27-29 ตุลาคม 2566 โดยการันตีราคาดีที่สุด หากเจอต่ำกว่าแสนสิริขอจ่ายคืน โดยยกทัพยูนิตพิเศษทั้งบ้าน-คอนโดฯ-ทาวน์โฮม 34 โครงการทั่วประเทศ มาปักหมุดขาย 3 วัน ที่ชั้น 1 แฟชั่นฮอลล์ สยามพารากอน

ศูนย์การค้าเข้มยกระดับการตรวจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น วันถัดมา ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้าหลายแห่งประกาศเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจจุดเข้า-ออกมากขึ้น โดยนำเครื่องตรวจจับโลหะมาติดตั้งบริเวณทางเข้า-ออก รวมทั้งเพิ่มเจ้าหน้าที่คอยดูแลและอำนวยความสะดวก เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้เข้ามาใช้บริการ

ศูนย์การค้าเซ็นทรัลประกาศยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยในสาขาทั่วประเทศ ติดตั้งจุดตรวจสอบกระเป๋าและสัมภาระลูกค้าบริเวณประตูทางเข้าศูนย์การค้า ยกระดับการตรวจตราความปลอดภัยผ่านระบบกล้องวงจรปิด CCTV จัดเตรียมทีมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเดินตรวจตราภายในศูนย์การค้า พร้อมช่วยเหลือลูกค้าและพนักงานร้านค้าหากเกิดเหตุการณ์ผิดปกติ ทั้งย้ำว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยผ่านการฝึกอบรมระงับเหตุร้ายในทุกรูปแบบอยู่เป็นประจำ ซึ่งมีความพร้อมในการรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ ได้ทันท่วงที

ด้านนางสาววรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาดเดอะมอลล์ กรุ๊ป กล่าวว่า เดอะมอลล์มีมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ให้สามารถรับมือกับเหตุการณ์และสถานการณ์ฉุกเฉินโดยมีผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยราชการเป็นวิทยากรฝึกอบรม ทั้งจัดอบรมภาคทฤษฎี และซักซ้อมจำลองสถานที่ในภาคปฏิบัติเป็นประจำและต่อเนื่อง เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถรับมือได้ทันท่วงที เพื่อดูแลชีวิตทรัพย์สินของลูกค้า พนักงาน พันธมิตร

“สิ่งที่เราทำเบื้องต้นคือ การป้องกันและเฝ้าระวัง ด้วยการตรวจตราวัตถุ บุคคลที่มีพฤติกรรมต้องสงสัย โดยใช้บุคลากรและอุปกรณ์ต่าง ๆ เข้าช่วย พร้อมวางระบบสื่อสารภายในศูนย์การค้าแจ้งให้ทุกคนรับรู้เหตุได้ทันที และให้ทุกคนเข้าสู่แผนเผชิญเหตุโดยเร็วที่สุด ตามขั้นตอนหรือ protocol มาตรการรักษาความปลอดภัยที่กำหนดไว้ ทั้งเพิ่มความระมัดระวังให้เข้มข้นขึ้น”

วีซ่าฟรี จีนบวก 72.49%

จากข้อมูลของกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ณ วันที่ 3 ตุลาคม 2566 พบว่า ช่วงสัปดาห์แรกหลังประกาศวีซ่าฟรี มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาเพิ่มชัดเจน เฉลี่ย 7,000-9,000 คน ในช่วง 1-24 กันยายน 2566 โดยวันที่ 25 กันยายน 2566 เป็นวันแรกของการใช้มาตรการ มีนักท่องเที่ยวจีน 10,988 คน วันที่ 26 กันยายน 2566 มีนักท่องเที่ยวจีน 11,160 คน วันที่ 27 กันยายน 2566 มีนักท่องเที่ยวจีน 14,647 คน วันที่ 28 กันยายน 2566 มีนักท่องเที่ยวจีน 15,961 คน วันที่ 29 กันยายน 2566 มีนักท่องเที่ยวจีน 17,733 คน วันที่ 30 กันยายน 2566 มีนักท่องเที่ยวจีน 18,040 คน และวันที่ 1 ตุลาคม 2566 มีนักท่องเที่ยวจีน 17,943 คน

กล่าวคือ สัปดาห์แรกหลังวีซ่าฟรี (24 กันยายน-1 ตุลาคม 2566) นักท่องเที่ยวจีนปรับตัวเพิ่มขึ้น 44,744 คน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 72.49 เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า

ข้อมูล ณ วันที่ 2 ตุลาคม 2566 พบว่า ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 รวมทั้งสิ้น 20,051,535 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว 839,409 ล้านบาท