
สายการบินต่างชาติ ประกาศห้ามใช้-ชาร์จพาวเวอร์แบงก์บนเครื่องบิน สกัดเหตุไหม้บนเครื่องบิน เริ่มตั้งแต่มีนาคม 2568 เป็นต้นไป ขณะที่ “การบินไทย” เริ่มประกาศห้ามใช้-ชาร์จเช่นเดียวกันแล้ว มีผล 15 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป
จากกรณีเกิดเหตุไฟไหม้เครื่องบิน Air Busan เมื่อปลายเดือนมกราคม 2568 ที่ผ่านมา ทำให้สายการบินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยทางการบิน ต้องออกมาตรการหรือข้อกำหนดใหม่ เพื่อควบคุมการใช้แบตเตอรี่สำรอง หรือ Powerbank บนเครื่องบิน
โดยหลายสายการบินต่างชาติ เช่น Air Busan, EVA Air, Air China ประกาศห้ามผู้โดยสารใช้งานพาวเวอร์แบงก์บนเครื่องบิน และห้ามชาร์จไฟกับปลั๊กไฟหรือช่องเสียบ USB บนเครื่องบิน ตั้งแต่มีนาคม 2568 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นระเบียบเดียวกับสายการบิน STARLUX Airlines ที่มีการประกาศมาตั้งแต่ปี 2561
นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมเกาหลีใต้ มีการออกกฎระเบียบ ห้ามนำพาวเวอร์แบงก์และบุหรี่ไฟฟ้าใส่ในช่องเก็บสัมภาระเหนือศีรษะ ต้องพกติดตัวตลอดเวลา และ ห้ามชาร์จพาวเวอร์แบงก์กับปลั๊กไฟบนเครื่องบิน
ก่อนหน้านี้ สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) มีการออกระเบียบการพกพาวเวอร์แบงก์ จนถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่บรรจุแบตเตอรี่ลิเทียมขึ้นเครื่องบิน เมื่อมกราคม 2568 โดยกำหนดให้แบตเตอรี่สำรอง หรือ Power Bank ขนาดน้อยกว่า 100 Wh สามารถนำขึ้นเครื่องได้สูงสุด 20 ก้อน
ขณะที่สายการบินในประเทศไทย เริ่มมีการประกาศห้ามใช้งานพาวเวอร์แบงก์บนเครื่องบินแล้วเช่นกัน โดยเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2568 บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กำหนดมาตรการการพกพา Power Bank เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร
โดยเนื่องจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นกับสายการบินต่างประเทศ ซึ่งมีข้อสันนิษฐานว่าอาจเกี่ยวข้องกับการใช้งาน Power Bank ระหว่างเที่ยวบิน บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จึงกำหนดมาตรการด้านความปลอดภัย โดยไม่อนุญาตให้ใช้ Power Bank ระหว่างอยู่บนเครื่องบิน มีผลตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวมีขึ้นเพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยสูงสุดของผู้โดยสารและลูกเรือ ขอความร่วมมือทุกท่านปฏิบัติตามข้อกำหนดดังกล่าวและขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ ที่นี้
สำหรับกฎการนำพาวเวอร์แบงก์ขึ้นเครื่องบินนั้น สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ระบุว่า ผู้โดยสารจะต้องนำแบตเตอรี่สำรองไปในรูปแบบสัมภาระติดตัวขึ้นเครื่อง (Carry On Baggage) โดยองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization: ICAO) และสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (International Air Transport Association: IATA) ได้กำหนดขนาดความจุของแบตเตอรี่สำรองที่นำติดตัวขึ้นเครื่องได้ คือ
- หากแบตเตอรี่สำรองมีขนาดความจุ ไม่เกิน 100 Wh (Watt-Hour) หรือ 20,000 mAh (milli ampere-hour) ผู้โดยสารสามารถนำติดตัวขึ้นเครื่องได้คนละไม่เกิน 20 ชิ้น
- หากขนาดความจุเกิน 100 Wh (Watt-Hour) หรือ 20,000 mAh แต่ไม่เกิน 160 Wh (Watt-Hour) หรือ 32,000 ผู้โดยสารสามารถนำติดตัวขึ้นเครื่องได้คนละไม่เกิน 2 ชิ้น
- ขนาดความจุเกิน 160 Wh (Watt-Hour) หรือ 32,000 mAh จะไม่สามารถนำขึ้นเครื่องบินได้ในทุกกรณี
ปัจจุบันมีเหตุการณ์แบตเตอรี่สำรองลุกไหม้บนห้องโดยสาร เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ทำให้สายการบินบางประเทศ เช่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ออกกฎระเบียบเพิ่มเติม เช่น การห้ามชาร์จแบตเตอรี่บนเครื่องบิน และไม่ให้เก็บแบตเตอรี่สำรองบนพื้นที่เก็บสัมภาระเหนือศีรษะ
อย่างไรก็ตาม CAAT และสายการบินของไทย ยังใช้หลักเกณฑ์ตามมาตรฐานและคำแนะนำขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ(ICAO) ทั้งนี้ CAAT แนะนำให้ผู้โดยสารตรวจสอบขนาดความจุของแบตเตอรี่สำรองและสภาพของแบตเตอรี่สำรองให้เป็นไปตามมาตรฐานก่อนการเดินทาง เพื่อความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยทุกเที่ยวบิน