ปิดเกมประมูลมหากาพย์ “คิงเพาเวอร์” กวาดเรียบ “ดิวตี้ฟรี-พื้นที่เชิงพาณิชย์”ภายในอาคารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เผย ทอท.อู้ฟู่ รายได้สัมปทานได้มากเกินคาด ชงเข้าบอร์ด 19 มิ.ย.นี้ จับตา “บางกอกแอร์เวย์ส ล็อตเต้-รอยัล ออคิด-เซ็นทรัล” ขอวัดดวงแข่งเดือดลุยประมูลดิวตี้ฟรี 3 สนามบินภูมิภาค
ในที่สุด บริษัท ท่าอากาศยานไทยจำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ได้ประกาศผล”ผู้ชนะ” งานประมูลที่รอคอยกันมานานทั้ง 2 โครงการ ในวันเดียวกัน (31 พ.ค. 2562) คือ ดิวตี้ฟรี หรือกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร และกิจการบริหารจัดการกิจกรรมเชิงพาณิชย์ภายในอาคารผู้โดยสาร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
คิง เพาเวอร์ กวาดเรียบ
นายวิชัย บุญยู้ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจและการตลาด บมจ.ท่าอากาศยานไทย เปิดเผยว่า หลังนำเสนอผลงาน (presentation) ข้อเสนอด้านเทคนิคเรียบร้อยแล้ว ทอท.ได้ทำการเปิดซองเสนอค่าตอบแทนในการประมูลร้านค้าปลอดอากร (duty free) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ผลคะแนนรวมปรากฏว่า บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด เป็นผู้ชนะด้วยผลคะแนนอันดับ 1 ส่วนบริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ที่ยื่นข้อเสนอในนามกิจการร่วมค้าการบินกรุงเทพ ล็อตเต้ ดิวตี้ฟรี มีคะแนนเป็นลำดับที่ 2 และบริษัท โรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ที่จับมือกับ WDFG UK LIMITED มีคะแนนอยู่ในลำดับที่ 3 จึงทำให้บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี เป็นผู้ชนะในการยื่นซองประมูลดิวตี้ฟรี ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิครั้งนี้
หลังจากนี้ คณะกรรมการจะนำเสนอผลการคัดเลือกและคะแนนของเอกชนทั้ง 3 กลุ่ม ยื่นต่อคณะกรรมการพิจารณารายได้ ในวันที่ 12 มิถุนายนนี้ เพื่อพิจารณาก่อนนำเสนอต่อคณะกรรมการ ทอท. ในวันที่ 19 มิถุนายนที่จะถึงนี้
“การเปิดซองการประมูลครั้งนี้พบว่าผู้ยื่นซองประมูลแต่ละรายได้เสนอผลตอบแทนที่สูงกว่าที่ ทอท.คาดไว้ ในการประเมินผลคะแนนมีเกณฑ์การให้คะแนนด้านเทคนิค 80 คะแนน และด้านผลตอบแทน 20 คะแนน ผู้ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดจะได้คะแนนเต็มในส่วนของผลตอบแทน และจะลดหลั่นลงมาตามสัดส่วน ทั้งนี้ นอกจากผลตอบแทนแล้วนั้น ทอท.ยังพิจารณาถึงความเป็นไปได้ของโครงการประกอบกับแผนการตลาด โดยแต่ละบริษัทก็มีแนวคิดทางการตลาดและความเป็นไปได้ต่างกัน”
อย่างไรก็ตาม หลังจากการเปิดซองแล้วเสร็จและทราบผลผู้ชนะแล้วนั้น ทอท.ได้เจรจาต่อรองรายได้กับทางบริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี เป็นที่เรียบร้อย โดยผลตอบแทนที่คิง เพาเวอร์ เสนอในเบื้องต้นมากกว่าขั้นต่ำที่ ทอท.เคยได้รับอยู่เดิมและคาดหมายไว้
“คะแนนจะเปิดเผยให้ทราบได้ หลังผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการบริษัทแล้ว หากบริษัทใดต้องการขอทราบรายละเอียดเรื่องการพิจารณาก็สามารถยื่นจดหมายต่อ ทอท. ขอดูรายละเอียดผลการพิจารณาของบริษัทตนได้ก่อนวันที่ 19 มิถุนายนนี้”
ทั้งนี้ ตาม TOR ใหม่ ผู้ชนะประมูลร้านค้าปลอดอากรจะต้องจ่ายส่วนแบ่งรายได้ (revenue sharing) 20% ตลอดระยะเวลาสัญญา 10 ปี หรือถ้าหากในปีไหนส่วนแบ่งรายได้น้อยกว่าอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำ (minimum guar-antee) ที่ทางผู้ชนะการประมูลได้ยื่นเสนอไว้ก็ให้จ่ายตามอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำแทน แตกต่างกับสัญญาเดิมที่ส่วนแบ่งรายได้มีการปรับเปลี่ยนในระหว่างระยะสัญญา
รายได้ ทอท.พุ่ง
นายวิชัยกล่าวอีกว่า ขณะเดียวกัน เรื่องการพิจารณาผู้รับสัมปทานพื้นที่พาณิชย์ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมินั้น หลังพิจารณาข้อเสนอผลงานด้านเทคนิคแล้ว ทอท.ได้ทำการเปิดซองเสนอค่าตอบแทนในการประมูล คะแนนรวมผลปรากฏว่า บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด เป็นผู้ชนะด้วยผลคะแนนอันดับ 1 ส่วนบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) มีคะแนนเป็นอันดับที่ 2
โดยบริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัดได้เสนอค่าตอบแทนสูงกว่าที่ ทอท.เคยได้อยู่เดิมและคาดหมายเอาไว้
ทั้งนี้ ตาม TOR ใหม่ ผู้ชนะประมูลกิจกรรมเชิงพาณิชย์จะต้องจ่ายส่วนแบ่งรายได้ (revenue sharing) 15% ตลอดระยะเวลาสัญญา 10 ปี หรือหากปีไหนส่วนแบ่งรายได้น้อยกว่าอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำ (minimum guarantee) ที่ผู้ชนะการประมูลได้ยื่นเสนอไว้ก็ให้จ่ายตามอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำแทน ซึ่งที่ผ่านมา ทอท.ได้รับอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำ 2,000 ล้านต่อปี โดยครั้งนี้ผู้ชนะการประมูลจะทำการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงพื้นที่ตามที่ได้เสนอไว้กับทางคณะกรรมการพิจารณาของ ทอท.
อย่างไรก็ตาม ตาม TOR นี้มีจำนวนพื้นที่ร้านค้าปลอดอากรและพื้นที่กิจกรรมเชิงพาณิชย์มากกว่า 10 ปีก่อน เนื่องจากได้รวมพื้นที่อาคารแซตเทลไลต์เข้ามาด้วย 4,000 ตารางเมตร เมื่อรวมกับพื้นที่เดิม 18,000 ตารางเมตร จะมีพื้นที่ทั้งหมดกว่า 22,000 ตารางเมตร (ไม่รวมพื้นที่ดิวตี้ฟรี)การปรับเปลี่ยนรายได้จากการประมูลครั้งนี้ จะทำให้สัดส่วนรายได้ของ ทอท.ที่เคยได้จากธุรกิจการบินและธุรกิจที่ไม่ใช่การบินเปลี่ยนไป โดยรายได้จากธุรกิจที่ไม่ใช่การบินจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 40%
อย่างไรก็ตาม เมื่ออาคารแซตเทลไลต์เปิดให้บริการ รายได้ของธุรกิจการบินก็จะมีสัดส่วนที่เพิ่มมากขึ้นตามมา
กลุ่มรอยัล ออคิด สู้ต่อ
นายวิทวัส วิภากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท รอยัล ออคิด เชอราตัน ได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า จากคะแนนที่ ทอท.แจ้งว่าบริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี ได้คะแนนมากกว่า 90 คะแนน บริษัท การบินกรุงเทพ ได้คะแนนประมาณ 80 คะแนน และทางรอยัล ออคิด เชอราตัน ได้คะแนนราว 70 คะแนนนั้น ทางบริษัทจะเดินหน้าส่งหนังสือเพื่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมถึงผลการพิจารณาในการยื่นซองประมูลดิวตี้ฟรีท่าอากาศยานสุวรรณภูมิต่อ ทอท.ในเวลาอันใกล้ และบริษัทจะยังเดินหน้าเข้าประมูลดิวตี้ฟรีในท่าอากาศยานภูมิภาคทั้ง 3 แห่งต่อไป ในวันที่ 4 มิถุนายนนี้
ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า หลังจากการเปิดซองประมูลดิวตี้ฟรี ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตัวแทนบริษัท การบินกรุงเทพ เดินทางกลับทันที โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเช่นเดียวกับตัวแทนจากบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หลังจากประชุมในช่วงบ่ายก็ได้เดินออกจากห้องประชุม และไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด
ดิวตี้ฟรี 3 สนามบินภูมิภาคเดือด
แหล่งข่าวในธุรกิจดิวตี้ฟรีรายหนึ่งกล่าวว่า หลังทราบผลประมูลดิวตี้ฟรีที่สนามบินสุวรรณภูมิแล้ว ทุกบริษัทพร้อมทุ่มแข่งประมูลดิวตี้ฟรี 3 สนามบินในภูมิภาค (ภูเก็ต, เชียงใหม่ และหาดใหญ่)โดยเฉพาะกลุ่มบางกอกแอร์เวย์สที่จับมือกับล็อตเต้ ดิวตี้ฟรี เนื่องจากกลุ่มบางกอกแอร์เวย์สตั้งเป้าขยายธุรกิจเข้าสู่ธุรกิจดิวตี้ฟรีจริงจัง และพร้อมทั้งด้านเงินลงทุนและศักยภาพของพันธมิตร
“เป้าหมายสำหรับการประมูลรอบนี้ของกลุ่มบางกอกแอร์เวย์สไม่ใช่ดิวตี้ฟรีที่สุวรรณภูมิ แต่เป็นสนามบินในภูมิภาค เพราะการแข่งขันยังไม่สูงมากนัก และที่ผ่านมาทั้ง 3 สนามบินภูมิภาคยังเป็นตลาดที่เล็ก มองเรื่องกำไร-ขาดทุนอาจไม่คุ้มกับการลงทุนนัก” แหล่งข่าวกล่าว
ด้านนายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ. ท่าอากาศยานไทย กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สำหรับสัญญาประมูลดิวตี้ฟรี 3 สนามบินในภูมิภาคมีรายชื่อผู้เข้าประมูลรวม 4 รายคือ คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี, กลุ่มบางกอกแอร์เวย์ส-ล็อตเต้ฯ, กลุ่มโรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน (ประเทศไทย) ที่จอยต์เวนเจอร์กับ WDFG UK และกลุ่มเซ็นทรัลที่แจ้ง consortium กับ
ดีเอฟเอส เวนเจอร์ สิงคโปร์
“สัญญานี้เดิมกำหนดวันยื่นซองประมูล3 มิ.ย.นี้ แต่เนื่องจากเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ ทอท.ได้เปลี่ยนวันยื่นซองเป็น 4 มิ.ย. และนำเสนอแผนงาน 5-6 มิ.ย. เปิดซองราคาและประกาศผลผู้ชนะคะแนนสูงสุด 10 มิ.ย.2562”