ชูโมเดล Travel Bubble รับเปิดน่านฟ้า-ดูดนักท่องเที่ยว

ขณะนี้ในหลายประเทศทั่วโลกเริ่มทำการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19ได้แล้ว และไม่มีตัวเลขของผู้ติดเชื้อรายใหม่เกิดขึ้นในประเทศแล้วทำให้กลุ่มประเทศเหล่านี้คลายล็อกให้มี

การเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศมาระยะหนึ่งแล้ว และมีประเทศจำนวนหนึ่งที่เริ่มประกาศวันเปิดน่านฟ้าให้คนในประเทศเดินทางระหว่างประเทศได้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายนนี้เป็นต้นไป เช่น ญี่ปุ่น เป็นต้น และมีอีกหลายประเทศที่มีแผนเปิดน่านฟ้าเส้นทางบินระหว่างประเทศในเดือนกรกฎาคมนี้ ไม่ว่าจะเป็น จีน (ปักกิ่ง), ออสเตรเลีย, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ไต้หวัน เป็นต้น

โดยหนึ่งในมาตรการที่หลาย ๆ ประเทศทำการศึกษาเพื่อเปิดให้มีการเดินทางระหว่างประเทศ คือ การเปิดประเทศแบบ “ทวิภาคี” หรือ travel bubble ซึ่งเป็นการเปิดประเทศแบบจับคู่มากกว่า 1 ประเทศ ในการทำข้อตกลงระหว่างกันในการรับนักท่องเที่ยวภายใต้เงื่อนไขที่ตกลงกัน และยอมรับว่าจะปลอดภัยจากโควิด-19 โดยไม่มีการกักตัว 14 วัน ซึ่งที่ผ่านมาออสเตรเลีย,นิวซีแลนด์ ได้เริ่มดำเนินการไปแล้ว และคาดว่าเร็ว ๆ นี้ ทางญี่ปุ่น, จีนก็น่าจะใช้รูปแบบดังกล่าวนี้ด้วย สำหรับประเทศไทยนั้นก็มีแนวคิดเปิดน่านฟ้าต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในรูปแบบเดียวกันนี้เช่นกัน

ก่อนหน้านี้ “พิพัฒน์ รัชกิจประการ”รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้สัมภาษณ์ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ เตรียมความพร้อมในการเจรจาเรื่อง “แทรเวลบับเบิล” (travel bubble) เพื่อแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าประเทศไทยน่าจะมีการเปิดให้มีการเดินทางระหว่างประเทศได้ ในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้

โดยจากการหารือร่วมกัน ทางนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ เจรจากับประเทศปลายทางที่ปลอดเชื้อไวรัสโควิด ขณะที่ทางกระทรวงการท่องเที่ยวฯได้มอบหมายทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นผู้ประสาน และเตรียมความพร้อม เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่มีความพร้อม มีสำนักงานอยู่ในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก

“รมว.พิพัฒน์” บอกว่า ในเบื้องต้นนั้นจะโฟกัสนักท่องเที่ยว 2 กลุ่มหลัก คือ 1.กลุ่มนักธุรกิจ ซึ่งปัจจุบันมีนักธุรกิจที่จำเป็นต้องติดต่อกับประเทศไทยกระจายอยู่ทั่วโลก โดยในหลักการจะให้บริษัทหรือหน่วยงานต่าง ๆ ที่ต้องประสานกับนักธุรกิจหรือคู่ค้าที่อยู่ในต่างประเทศ และมีความจำเป็นต้องเดินทางเข้ามาประเทศไทย เพื่อประชุมหรือเซ็นสัญญาธุรกิจ เป็นหน่วยงานออกหนังสือรับรอง เพื่อให้นักธุรกิจที่จะเดินทางเข้ามานำไปติดต่อเพื่อขอออกวีซ่าที่สถานทูตในประเทศต้นทาง พร้อมทั้งแนบใบรับรองแพทย์ว่าไม่ติดเชื้อโควิด ภายใน 72 ชั่วโมง

และ 2.กลุ่มที่เข้ามารักษาพยาบาลในประเทศไทย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้าประจำของโรงพยาบาลต่าง ๆ อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลกรุงเทพ, บำรุงราษฎร์,สมิติเวช ฯลฯ รวมถึงโรงพยาบาลขนาดใหญ่ในต่างจังหวัด ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ถึงเวลาที่ต้องมาตรวจการรักษาต่อเนื่อง กลุ่มนี้จะให้โรงพยาบาลต่าง ๆออกหนังสือรับรอง เพื่อให้ลูกค้านำไปใช้ประกอบการยื่นขอวีซ่าเช่นเดียวกัน

“ทั้ง 2 กลุ่มนี้เมื่อมาถึงเมืองไทยเราจะทำการตรวจวัดไข้ และตรวจโควิดที่สนามบินสำหรับกลุ่มนักธุรกิจ และหากอยู่นานเพื่อการท่องเที่ยวต่อ กลุ่มนี้จำเป็นต้องทำการตรวจโควิดซ้ำอีกครั้งเพื่อให้มั่นใจว่าปลอดเชื้อจริง ๆ ส่วนกลุ่มที่มารักษาพยาบาลนั้น เราจะมีบริการรับส่งถึงสถานพยาบาล และมาตรวจโควิดที่โรงพยาบาลที่มารักษา”

พร้อมทั้งย้ำว่า การเดินทางท่องเที่ยวในรูปแบบ travel bubble นั้น เป็นเรื่องที่ภาคท่องเที่ยวไทยต้องทำทันที เพื่อเตรียมความพร้อมเมื่อสถานการณ์โรคโควิด-19 ดีขึ้น เพราะตอนนี้ในประเทศไทย และอีกหลาย ๆ ประเทศสถานการณ์การแพร่ระบาดเริ่มคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้นแล้ว