ลุ้น “เที่ยวไทยวัยเก๋า” ล้านสิทธิ สั่งทบทวน-หวั่นราคาเกินจริง

ท่องเที่ยว
PHOTO : PIXABAY

“วัยเก๋า” รอเก้อ ! โครงการเที่ยวไทยวัยเก๋า รัฐช่วยจ่าย 5 พันไม่ถึงฝั่ง ครม.โยนกลับ ททท.ทบทวนอีกรอบ วงในจี้ยกเลิกกำหนดราคาแพ็กเกจทัวร์ขั้นต่ำ 1.25 หมื่นบาท หวั่นเปิดช่องผู้ประกอบการฉวยโอกาสอัพราคาเกินจริง แนะใช้มาตรการอุดหนุน 40% กระจายรายได้สู่ธุรกิจทุกระดับ ผู้ว่าการ ททท.พร้อมชงต่ออีกรอบ ยันระบบตรวจสอบได้ คาด 1 ล้านสิทธิหมดภายใน 3 เดือนตามเป้า

จากกรณีที่สมาคมท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) นำเสนอโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวกลุ่มผู้สูงอายุในโครงการ “เที่ยวไทยวัยเก๋า” โดยให้รัฐบาลสนับสนุนการเดินทางท่องเที่ยวผ่านบริษัทนำเที่ยวในกลุ่มผู้มีอายุ 55 ปีขึ้นไป จำนวน 5,000 บาทต่อ 1 คน เป็นจำนวน 1 ล้านคน ในวงเงิน 5,000 ล้านบาท ภายใต้กรอบงบประมาณเดิมของโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน”

โดยกรอบการดำเนินงานโครงการดังกล่าวผ่านความเห็นชอบจากศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) ไปแล้ว เมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา และรอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ ก่อนนำไปดำเนินการต่อไป

“วัยเก๋า” รอเก้อ-ครม.ตีกลับ

แหล่งข่าวในวงการธุรกิจท่องเที่ยวรายหนึ่งกล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีล่าสุดเมื่อวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา ยังไม่เห็นชอบกรอบการดำเนินงานโครงการ “เที่ยวไทยวัยเก๋า” โดยได้มอบหมายให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เร่งสร้างความชัดเจนของการดำเนินโครงการดังกล่าวอีกครั้ง

ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินโครงการสามารถส่งเสริมและกระตุ้นการบริโภคภาคครัวเรือนและภาคเอกชน รวมถึงการลงทุนต่าง ๆ ของภาคเอกชน เพื่อให้สภาวะการบริโภคและการลงทุนกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้โดยเร็วตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ และนำกลับไปเสนออีกครั้งตามขั้นตอน

หวั่นทัวร์ฉวยโอกาสอัพราคา

สอดรับกับแหล่งข่าวอีกรายหนึ่งที่กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายส่วนได้ตั้งข้อสังเกตว่า แนวทางกระตุ้นการเดินทางในกลุ่มผู้สูงอายุ ในโครงการ “เที่ยวไทยวัยเก๋า” นั้น มีเงื่อนไขหลายประเด็นที่ไม่สอดรับกับเป้าหมาย โดยเฉพาะการกำหนดราคาแพ็กเกจทัวร์เริ่มต้นขั้นต่ำ 12,500 บาท สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวในวันธรรมดา (อาทิตย์-พฤหัสฯ) และเงื่อนไขกำหนดให้ผู้ได้สิทธิสามารถใช้ได้เพียง 1 สิทธิเท่านั้น ไม่สามารถแบ่งปันสำหรับผู้ติดตามได้

โดยในส่วนของการกำหนดราคาแพ็กเกจทัวร์เริ่มต้นขั้นต่ำนั้น หลายภาคส่วนมองว่ารัฐไม่ควรกำหนดราคาขายแพ็กเกจทัวร์ขั้นต่ำที่ 12,500 บาท เนื่องจากเป็นราคาที่สูงเกินไป โดยที่ผ่านมามาตรฐานราคาสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศในภาวะปกติส่วนใหญ่ราคาเฉลี่ยสำหรับแพ็กเกจทัวร์ 3 วัน 2 คืน อยู่ที่ประมาณ 6,000-8,000 บาทเท่านั้น หรือเต็มที่ไม่เกิน 10,000 บาท ที่สำคัญ โครงการดังกล่าวกำหนดให้ผู้สูงวัยเดินทางในวันธรรมดา ยิ่งทำให้ต้นทุนค่าตั๋วเครื่องบินและโรงแรมที่พักลดลงมาอีกกว่า 50% ด้วย

“การที่รัฐกำหนดราคาขายขั้นต่ำไว้ที่ 12,500 บาท ถือเป็นการตั้งราคาที่สูงกว่าความเป็นจริงของสภาวะตลาดในขณะนี้ค่อนข้างมาก ซึ่งหลายฝ่ายเป็นห่วงว่าจะเป็นการเปิดทางให้ผู้ประกอบการคอร์รัปชั่น และอัพราคาขายที่สูงเกินความเป็นจริงได้ ขณะเดียวกันยังเป็นแนวทางที่สวนทางกับกำลังซื้อของคนไทยในเวลานี้อีกด้วย”

แนะรัฐอุดหนุน 40%

แหล่งข่าวรายนี้ยังกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า เพื่อให้การดำเนินโครงการดังกล่าวบรรลุตามวัตถุประสงค์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และกระทรวงการท่องเที่ยวฯ น่าจะลองทบทวนเงื่อนไขและกรอบการดำเนินงานอีกครั้ง โดยไม่ควรกำหนดราคาขายขั้นต่ำ เพื่อให้บริษัททัวร์พัฒนาโปรแกรมนำเที่ยวออกมาหลากหลาย มีหลายระดับราคาให้เลือกตามกำลังซื้อ โดยที่รัฐให้การสนับสนุนในอัตรา 40% ตามมาตรการของโครงการ

“เราเที่ยวด้วยกัน” และกำหนดให้สูงสุดไม่เกิน 5,000 บาท”การกำหนดราคาขั้นต่ำที่สูงนั้นอาจตอบโจทย์เรื่องการกระตุ้นกลุ่มผู้สูงอายุที่มีกำลังซื้อให้ออกมาท่องเที่ยว แต่ในทางกลับกันการจับจ่ายที่เกิดขึ้นก็จะหมุนเวียนเข้าสู่ผู้ประกอบการด้านซัพพลายเชนที่อยู่ในระดับลักเซอรี่ หรืออยู่ในเมืองท่องเที่ยวใหญ่อย่างสมุย หรือภูเก็ตเท่านั้น ไม่กระจายลงสู่ธุรกิจในทุกระดับ ซึ่งที่ผ่านมาผู้ประกอบการรายเล็ก หรือขนาดกลางก็ไม่ได้รับอานิสงส์จากโครงการเราเที่ยวกัน แล้วภาคท่องเที่ยวจะประคับประคองซัพพลายเชนให้อยู่รอดกันต่อไปได้อย่างไร”

ททท.จ่อชง ครม.อีกรอบ

ด้านนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ททท.เตรียมเข้าหารือกับทางสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) อีกครั้งช่วงสัปดาห์หน้า เนื่องจากทางสภาพัฒน์ให้ทาง ททท.ทำการตรวจสอบความพร้อมของระบบ และคาดการณ์ผลของการดำเนินโครงการอีกครั้ง จากนั้นจะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไปอีกครั้ง

“ที่โครงการนี้ยังไม่ผ่านการพิจารณาของที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมานั้น เนื่องจากติดขัดเรื่องความพร้อมของระบบ เพราะต้องทำระบบผ่านเคทีบี อย่างไรก็ตาม สำหรับกรอบการดำเนินโครงการนั้นยังคงเป็นไปตามแนวทางเดิมทั้งหมดที่ผ่านการพิจารณาเห็นชอบของ ศบศ.ไปแล้ว” นายยุทธศักดิ์กล่าว

ยันตรวจสอบได้-ปิดช่องทุจริต

สำหรับกรณีที่มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า การกำหนดราคาแพ็กเกจทัวร์ขั้นต่ำไว้สูงอาจเปิดช่องให้ผู้ประกอบการคอร์รัปชั่น และฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาแพ็กเกจทัวร์ให้สูงเกินจริงนั้น นายยุทธศักดิ์กล่าวว่า เป้าหมายของโครงการคือ กระตุ้นกำลังซื้อกลุ่มอายุ 55 ปีขึ้นไปที่มีกำลังซื้อและสามารถเดินทางในวันธรรมดา กรอบปฏิบัติที่ออกมาจึงโฟกัสไปที่กลุ่มคนที่มีกำลังซื้อเป็นหลัก จึงกำหนดราคาไว้ค่อนข้างสูง

“การดำเนินการทุกอย่างผ่านระบบ บริษัททัวร์ที่จะเข้าร่วมก็ต้องผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ และรายการทัวร์ทั้งหมดก็ต้องอัพโหลดขึ้นบนเว็บไซต์ทั้งหมด ข้อมูลทุกส่วนเปิดเผยต่อสาธารณะ จึงยืนยันว่าทุกอย่างสามารถตรวจสอบได้ ที่สำคัญ คาดว่าจะมีผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมจำนวนมาก จึงเชื่อว่าจะเป็นเรื่องของการแข่งขัน ไม่มีฮั้วกันแน่นอน” นายยุทธศักดิ์กล่าวและว่า นอกจากนี้ การให้ 1 บริษัทขายได้แค่ 3,000 สิทธิ์ ก็น่าจะช่วยให้เกิดการกระจายถึงผู้ประกอบการอย่างทั่วถึงด้วย

ผู้ว่าการ ททท.ยังกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ปัจจุบันจำนวนประชากรกลุ่มอายุ 55 ปีขึ้นไป มีสัดส่วนประมาณ 20% ของประชากรทั้งหมด หรือประมาณ 14-15 ล้านคน จึงมั่นใจว่าโครงการดังกล่าวจะสามารถกระตุ้นให้กลุ่มสูงอายุจำนวน 1 ล้านคน ให้ออกมาเที่ยวได้หมดภายในเวลา 3 เดือนได้ตามเป้าหมาย

ของขวัญปีใหม่ “คนท่องเที่ยว”

นายธนพล ชีวรัตนพร นายกสมาคมท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า หลังจากโครงการดังกล่าวไม่ผ่านการเห็นชอบจาก ครม. ทางผู้ว่าการ ททท.ได้เชิญทางสมาคม สทน. เข้าไปรับทราบรายละเอียดขั้นตอนการดำเนินงาน เมื่อวันที่ 9 ธันวาคมที่ผ่านมา และแจ้งว่ารัฐบาลยังรอความพร้อมของระบบของแบงก์กรุงไทย และทาง ททท.จะนำเสนอโครงการดังกล่าวให้ ครม.พิจารณาอีกครั้งในสัปดาห์หน้า


“คาดว่ากรอบปฏิบัติจะเป็นไปตามมติของ ศบศ.ทั้งหมด เพียงแต่ต้องรอความพร้อมของระบบ ทำให้มั่นใจว่าโครงการนี้จะผ่านการพิจารณาและเริ่มดำเนินโครงการได้เร็ว ๆ นี้ ซึ่งทาง สทน.เองถือว่าทาง ททท.ได้มอบโครงการนี้เป็นของขวัญปีใหม่ให้กลุ่มผู้สูงอายุได้ท่องเที่ยว และทำให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวได้กลับมาทำงานกันอีกครั้ง” นายธนพลกล่าว