การบินไทย เดินหน้าเปิดเที่ยวบิน เร่งเครื่องไตรมาส 3-4 รับภูเก็ตแซนด์บอกซ์

การบินไทย

“การบินไทย” เดินหน้าสร้างรายได้หลังผ่านแผนฟื้นฟู ลั่นพร้อมกลับมาเป็นองค์กรที่แข่งขันในตลาด ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เร่งเพิ่มเที่ยวบินพาณิชย์เริ่มไตรมาส 3 รับภูเก็ตแซนด์บอกซ์ คาดสิ้นปีกลับมาบินได้ 40%

นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยหลังศาลล้มละลายกลางเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการว่า ศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการและแผนที่แก้ไขตามมติของที่ประชุมเจ้าหนี้ เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2564 ซึ่งนับจากนี้คณะผู้ทำแผนทั้งหมดได้หมดวาระลงแล้ว โดยจะมีผู้บริหารแผนที่ถูกนำเสนอชื่อตามแผนฟื้นฟูทั้ง 5 คน เข้ามาบริหารต่อ โดยมีนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ เป็นประธานบริหาร และนายพรชัย ฐีระเวช นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ นายไกรสร บารมีอวยชัย และนายชาญศิลป์ ตรีนุชกร เป็นผู้บริหารแผน ซึ่งจะมีอำนาจหน้าที่ในการบริหารธุรกิจของบริษัท และดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการ

นอกจากนี้ ยังมีคณะกรรมการเจ้าหนี้อีก 7 รายร่วมด้วย ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ กระทรวงการคลัง สหกรณ์ออมทรัพย์การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จำกัด ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย จำกัด สหกรณ์ออมทรัพย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จำกัด บมจ.ไทยสมุทรประกันชีวิต และธนาคารออมสิน

โดยบริษัทพร้อมที่จะกลับมาดำเนินธุรกิจและให้บริการ เพื่อกลับมาเป็นองค์กรที่แข่งขันในตลาดและมีส่วนช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศ และตระหนักถึงความสำคัญและความเร่งด่วนในการทำให้ธุรกิจของการบินไทยอยู่รอด โดยมีมาตรการในการหารายได้และได้เร่งดำเนินการอย่างสุดความสามารถและเต็มศักยภาพ

ทั้งนี้ เพื่อรักษาความสามารถในการทำกำไร เพิ่มการเชื่อมโยงเครือข่ายให้ครอบคลุมที่สุดทั้งขาเข้าและขาออกจากประเทศไทย วิเคราะห์เครือข่ายทั้งหมดเพื่อลดเส้นทางบินที่ซ้ำซ้อน และวางแผนเครือข่ายเส้นทางบินที่ครอบคลุมเส้นทางที่มีผลกำไรในปัจจุบัน เส้นทางบินที่กลับมาทำกำไรได้ด้วยการลดต้นทุนและการพัฒนาด้านการพาณิชย์ เส้นทางบินที่มีสัดส่วนการต่อเครื่องสูง เส้นทางบินที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ รวมทั้งประเมินเส้นทางบินใหม่ที่จะส่งเสริมเครือข่ายเส้นทางบิน โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ต

“จากนี้ไปเราเดินหน้าทำธุรกิจตามแผนต่อไป โดยเชื่อมั่นว่าในไตรมาส 3 และ 4 นี้ ประเทศไทยจะสามารถกระจายการฉีดวัคซีนได้ครอบคลุมยิ่งขึ้น และทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวและสายการบินกลับมาทำธุรกิจได้ดีขึ้น โดยคาดว่าหากประเทศไทยสามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตามโมเดลภูเก็ตแซนด์บอกซ์ได้จะทำให้เป็นผลดีกับในอีก 9 จังหวัดที่อยู่ในแผนต่อไป และหากไม่มีปัญาหาใหม่เกิดขึ้น จะทำให้เรามีสัญญาณที่ดีขึ้นตั้งแต่ต้นปีหน้าเป็นต้นไป” นายชาญศิลป์กล่าว

นายนนท์ กลินทะ ประธานเจ้าหน้าที่สายการพาณิชย์กลยุทธ์การหารายได้ บมจ.การบินไทย กล่าวเสริมถึงแผนการหารายได้ว่า นับตั้งแต่ไตรมาส 3 นี้เป็นต้นไป การบินไทยจะเพิ่มเที่ยวเชิงพาณิชย์มากขึ้นรับนโยบายรัฐบาลเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตามโมเดล “ภูเก็ตแซนด์บอกซ์” โดยโฟกัสเส้นทางในภูมิภาคยุโรปเป็นหลัก อาทิ แฟรงก์เฟิร์ต, โคเปนเฮเกน, ซูริก, ลอนดอน ปารีส จากนั้นจะทยอยเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 4 ต่อไป เช่น สิงคโปร์, ฮ่องกง, โซล และอีกหลายเมืองในจีน เป็นต้น

“ที่ผ่านมาการบินไทยให้บริการเที่ยวบินขนส่งสินค้า หรือคาร์โก้ และเที่ยวบินกึ่งพาณิชย์เป็นหลัก โดยมีเที่ยวบินพิเศษรับคนไทยกลับบ้านและเที่ยวบินขนส่งสินค้า ระหว่างเดือนเมษายน-เดือนธันวาคม 2563 จำนวน 2,042 เที่ยวบิน และตั้งแต่เดือนมกราคม-พฤษภาคม 2564 จำนวน 2,105 เที่ยวบิน แต่นับจากไตรมาส 3 นี้เป็นต้นไป การบินไทยจะกลับมาให้บริการเที่ยวบินเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบได้อีกครั้ง” นายนนท์กล่าว

ทั้งนี้ คาดว่าบริษัทจะสามารถกลับมาในช่วงไตรมาส 3 นี้ได้ประมาณ 30-35% เมื่อเทียบกับปี 2562 และเพิ่มเป็นประมาณ 40% จากนั้นจะเพิ่มเป็น 85% ในประมาณปี 2568