สรุปเรื่อง “ค่าเหยียบแผ่นดิน” รัฐบาลเก็บจากใครบ้าง มีขั้นตอนอย่างไร เก็บเมื่อไร ? และกฎระเบียนอื่น ๆ หลังกระทรวงท่องเที่ยวฯ จ่อชง ครม. ให้มีผลใน ส.ค.-ก.ย. 65 นี้
วันที่ 29 เมษายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาแนวทางการจัดเก็บ “ค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยว” หรือที่รู้จักกันดีว่า “ค่าเหยียบแผ่นดิน” ซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ใน พ.ร.บ. นโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ ฉบับปรับปรุง 2562
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- รักษาการอธิบดี DSI เปิดเงื่อนไข “ขนย้ายกากแคดเมียม” เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่
โดยการจัดเก็บ “ค่าเหยียบแผ่นดิน” จะเป็นการเก็บเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย 300 บาทต่อคน เพื่อเป็นค่าประกันภัยและประกันชีวิตให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามา คาดกันว่าจะเริ่มเก็บในเดือน ส.ค. – ก.ย. 2565 นี้
เหตุผลที่ต้องเก็บค่าเหยียบแผ่นดิน
นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ขยายความถึงสาเหตุที่ต้องเก็บ ค่าเหยียบแผ่นดิน ว่า มี 4 ประการหลัก ๆ
- กันเป็นงบที่ใช้ดูแลเยียวยานักท่องเที่ยว เช่น การเกิดอุบัติเหตุ
- ใช้ในการบริหารด้านสาธารณสุขกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
- ให้มีงบประมาณในการดูแลแหล่งท่องเที่ยว ที่เกิดความเสื่อมโทรมจากการท่องเที่ยว
- เป็นทุนหมุนเวียนในการพัฒนาการท่องเที่ยว ขยายขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่อุตสาหกรรม การพัฒนาทักษะด้านการบริหาร-การตลาด ส่งเสริมสินค้าด้านการท่องเที่ยวใหม่ ๆ รวมทั้งการจัดให้มีการประกันภัยแก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ
เก็บกับการเดินทาง “ทางอากาศ” ก่อน
ก่อนหน้านี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า การเก็บค่าเหยียบแผ่นดินจะจัดเก็บกับ “การเดินทางจากทางอากาศ” ก่อน ส่วน “การเดินทางทางบก-น้ำ” ยังหารือกันอยู่
ค่าเหยียบแผ่นดิน ใครต้องจ่ายบ้าง
นายมงคล วิมลรัตน์ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า เมื่อโฟกัสเฉพาะการเดินทางทางอากาศ บุคคลที่จะถูกเรียกเก็บค่าเหยียบแผ่นดิน ประกอบด้วย
- ชาวต่างชาติที่ไม่ใช่สัญชาติไทย
- ชาวต่างชาติที่ถือวีซ่าท่องเที่ยว
ผู้ที่ได้รับการยกเว้น ไม่ต้องจ่ายค่าเหยียบแผ่นดิน
- ผู้ถือพาสปอร์ตชาวไทย
- ชาวต่างชาติที่ถือพาสปอร์ตประเภท Diplomat (หนังสือเดินทางทูต), Official (หนังสือเดินทางราชการ, และ พาสปอร์ตประเภท Work Permit (ใบอนุญาตทำงาน)
- สำหรับผู้ถือ Work Permit ต้องใส่เลขใบอนุญาตการทำงานกำกับด้วย
- เด็กอ่อนชาวต่างชาติอายุต่ำกว่า 2 ปี ต้องใส่ วัน/เดือน/ปีเกิด ด้วย
- รายละเอียดอื่น ๆ เป็นไปตามที่กระทรวงกำหนด
ไทม์ไลน์การเก็บค่าเหยียบแผ่นดิน ส.ค.-ก.ย.65
- ลงทะเบียนสายการบินภายใน 15 วัน (เปิดทดสอบการลงทะเบียนวันที่ 2 พ.ค. 2565)
- การแก้ไขกฎหมายตาม พ.ร.บ.นโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ ลงประกาศราชกิจจานุเบกษา
- เชิญสายการบิน (ที่ลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว) จัดฝึกอบรมและแนะนำการใช้งานระบบระบบการจัดเก็บค่าธรรมเนียมนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติภายในประเทศไทย หรือ Thailand Tourism Fee System (TTF System) ทั้งการใช้งานและการพัฒนาระบบเชื่อมต่อ
- การร่วมพัฒนาการเชื่อมโยงข้อมูล Final Passenger Manifest, การทดสอบการเชื่อมโยงข้อมูล
- เริ่มจัดเก็บค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวฯ คาดว่าจะประกาศในราชกิจจานุเบกษา ช่วง ส.ค.-ก.ย. 2565
ขั้นตอนการจัดเก็บค่าเหยียบแผ่นดินตามระบบ TTF System
- ซื้อตั๋วเครื่องบินผ่านระบบออกตั๋วของสายการบิน และระบบออกตั๋วฯ แสดงหน้าจอคัดกรองการจัดเก็บค่าธรรมเนียม
- คัดกรองตามเงื่อนไขในการคัดกรองข้อมูล จะใช้พาสปอร์ตในการคัดกรองข้อมูล เงื่อนไขในการคัดกรองข้อมูล
- สายการบินดำเนินการออกตั๋วโดยสาร ที่ผ่านการคัดกรองแล้ว
- ไปสนามบิน ทำการ Check-in และผ่านพิธีต่าง ๆ ก่อนขึ้นเครื่องบิน
- สายการบินส่งข้อมูลรายชื่อผู้โดยสารทั้งลำ (Final Passenger Manifest) ของเที่ยวบินนั้น ๆ ผ่านช่องทางการเชื่อมต่อข้อมูล (API) หรือการอัพโหลดไฟล์ผ่านเว็บไซต์ (Upload File) หลังจาก 15 นาที ที่ทำการบิน
- นักท่องเที่ยวเดินทางถึงประเทศไทย จะได้ความคุ้มครองจากประกันภัยทันที
- ข้อมูลที่มีการจัดเก็บประกอบด้วย
- รหัสเที่ยวบิน
- วันที่
- สนามบินต้นทาง (Original Station)
- สนามบินปลายทาง (Arrival Station)
- ชื่อ*, ชื่อกลาง*, นามสกุล*, เพศ*
- วันเดือนปีเกิด
- เลขพาสปอร์ต
- สัญชาติ
- เลขที่นั่ง
- อีเมล
- รหัสการคัดกรองค่าธรรมเนียม (TicketBox Type Code)
- รหัสยอมรับประกัน (Insurance Acceptance Code)
- เลขใบอนุญาตทำงาน (Work Permit Number)
- เลข TTF (TTF Number)
วงเงินกรรมธรรม์ที่ได้คุ้มครอง
- วงเงินเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ จำนวน 1,000,000 บาท
- วงเงินค่าชดเชยเสียชีวิตจากเหตุอาชญากรรม การประท้วง ความรุนแรง จำนวน 500,000 บาท
- วงเงินค่ารักษาพยาบาล-การส่งตัวรักษาพยาบาลจำนวน 500,000 บาท
หลังจากนี้ คงต้องรอว่าการแก้ไข พ.ร.บ.ดังกล่าวจะคืบหน้าถึง ครม.และลงประกาศอย่างทางการเมื่อไร? ซึ่งเมื่อมีการบังคับใช้แล้ว อาจจะทำให้เกิดผลกระทบกับการท่องเที่ยวด้วยหรือไม่? เพราะการท่องเที่ยวถือเป็นฟันเฟืองหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในเวลานี้