กลุ่ม “ลิปตพัลลภ” ขยับรุกเวลเนสประเดิม “เชวาลา” หัวหิน

กลุ่มลิปตพัลลภ

กลุ่ม “ลิปตพัลลภ” ขยับรุกธุรกิจเวลเนส ทุ่ม 70 ล้านเปิดตัว “เชวาลา เวลเนส” สาขาแรกศูนย์การค้าบลูพอร์ต หัวหิน หวังปักธงฮับทางการแพทย์แห่งใหม่ เผยแผนขยาย 5 สาขาใน 2 ปี ตั้งเป้าปี’68 กวาดมาร์เก็ตแชร์ 25%

แพทย์หญิงรัตน์กวิน จิตตวัฒนรัตน์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญอายุรศาสตร์มะเร็งและศาสตร์ชะลอวัย ผู้อำนวยการด้านการแพทย์ เชวาลา เวลเนส หัวหิน บริษัท เมดเดสทิเนชั่น จำกัด บริษัทในกลุ่มของตระกูลลิปตพัลลภ เปิดเผยว่า ปัจจุบันธุรกิจ health & wellness ของประเทศไทยเป็นที่น่าจับตามองมาก เนื่องจากประเทศไทยมีข้อได้เปรียบทางด้านการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง คุณภาพมาตรฐานบริการทางการแพทย์ในระดับสากล ทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางบริการด้านสุขภาพติดท็อป 10 ของภูมิภาคเอเชีย

จากแนวโน้มดังกล่าวนี้ ทำให้บริษัทเข้าลงทุนในธุรกิจเวลเนส ภายใต้แบรนด์ “เชวาลา เวลเนส” ตั้งอยู่ภายในศูนย์การค้าบลูพอร์ต หัวหิน โดยมีทางเชื่อมกับโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ท ด้วยมูลค่าลงทุนราว 70 ล้านบาท

โดยหลังจากการเปิดให้บริการมาเป็นระยะเวลา 1 เดือน พบว่าสัดส่วนของลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติใกล้เคียงกันที่ 50% และในอนาคต คาดการณ์ว่าสัดส่วนของลูกค้าชาวต่างชาติจะเพิ่มขึ้นเป็น 70% และชาวไทย 30% โดยกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติ คาดว่าเป็นชาวสแกนดิเนเวียนและชาวจีนเป็นหลัก

“การเกิดขึ้นของเชวาลา เวลเนส หัวหิน มาจากแนวคิดว่าประเทศไทยยังไม่มี medical wellness center ที่มอบการดูแลฟื้นฟูร่างกายแบบครบวงจร และวัดผลได้จริงทางการแพทย์ จึงอยากสร้างฮับทางการแพทย์แห่งใหม่ที่ดูแลในทุกมิติของ well-being อย่างแท้จริง” แพทย์หญิงรัตน์กวินกล่าว

และว่า ทุกโปรแกรมของเชวาลา อยู่ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์เฉพาะทางอย่างใกล้ชิด มีแพทย์ประจำตลอดเวลา พร้อมการเลือกใช้เฉพาะนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการแพทย์ระดับ “เมดิคอลเกรด” ที่ทันสมัยและวัดผลการรักษาก่อน-หลังได้จริงครั้งแรกของเมืองไทย

จึงเชื่อมั่นการลงทุนของเชวาลา เวลเนส หัวหิน จะเป็นก้าวที่มั่นคงสู่การขับเคลื่อนให้ไทยเป็น wellness destination ของโลก พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้คึกคักอย่างแน่นอน

สำหรับโมเดลการลงทุนของเชวาลานั้น บริษัทวางรูปแบบการพัฒนาธุรกิจร่วมกับโรงแรมเป็นหลัก โดยวางแผนขยายสาขา 5 แห่งภายในเวลา 2 ปีนี้ อาทิ ภูเก็ต สมุย เชียงใหม่ พัทยา เป็นต้น และหากเสียงตอบรับในประเทศไทยดีอาจพิจารณาขยายสาขาไปยังต่างประเทศ โดยตั้งเป้าปี 2568 มีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 25%

“การขยายสาขาไปต่างประเทศเราอาจมองประเทศกลุ่ม CLMV ก่อน อาจใช้โมเดลเข้าไปลงทุน หรือกิจการร่วมค้า หรือ joint venture เป็นหลัก เพราะมองว่าการเข้าไปดำเนินธุรกิจโดยไม่มีพาร์ตเนอร์เป็นเรื่องยาก” พญ.รัตน์กวินกล่าว