
คอลัมน์ : เทสต์ คาร์ ผู้เขียน : วุฒิณี ทับทอง
ถือเป็นความเปลี่ยนแปลงอย่างเห็น ๆ ได้ชัดเจน สำหรับรถยนต์อเนกประสงค์ ดัดแปลง ที่มีพื้นฐานมาจากรถปิกอัพ หรือที่เรียกติดปากว่า รถ “พีพีวี”
จากค่ายนิสสัน มอเตอร์ ไทยแลนด์ อย่าง นิสสัน เทอร์ร่า ที่มีการปรับเพิ่มความสดใหม่ “ครั้งใหญ่” เมื่อช่วงกลางปี 2564 ที่ผ่านมา
นัยหนึ่งคือปรับเปลี่ยนไปตามระยะเวลาของผลิตภัณฑ์ ที่อายุอานามพอสมควร หลังเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2561
หากติดตามจะเห็นว่ายอดขายอาจจะไม่ได้เปรี้ยงปร้าง สมราคาคุยเมื่อครั้งกระโน้นมากนัก เพราะก่อน “บิ๊กไมเนอร์เชนจ์” เราจะเห็นรถรุ่นนี้ทำแคมเปญลดราคาลงกว่า 2 แสนบาท ก็มีให้เห็น
ส่งผลให้ทีมนิสสันต้องกลับไปปรับแก้โจทย์ครั้งใหญ่ เพื่อดันให้ยอดขายรถรุ่นนี้ขยับกินส่วนแบ่งในตลาดที่แม้จะมีผู้เล่นหลัก 5 ราย แต่การแข่งขันนั้นดุเดือดจริง
“เทอร์ร่า” เวอร์ชั่นนี้ดูรวม ๆ แล้วถูกโฉลก
หน้าตาหล่อเหลา ชวนมองขึ้นเป็นกอง ด้วย “unbreakable design” ที่สะท้อนความแข็งแกร่ง หรูหรา
นิสสันออกแบบกระจังใหม่ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ใช้เส้นโครเมียมแนวนอนด้านในกระจังมาเพิ่มความหรูหรา รับกับเส้นสายที่ต่อเนื่องจากฝากระโปรง
นำแผ่นกันกระแทกด้านล่างที่เป็นสีเงินมาใส่ ยิ่งทำให้รถคันนี้มีกลิ่นอายของเอสยูวีที ไฟหน้า QUAD-EYE LED 4 ดวง เช่นเดียวกับที่อยู่ในปิกอัพนาวาร่า PRO4X พร้อมไฟ Daytime Running Light และไฟตัดหมอก LED พร้อมกรอบโครเมียมขนาดใหญ่
ด้านท้ายปรับใหม่ตั้งแต่สปอยเลอร์บนหลังคาจนถึงชายกันชนด้านล่าง ฝาท้ายเพิ่มความหรูหราและโดดเด่น เลือกใช้วัสดุโครเมียมและชิ้นส่วนสีเงินเข้ามาตกแต่ง ไฟท้าย LED แบบ Light Guide เส้นคู่ ไฟเบรกแบบ LED
ส่วนภายในห้องโดยสารได้รับการปรับเปลี่ยนเช่นเดียวกัน ห้องโดยสารให้ความรู้สึกโปร่งสบาย ตกแต่งด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์
โดดเด่นด้วยหน้าจอ Display Audio แสดงผลแบบสัมผัสใหม่ ขนาด 9 นิ้ว ใช้งานได้ง่าย คอนโซลหน้าดีไซน์ใหม่ พร้อมระบบปรับอากาศด้านหน้าแบบอัตโนมัติ
เบาะนั่งยังสามารถปรับพื้นที่ห้องโดยสารและห้องเก็บสัมภาระได้ตามความต้องการ พร้อมด้วยระบบ Auto Tumble Seat ที่คอนโซลกลาง โดยจะพับเบาะแถวที่ 2 อัตโนมัติแค่เพียงกดปุ่มจากสวิตช์แบบ 1-Touch Remote Fold & Tumble เพื่อความสะดวกในการขึ้นลงของผู้โดยสารแถวที่ 3
ส่วนขุมกำลังของเครื่องยนต์ 2.3 ลิตร ทวินเทอร์โบ 190 แรงม้า (Ps) แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร (Nm) ตั้งแต่ 1,500 รอบต่อนาที ทำงานประสานกับเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด จังหวะออกตัวทำได้ไหลลื่นขึ้น
เครื่องยนต์ตอบสนองได้ดี ยิ่งจังหวะที่กดแป้นเรียกความเร็ว มีความรู้สึกว่า เทอร์ร่า เวอร์ชั่นนี้ถูกอัพให้มีความกระฉับกระเฉง และคล่องตัวขึ้น ทั้งการขับขี่และสมรรถนะ ยิ่งจังหวะที่เรียกความเร็วขึ้นมานั้น มีทั้ง 190 ตัวพร้อมตอบสนอง ช่วงล่างเกาะถนนดี แม้จะวิ่งในความเร็วเกินกว่า 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีความมั่นใจขึ้น
ขับเข้าไปยังแกรนด์แคนยอน จ.ราชบุรี เลือกใช้ระบบสี่ล้อ 4×4 (4WD) ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้ขณะขับขี่ จาก 2H เป็น 4H ได้ทันที แต่รถวิ่งไม่เกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จังหวะล้อบดถนน ช่วงล่างให้ความยืดหยุ่น การซับแรงกระแทกค่อนข้างดี
ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากนิสสันเสริมยางกันกระแทกที่ติดตั้งระหว่างตัวถังและแชสซีมากถึง 10 จุด พร้อมระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง และระบบช่วงล่างด้านหลังแบบ 5-Link พร้อมคอยล์สปริง ช่วยในเรื่องของการทรงตัวได้ดีขึ้น นิสสันยังใส่ดิสก์เบรกให้ด้วย
ถึงตรงนี้ต้องบอกว่า นิสสัน เทอร์ร่า เวอร์ชั่นนี้ นิสสันทำมาได้ดีจริง ๆ สมกับราคาค่าตัว 1.199 ล้านบาท ในรุ่น 2.3 E 2WD, รุ่น 2.3 VL 2WD ราคา 1.449 ล้านบาท และรุ่นท็อป 2.3 VL 4WD ราคา 1.499 ล้านบาท