หุ้นฮอตซัมเมอร์ เพอร์ฟอร์มรับเม็ดเงินสะพัด ‘สงกรานต์’ 1.3 แสนล้าน

เปิดโผหุ้นฮอตรับซัมเมอร์ เพอร์ฟอร์ม รับเม็ดเงินสะพัด ‘สงกรานต์’ 1.3 แสนล้านบาท พร้อมกาง 4 หุ้นเด่นธีมเล่นหลังสงกรานต์ปี 2565

วันที่ 11 เมษายน 2565 นายภราดร เตรียรณปราโมทย์ รองผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์(บล.) เอเซีย พลัส จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2565 คาดว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจหรือการใช้จ่ายอุปโภคบริโภคของคนไทยน่าจะคึกคักมากขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ แม้ว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 จะสูงอยู่ที่ระดับกว่า 2 หมื่นราย แต่ถ้าอ้างอิงจากข้อมูลในช่วงที่ผ่านมา ในประเทศอื่นๆ ผู้ติดเชื้อโควิดสูง แต่เราเห็นตัวเลข Google Mobility หรือว่าการออกไปทำกิจกรรมต่างๆ ของผู้คนทั่วโลกสูงกว่าตอนโควิดอีก

อย่างเช่น ประเทศกัมพูชา อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ดังนั้นไทยที่เริ่มมีการผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้นต่อเนื่อง ในเดือนเมษายน RT-PCR ที่เคยต้องตรวจ 72 ชั่วโมง ตอนนี้ก็ถูกยกเลิกไป ฉะนั้นนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเข้ามาง่ายขึ้น ก็เชื่อว่าในไทยกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะเพิ่มเติมมากขึ้นได้

โดยตัวเลข Google Mobility ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาของไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการออกไปซื้อของ ออกไปท่องเที่ยว และรถบนท้องถนนที่ติดมากขึ้น เป็นต้น รวมถึงถ้าเทียบกับปีที่แล้วทุกๆ อย่างที่บอกเพิ่มขึ้นมาเกินกว่า 20%

“ไปดูตัวเลขของทางด้านสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในช่วงก่อนเกิดโควิด ปี 2562 ทำตัวเลขไว้เม็ดเงินสะพัดช่วงสงกรานต์อยู่ที่ 1.35 แสนล้านบาท ต่อมาปี 2563 เราเจอโควิดครั้งแรก เม็ดเงินดรอปพรึบลงมาเลย ตัวเลขเงินสะพัดอยู่ประมาณสัก 6.9 หมื่นล้านบาทเอง

และในปีที่แล้วฟื้นกลับขึ้นมาอยู่ที่ 1.13 แสนล้านบาท ฉะนั้นในปีนี้เราเห็นตัวเลขกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ทั้งในประเทศที่ดีขึ้น และต่างประเทศเห็นแนวโน้มดีขึ้นด้วย ก็เชื่อว่าน่าจะดีกว่าปีที่แล้ว ผมประเมินว่าน่าจะได้สักประมาณ 1.2-1.3 แสนล้านบาท สำหรับเงินสะพัดในช่วงสงกรานต์ปีนี้” นายภราดร กล่าว

นายภราดร กล่าวต่อว่า ทั้งนี้เมื่อภาพการเติบโตของกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ชัดแบบนี้จะหนุนหุ้นเกี่ยวกับกลุ่มเปิดเมืองต่างๆ ถ้าไล่เรียงน่าจะแบ่งเป็น 3 กลุ่มคือ หุ้นท่องเที่ยว เช่น สนามบิน(AOT) หุ้นโรงแรม (ARW, CENTEL, MINT) และก็สถานที่เที่ยวอย่าง ห้างสรรพสินค้า (CPN, CRC) และโรงภาพยนตร์ (MAJOR)

หุ้นกลุ่มไฮซีซั่นหน้าร้อนอย่าง หุ้นกลุ่มเครื่องดื่ม ระดับราคาต่อกำไร(P/E) ต่ำๆ ก็จะเป็น SAPPE และพอน้ำดื่มขายดี ธุรกิจจำพวกขวดบรรจุภัณฑ์ก็รับไฮซีซั่นด้วยเหมือนกัน อาทิ IVL ดังนั้น 3 กลุ่มนี้น่าจะเป็นอะไรที่เพอร์ฟอร์มได้

เปิดโผ 4 หุ้นเด่น ธีมเล่นหลังสงกรานต์

นอกจากนี้ถ้าดูธีมเล่นหุ้นยาวไปๆ หลังสงกรานต์ มองว่าเทรนด์ยังเป็นมุมเดิม ก็คือภาพของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลัก มีหุ้นหลายๆ ตัว ที่เศรษฐกิจฟื้นขึ้นมามาก แต่หุ้นยังขึ้นมาไม่มาก ค่อนข้างขัดแย้งกัน ตรงนี้มองว่าเป็นอะไรที่สนใจเข้าลงทุน

“เราเจอมานานคือเรื่องความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน แต่สิ่งที่น่าจะเจอต่อจากนี้ คือเรื่องนโยบายการเงินที่ตึงตัวมากขึ้น ซึ่งจะเป็นปัญหาที่เจอกันทั้งโลก แต่ยังมีข้อดีตรงที่ไทยแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายน่าจะยังไม่ขึ้นในปีนี้ เพราะว่าเศรษฐกิจเรายังฟื้นได้ไม่ถึงช่วงก่อนเกิดโควิดเลย อันนี้เป็นความได้เปรียบอย่างหนึ่ง” นายภราดร กล่าว

ถ้าแนะนำหุ้นกลุ่มแรก กลุ่มเปิดเมืองคือ RS ถ้าวัดกัน 1 ปี ราคาหุ้นลงมา 30-40% แล้ว แต่ภาพเราเห็นการขายของที่มากขึ้น มีการเปิดแอปพลิเคชั่นขึ้นมา มีเหรียญ Pop-Coin มีโปรดักต์ใหม่ที่เป็นเครื่องดื่มกัญชงกัญชา ตรงนี้น่าจะเป็นเซนติเมนต์เร่งทำให้หุ้นเพอร์ฟอร์มได้ ประเมินมูลค่าทางพื้นฐานหุ้น RS ไว้ที่ 22.60 บาท

ถัดมาโรงหนังคือ MAJOR ราคาปัจจุบันกับราคาเมษายนปีที่แล้ว พอๆ กันเลย แต่เราเห็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจดีขึ้นกว่าเดิมมาก หน้าหนังสงกรานต์ปีนี้ อาทิ ความลับของดัมเบิลดอร์ ซึ่งคาดว่าคนน่าจะเข้าไปดูมากขึ้น หรือต้นพฤษภาคม เช่น doctor strange ฉะนั้นจะเห็นหน้าหนังฟอร์มยักษ์ทยอยเข้ามา ทำให้ราคาหุ้นที่เพอร์ฟอร์มจะมีแนวโน้มดีมากขึ้น

ถ้าไปดูกำไร MAJOR ในปีที่แล้วขาดทุน ปีนี้น่าจะพลิกกลับมาเป็นกำไรได้ ฉะนั้นจะเป็นหนึ่งในหุ้นเทิร์นอะราวด์ ประเมินมูลค่าพื้นฐานปีนี้ไว้ที่ 25 บาท

ต่อมาแนะนำ AOT เมื่อเราเห็น RT-PCR ไม่ต้องตรวจ 72 ชั่วโมง นักท่องเที่ยวต่างชาติก็เข้ามาเต็มสนามบิน ในช่วงต้นเดือนเมษายนน่าจะเห็นแนวโน้มดีต่อเนื่อง หลังจากนี้จะเห็นการยกเลิก Thailand Pass และรวมถึงในเดือนกรกฎาคม จะปรับโรคโควิดเป็นโรคประจำถิ่น ฉะนั้นแนวโน้มการเปิดเมืองที่ดีมากขึ้นต่อเนื่อง จะทำให้นักท่องเที่ยวมีโอกาสเข้ามามากขึ้น และจะหนุนทำให้ AOT มีความน่าสนใจ โดยประเมินมูลค่าพื้นฐานปีนี้ไว้ที่ 70 บาท


และเทรนด์แนวโน้มดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้น รวมถึงปัญหา climate change ช่วงต้นเมษายนเดี่ยวก็หนาวๆ ร้อนๆ ดังนั้นเวลากังวลเรื่อง climate change หุ้นเกี่ยวกับ EV เทรนด์เรื่องสิ่งแวดล้อมกำลังจะมา รวมถึงเวลาดอกเบี้ยขาขึ้นราคาน้ำมันต่างๆ มีโอกาสชะลอลง เพราะเวลาขึ้นดอกเบี้ยไปสกัดเงินเฟ้อ หุ้นที่เป็นต้นทุนน้ำมันต่างๆ จะลดลง ทั้งสอง Criteria จะมาหนุนหุ้นอย่าง GPSC โดยประเมินมูลค่าพื้นฐานไว้ที่ 72.50 บาท