มองอีกมุม เน็ตฟลิกซ์ ไม่ได้ตกที่นั่งลำบาก แค่พ้นจากบิ๊กเทคไปเป็นบริษัทสื่อ

เน็ตฟลิกซ์-Netflix ไม่ได้ตกต่ำ แค่ผันเป็นบริษัทสื่อทั่วไปเหมือนที่ควรจะเป็นแต่แรก หลังถูกตีค่าสูงเกินไป

วันที่ 8 สิงหาคม 2565 ซีเอ็นเอ็น รายงานวิเคราะห์สถานการณ์บริษัท เน็ตฟลิกซ์ (Netflix) ที่ถูกมองว่าอยู่ในช่วงขาลง นับจากเมื่อเดือนเมษายนเสียยอดสมาชิก หรือ subscribers เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2011 (พ.ศ. 2554) อีกทั้งในปีนี้หุ้นของบริษัทร่วงลงมามากกว่า 60%

การที่หุ้นร่วงไม่ได้เป็นสัญญาณของจุดจบของบริษัทสตรีมมิ่งขนาดใหญ่แต่เป็นสัญญาณว่า Netflix ค่อย ๆ เป็นบริษัทผลิตสื่อทั่วไปต่างหาก

NETFLIX
REUTERS/Lucy Nicholson//File Photo

เดิมที ราคาหุ้นกลุ่ม FAANG ซึ่งมาจากชื่อย่อของบริษัทบริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดของอเมริกา 5 อันดับแรก ได้แก่ Facebook (FB), Apple (AAPL), Amazon (AMZN), Netflix (NFLX) และ Google (GOOG) รวมกันสูงกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ จากการประเมินของวอลล์สตรีต

แต่ไป ๆ มา ๆ โมเดลธุรกิจของเน็ตฟลิกซ์ไม่ได้เข้าพวกกับบริษัทยักษ์ใหญ่อื่น ๆ ที่อยู่ในกลุ่มนี้

ก่อนหน้านี้ Netflix ติดอยู่ในกลุ่มบิ๊กเทค

“ดิฉันคิดว่า เน็ตฟลิกซ์มีมูลค่าสูงเกินไป และไม่เคยเป็นบริษัทเทคโนโลยีจริง ๆ ไม่เหมือนกับบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อื่น ๆ” จูเลีย อเล็กซานเดอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ของ Parrot Analytics กล่าว

กิจการของบริษัทเน็ตฟลิกซ์ (Netflix) ขึ้นอยู่กับการเติบโตของจำนวนสมาชิก แต่การเติบโตของจำนวนสมาชิกนั้นเกิดจากผู้คนต้องการดูภาพยนตร์และรายการทีวี ดังนั้นเน็ตฟลิกซ์จึงเป็นเหมือนสตูดิโอในฮอลลีวูดมากกว่า เป็นซิลิคอนวัลเลย์ ที่รวมบริษัทเทคโนโลยี และนวัตกรรมชั้นนำของโลก

AP Photo/Marcio Jose Sanchez

ในทางกลับกัน Netflix ดูเหมือนบริษัทเทคโนโลยีมากกว่า หากเทียบกับสตูดิโอภาพยนตร์รายใหญ่อย่าง Disney, Comcast, Paramount Pictures และ Warner Bros โดยบริษัทเหล่านี้เริ่มเข้ามาทำสตรีมมิงเช่นเดียวกับ Netflix

อนาคต บริษัทเน็ตฟลิกซ์ จะเริ่มมีโฆษณาคั่น โดยมีแผนกลยุทธ์ดึงดูดผู้บริโภคด้วยการจับมือกับ Microsoft (MSFT) ผู้ผลิตและพัฒนาซอฟต์แวร์รายใหญ่ของโลก ด้วยการออกแพ็กเกจสมาชิกใหม่ที่มีราคาถูกลง แต่แลกมาด้วยการมีโฆษณาคั่น

แอนดรูวส์ แฮร์ รองประธานอาวุโสฝ่ายวิจัยของ Magid มองว่า “การที่เน็ตฟลิกซ์จะเริ่มคั่นโฆษณา และใช้วิธีป้องกันการแชร์รหัสผ่าน ไปจนถึงการผลิตภาพยนตร์ ซีรีส์ต่าง ๆ เช่น เรื่อง Stranger Things ผมคิดว่า ความเคลื่อนไหวเหล่านี้บ่งบอกว่า เน็ตฟลิกซ์ค่อย ๆ เปลี่ยนจากบริษัทเทคโนโลยีไปเป็นบริษัทสื่อ”

This image released by Netflix shows Neil Patrick Harris in a scene from “Uncoupled.” (Barbara Nitke/Netflix via AP)

แฮร์กล่าวด้วยว่า ยุทธศาสตร์ด้านธุรกิจเดิมของเน็ตฟลิกซ์ที่เคยหวงหนักหวงหนา ตอนนี้ถูกโยนทิ้งไปนอกหน้าต่างแล้ว

“เน็ตฟลิกซ์เคยบีบให้ฮอลลีวูดอยู่ยาก เพราะเอาวิธีสตรีมมิ่งภาพยนตร์ให้เข้าไปถึงห้องนั่งเล่นของชาวอเมริกัน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเน็ตฟลิกซ์ต้องการวิธีที่เป็นประเพณีนิยมมากขึ้นแล้ว” แฮร์กล่าว

พร้อมให้ความเห็นว่า ความเคลื่อนไหวตามยุทธศาสตร์เหล่านี้ ทำให้เน็ตฟลิกซ์ลงตัวและเคลื่อนเข้าสู่เฟสใหม่ในฐานะบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งจะมุ่งไปยังกระแสเงินสดและรายได้ มากกว่าการเติบโต

“ถ้าพูดกันง่าย ๆ คือ ก็กลับไปเป็นธุรกิจแบบดั้งเดิม” แฮร์กล่าว

……