จีดีพีไตรมาส 3 จีน 3.9% ฉุดดัชนีฮั่งเส็งร่วงต่ำสุดรอบ 13 ปี

ดัชนีหุ้นฮ่องกง ฮั่งเส็ง จีน
ดัชนีหุ้นฮ่องกงร่วงลงมากกว่า 4% ในเช้าวันที่ 24 ตุลาคม 2565 เนื่องจากนักลงทุนกังวลต่อการตัดสินใจของประธานาธิบดีจีนที่จะมอบตำแหน่งทางเศรษฐกิจที่สำคัญให้กับผู้ภักดีที่สนับสนุนกลยุทธ์โควิดเป็นศูนย์ (Photo by Peter PARKS / AFP)

จีดีพีจีนไตรมาส 3 ขยายตัว 3.9% ต่ำกว่าเป้าหมาย ฉุดตลาดหุ้นฮั่งเส็งร่วงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 13 ปี ฉุดหุ้นเทคจีนทรุดตาม หลังประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กระชับอำนาจสมัยที่ 3

วันที่ 24 ตุลาคม 2565 ไฟแนนเซียล ไทม์ รายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือจีดีพี ไตรมาส 3 ของจีนเติบโต 3.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายทั้งปีมาก อีกทั้งยังเป็นระดับที่ท้าทายเศรษฐกิจจีนในเวลานี้ด้วย

จีดีพีไตรมาส 3 ที่ต่ำกว่าเป้าหมายถูกเผยแพร่ออกมา หลังจากจี สิ้นผิง ได้รับการต่อเวลาเป็นประธานาธิบดีจีนสมัยที่ 3 และการประกาศตัวเลขที่ล่าช้ากว่าปกติ ทำให้นักลงทุนเกิดอาการเทขายหุ้นในเวลาเดียวกัน

ทั้งนี้ จากการสำรวจนักเศรษฐศาสตร์โดยบลูมเบิร์ก คาดว่าเศรษฐกิจจีนไตรมาส 3 จะเติบโตที่ระดับ 3.3% ซึ่งยังต่ำกว่าเป้าหมายทั้งปีที่จีนคาดว่าปี 2565 นี้จะเติบโตที่ 5.5% ซึ่งนับเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในรอบ 30 ปี ในเวลาที่เศรษฐกิจจีนกำลังเผชิญกับวิกฤตอสังหาริมทรัพย์และการควบคุมโควิด-16 ด้วยการล็อกดาวน์พื้นที่ต่าง ๆ อย่างเข้มงวด ซึ่งส่วนใหญ่ทำให้การแพร่ระบาดลดลง แต่ทำให้กิจกรรมการบริโภคย่ำแย่ด้วย

หุ้นดิ่ง หลังประกาศตัวเลข จีดีพีไตรมาส 3

ภายหลังที่ทางการจีนเปิดตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 ในช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 24 ต.ค. ส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นอย่างกว้างขวางในตลาดหุ้นจีน โดยพบว่าช่วงเช้าที่ผ่านมา ดัชนี Hang Seng China Enterprises ในฮ่องกงร่วงลงมากถึง 5.7% และดัชนี CSI 300 ของหุ้นเซี่ยงไฮ้และเสิ่นเจิ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลดลงมาก เป็น 2%

ดิกกี้ หวอง หัวหน้าฝ่ายวิจัยของบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ตัน ในฮ่องกง กล่าวว่า เป็นการเทขายหุ้นเพราะความตื่นตระหนก และเห็นได้ชัดว่านักลงทุนไม่มั่นใจต่ออนาคตเศรษฐกิจจีน

ทั้งนี้ การเปิดเผยตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 ของจีนตามปกติต้องประกาศตั้งแต่วันอังคารที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งล่าช้ากว่าเดิมไปเกือบ 1 สัปดาห์ ประกอบกับการยืดเวลาการอยู่ในอำนาจของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เป็นสมัยที่ 3 ซึ่งไม่เคยมีผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีนคนใดทำได้มาก่อน สะท้อนการกระชับอำนาจนำของสี จิ้นผิง จากการประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 20 ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา

ขณะที่ทางการจีนก็ไม่ได้อธิบายถึงเหตุผลการประกาศจีดีพีล่าช้ากว่าปกติ เหล่านี้เป็นความเคลื่อนไว้ที่ถูกมองอย่างกว้างขวาง ว่าเป็นความพยายามหลีกเลี่ยงเบี่ยงเบนความสนใจจากการประชุมสมัชชาพรรค ซึ่งเกิดขึ้นทุก ๆ 5 ปี และเป็นการยกเครื่องครั้งใหญ่ในคณะผู้บริหารระดับบนของพรรคคอมมิวนิสต์จีน

อีกทั้งในตลอดหลายวันที่ผ่านมาของการประชุม สี จิ้นผิง กล่าวถึงจุดอ่อนของเศรษฐกิจจีนเพียงเล็กน้อย พร้อมกับชื่นชมมาตรการควบคุมโควิด-19 ซึ่งต้องมีการตรวจสอบเชื้อทุกวัน รวมถึงการกักตัวที่เข้มงวด ซึ่งได้รับการยอมรับว่ามีประสิทธิภาพในการควบคุมโรคเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในโลก แต่มาตรการนี้ก็ยังไม่มีกำหนดการที่ชัดเจนว่าจะผ่อนคลายเมื่อใดเช่นกัน

การเติบโตของเศรษฐกิจจีนไตรมาส 3 ดีกว่าไตรมาส 2 เพียง 0.2% ในช่วงเวลาที่เซี่ยงไฮ้ เมืองศูนย์กลางการเงินของจีนถูกล็อกดาวน์อย่างเข้มข้นเป็นเวลา 2 เดือน

ตัวเลขภาคการผลิตเพิ่มขึ้น แต่ภาคอสังหาฯ ยังเป็น “ขาลง”

ขณะที่ ยอดค้าปลีกในเดือนกันยายน เพิ่มขึ้นเพียง 2.5% ขณะที่การคาดการณ์ของรอยเตอร์อยู่ที่ 3.3%

ส่วนการผลิตภาคอุตสาหกรรม ซึ่งขับเคลื่อนการเติบโตของจีนในช่วง 2 ปีแรกของการระบาดใหญ่ เพิ่มขึ้น 6.3% เมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 4.5% เนื่องจากอุตสาหกรรมการผลิตของประเทศฟื้นตัวจากการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานและการล็อกดาวน์ และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเพิ่มขึ้น 5.9% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี

อย่างไรก็ตาม ยอดขายอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งวัดตามพื้นที่ลดลง 22% และการก่อสร้างใหม่ลดลง 38% ในขณะที่การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ลดลง 8%

ด้านนโยบายการเงิน ปีนี้จีนผ่อนคลายอัตราดอกเบี้ยนโยบายมาเรื่อย ๆ พร้อมมาตรการเร่งให้โครงการก่อสร้างบ้านที่ยังไม่เสร็จดำเนินการต่อไปได้ หลังจากเกิดปัญหาส่งมอบล่าช้า หลังเหตุการณ์ผิดนัดชำระหนี้ต่อเนื่องของผู้พัฒนาโครงการที่มีหนี้สินสูง เช่น Evergrande

อย่างไรก็ตาม จีนหยุดใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ และตอนนี้ต้องเผชิญกับค่าเงินที่อ่อนค่าลงและตลาดหุ้นในประเทศที่สูญไปกว่า 34% เมื่อคิดจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนเทียบดอลลาร์สหรัฐ

ดัชนีฮั่งเส็ง ร่วง 5% ต่ำสุดรอบ 13 ปี ฉุดหุ้นเทคจีน ร่วงตาม

ด้าน เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง รายงานว่า ดัชนีหุ้นฮ่องกงร่วงลงต่ำกว่า 16,000 จุด เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 13 ปี หลังจากที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กระชับอำนาจร่วมกับพันธมิตร และส่งสัญญาณว่าจะปล่อยการตรวจสอบธุรกิจเอกชน และตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 ที่ต่ำกว่าคาด ก็ทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นออกมา

ทั้งนี้ ดัชนี Hang Seng ร่วงลง 5% มาอยู่ที่ 15,401.64 ในช่วงพักการซื้อขายช่วงกลางวันในเวลาท้องถิ่น ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2552 เป็นการเทขายออกสูงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม

ดัชนี Tech ขยับขึ้น 6.7% ในขณะที่ดัชนี Shanghai Composite ลดลง 0.9%

ส่วนราคาหุ้น HSBC เพิ่ม 0.1% ก่อนรายงานผลประกอบการ ราคาหุ้นอาลีบาบา กรุ๊ป ร่วงลง 9.8% สู่ 62.80 ดอลลาร์ฮ่องกง ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และเทนเซนต์ โฮลดิ้งส์ ร่วง 8.3% สู่ 213.40 ดอลลาร์ฮ่องกง Meituan ร่วงลง 11% เป็น 125.40 ดอลลาร์ฮ่องกง หุ้น Longfor Group ร่วงลง 12% สู่ระดับ 16.84 ดอลลาร์ฮ่องกง และ Country Garden ร่วง 7.7% สู่ 1.32 ดอลลาร์ฮ่องกง