
ฉากดราม่าที่อื้ออึงไปทั่วโลก ในวันปิดการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน เมื่อ หูจิ่นเทา อดีตผู้นำก่อนหน้า สีจิ้นผิง ถูกเจ้าหน้าที่พาตัวออกไปจากห้องประชุม ที่มหาศาลาประชาชน กรุงปักกิ่ง ด้วยท่าทีขัดขืน ไม่เต็มใจ
วันที่ 22 ตุลาคม 2565 สตีเฟน แมคโดเนลล์ ผู้สื่อข่าว บีบีซี รายงานว่า ภาพบันทึกเหตุการณ์ดังกล่าวได้รับความสนใจไปทั่วโลก เต็มไปด้วยคำถามของผู้คนว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ยังไม่มีคำอธิบายใด ๆ จากรัฐบาลจีน
- โรงเรียนเอกชนวิกฤต ส่อปิดกิจการอีกหลายแห่ง กรุงเทพฯ หนักสุด
- เปิดที่มาประเพณีเข็นรถพระที่นั่งวชิราวุธวิทยาลัย จากรัชกาลที่ 6 ถึงปัจจุบัน
- อย.สั่งอายัดอาหารนำเข้าจากจีน 124 รายการ 7 ร้านจำหน่ายใน กทม.
ภาพที่เผยแพร่ไปทั่วโลก แสดงถึงท่าทีของหู จิ่นเทา วัย 79 ปี ที่ไม่อยากจะถูกพาออกไป จนเป็นคำถามว่า ทำไม และจังหวะที่หันมาสื่อสารกับสี จิ้นผิง วัย 69 ปีนั้น นายหูพูดว่าอะไร ทำให้นายสีพยักหน้า แล้วจากนั้น ทำไมนายหูจึงตีเบา ๆ ที่ไหล่ นายหลี่ เค่อเฉียง ที่พ้นวาระนายกรัฐมนตรีในวาระการปิดประชุมครั้งนี้ ก่อนถูกนำตัวออกไปจากห้อง
สองเหตุผลที่พอตีความได้ คือ ถึงเวลาที่อดีตผู้นำต้องไปให้พ้นทางแล้ว หรือ เป็นเพราะนายหูมีปัญหาสุขภาพร้ายแรง
ถ้าเป็นอย่างหลัง คนก็มีคำถามอีกว่า แล้วทำไมต้องพาตัวออกไปฉับพลันทันทีขนาดนั้น ต่อหน้ากล้องมากมายที่กดชัตเตอร์ สถานการณ์ฉุกเฉินขนาดนั้นหรือ
ภาพบันทึกเหตุการณ์ช่วงหลังจากนั้น เป็นจังหวะที่นายสีหันไปหาอดีตประธานพรรค ส่วนนายหลี่ จ้านสือ และนายหวัง ฮูหนิง มีสีหน้าวิตกกังวล

ปกติแล้ว การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จะดำเนินไปตามสคริปต์อย่างจริงจัง ดังนั้น เหตุการณ์นำตัวนายหูออกไป อาจไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นความตั้งใจ
เพราะเดิมการประชุมวันสุดท้ายจะเป็นการประชุมปิด แต่จังหวะนั้นช่างภาพและนักข่าวต่างประเทศได้รับอนุญาตให้เข้าไปพอดี จนตั้งกล้องเสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่จึงรุดไปถึงตัวนายหู และเชิญตัวออกไป

ย้อนประวัติหูจิ่นเทา
หู จิ่นเทา เกิด 21 ธันวาคม 2485 เป็นทายาทของตระกูลนายพล สายราชวงศ์หมิง คือนายพล หูซ่งเสียน ผู้นำปราบโจรสลัดญี่ปุ่น บ้านเดิมของตระกูลอยู่มณฑลอานฮุย แต่ต่อมาย้ายมาเมืองไท่โจว มณฑลเจียงซู ภาคตะวันออก
พ่อเปิดธุรกิจร้านชาเล็ก ๆ ส่วนแม่เป็นครู ครอบครัวฐานะค่อนข้างยากจน แม่ตายจากไปตอนหูอายุ 7 ขวบ และมีน้าคอยดูแลแทน ช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม พ่อของหูประณามทางการ จนถูกจับแห่ประจาน หูพยายามกู้ชื่อเสียงของพ่อหลังจากนั้น

หูเข้าร่วมพรรคคอมมิวนิสต์ในปี 1964 (พ.ศ. 2507) เป็นปีเดียวกับที่จบการศึกษามหาวิทยาลัยซิงหัว คณะวิศวกรรมชลประทาน วิชาเอกสถานีไฟฟ้าพลังน้ำ จึงออกมาทำงานเป็นวิศวกร
เติบโตในพรรคคอมมิวนิสต์จากสาขากานซู หลังจากเมื่อปี 1974 (พ.ศ. 2517) คุมงานก่อสร้างเขื่อนในมณฑลกานซู ที่ได้ชื่อว่าทุรกันดารมากกว่าสิบปี จนได้ดำรงตำแหน่ง เลขาธิการคณะกรรมาธิการสันนิบาตเยาวชนแห่งพรรคคอมมิวนิสต์ประจำมณฑล

จากนั้นได้รับเลื่อนขั้นเป็นเลขาธิการพรรคประจำมณฑลกุ้ยโจว และพัฒนาพื้นที่จนผลงานเข้าตาผู้ใหญ่ในพรรค
โดยเฉพาะอาจารย์ที่นับถือกัน คือ ซ่ง ผิง ย้ายเข้ามาประจำเมืองหลวง ในฐานะรัฐมนตรี ได้แนะนำส่งเสริมผลงานของหู จนหูได้รับการสนับสนุนจาก หู เหยาปัง สมาชิกคนสำคัญของคณะกรรมการกรมการเมืองประจำพรรคคอมมิวนิสต์ รวมถึง เติ้ง เสี่ยวผิง ผู้นำประเทศ ทำให้อนาคตทางการเมืองของหูเจิดจรัส
ปี 1988 (พ.ศ. 2531) หูได้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมาธิการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ประจำเขตปกครองตนเองทิเบต แล้วขยับขึ้นเป็นกรรมการประจำกรมการเมืองของคณะกรรมาธิการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ (Politburo Standing Committee) ในปี 1992 (พ.ศ.2535) ควบตำแหน่งเลขานุการสำนักงานเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์

ปี 1998 (พ.ศ. 2541) รับตำแหน่งรองประธานาธิบดี และปี 2002 (พ.ศ.2545) ขึ้นดำรงตำแหน่งเลขาธิการทั่วไปพรรคคอมมิวนิสต์จีน และเป็นประธานาธิบดีจีนต่อจาก เจียง เจ๋อหมิน จนถึงปี 2555 ก่อนส่งไม้ต่อให้ สี จิ้นผิง
ระหว่างที่เป็นผู้นำพรรค หูพยายามสร้างสมดุลกลุ่มการเมืองสายต่าง ๆ ในคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ จึงเป็นช่วงเวลาที่เปิดกว้างให้เกิดการแลกเปลี่ยนและรับฟังความคิดใหม่ ๆ จากหลากหลายทาง รวมถึงจากโลกภายนอก
ชีวิตส่วนตัว หูแต่งงานกับเพื่อนมหาวิทยาลัย หลิว หย่งฉิง และมีลูกด้วยกัน 2 คน คือ หู ไห่เฟิง และ หู ไห่ฉิง
บุคลิกส่วนตัวของหู ถูกมองว่าคนนอกเข้าไม่ถึง และเข้าใจได้ยาก ดูเป็นนักวิชาการ ไม่เหมือน เหวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีที่ทำงานในสมัยเดียวกันที่เข้าถึงชาวบ้านอย่างใกล้ชิดอยู่เสมอ และหูไม่เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแบบตัวต่อตัวเลยแม้แต่ครั้งเดียว
…….
หูจิ่นเทา ถูกพาออกจากห้องประชุมสมัชชา จังหวะขยับใกล้ สีจิ้นผิง