
ความเสียหายอย่างมหาศาลจากการล้มละลายของ FTX ของราชันคริปโต สะเทือนไปถึงเงินทำบุญทำกุศลที่หายฮวบไปด้วย
วันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 สำนักข่าว เอพี รายงานความคืบหน้าเหตุการณ์สั่นสะเทือนตลาดคริปโตเคอร์เรนซี กรณีบริษัทแลกเปลี่ยนคริปโต FTX ล้มละลาย ทรัพย์สินของ แซม แบงก์แมน-ฟรายด์ (SBF) ฉายาราชันคริปโต (king of crypto) วัย 30 ปี มลายสิ้นไป 24,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 8.5 แสนล้านบาท เมื่อสัปดาห์ก่อน
ผลเสียหายหลายแสนล้านจากการล่มสลายนี้ ลามไปถึงบรรดากลุ่มและองค์กรการกุศลด้วย
มูลนิธิเอฟทีเอ็กซ์ หรือ The FTX Foundation รวมถึงองค์กรไม่แสวงหากำไรจำนวนมากได้รับเงินทุนจากแบงก์แมน-ฟรายด์ และผู้บริหารคนอื่น ๆ ชองเอฟทีเอ็กซ์ ซึ่งเคยแจ้งว่า บริจาคการกุศลไปแล้ว 190 ล้านดอลลาร์ให้เป้าประสงค์มากมาย และเมื่อต้นปีนี้บริจาคเพิ่มไปอีก 100 ล้านดอลลาร์

กองทุนฟิวเจอร์ฟันด์ ของมูลนิธิเอฟทีเอ็กซ์ ประกาศว่ามุ่งหวังที่จะบริจาคเงินให้ได้ 1,000 ล้านดอลลาร์ ในปี 2022 แต่เมื่อบริษัทล้มละลายเช่นนี้แล้ว ยังมีองค์กรอื่น ๆ อีกที่ตอนนี้ไม่รู้ชะตากรรมว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร
แบงก์แมน-ฟรายด์ ลาออกจากบริษัท FTX จากนั้นทีมผู้นำกองทุนฟิวเจอร์ฟันด์ ของ FTX ก็ลาออกตาม พร้อมส่งคำเตือนว่า พวกเขาคงจะไม่จ่ายเงินกองทุนตามที่สัญญาไว้ หลังจากมีเงินช่วยเหลืออยู่ 160 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 5,700 ล้านบาท
“เราปวดร้าวใจที่จะกล่าวว่า เงินบริจาคที่ได้แจ้งไว้จำนวนมากนั้น ฟิวเจอร์ฟันด์ไม่อาจจะรักษาสัญญาได้ เราเสียใจที่มาถึงจุดนี้” แถลงการณ์ร่วมของผู้บริหารกองทุนระบุ
วิบากกรรม แบงก์แมน-ฟรายด์ พลิกผันในเวลาเพียงสัปดาห์เดียว เช้าวันจันทร์ที่ 7 พ.ย. ชายหนุ่มยังตื่นขึ้นมาในฐานะมหาเศรษฐี เพราะคาดว่าสถานการณ์บริษัทจะคลี่คลาย แต่แล้วสถานการณ์พลิกผันฉับพลันในวันศุกร์ที่ 11 พ.ย. FTX ยื่นเรื่องขอล้มละลายต่อศาลเดลาแวร์ สหรัฐ

บลูมเบิร์กถึงกับเรียกปรากฎการณ์นี้ด้วย “ความร่ำรวยที่สูญสลายครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์”
ผู้ประกอบการวัย 30 ปี กอบโกยความร่ำรวยส่วนใหญ่จากสินทรัพย์ดิจิทัล ช่วงที่รวยที่สุด เมื่อตอนฤดูใบไม้ผลิมีรายได้ถึง 26,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 931,000 ล้านบาท
แต่เมื่อถึงฤดูร้อน กลางปี ราคาคริปโตดิ่งเหว SBF เป็นอัศวินขี่ม้าขาว ใช้เว็บเทรด FTX และกองทุนเฮดจ์ฟันด์ในเครืออย่าง Alameda เพื่อรักษาวงเงินสินเชื่อให้กับบริษัทคริปโต เช่น BlockFi และ Voyager ที่เสี่ยงจะถูกยุบ
ผู้บริหารหนุ่มกล่าวเมื่อเดือน ก.ค.ว่า FTX ยังมีเงิน 2,000-3,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 71,000- 107,000 ล้านบาท เพื่อช่วยพยุงธุรกิจอื่น ๆ และประคองอุตสาหกรรมคริปโต

แบงก์แมน-ฟรายด์ เป็นเจ้าของธุรกิจ FTX ในสหรัฐร้อยละ 70 แต่ตอนนี้แทบจะไม่มีค่า หุ้นที่ถืออยู่ในโบรกเกอร์ออนไลน์ Robinhood เคยมีค่ากว่า 500 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 18,000 ล้านบาท แต่ตอนนี้ บลูมเบิร์กไม่นำมาคำนวณแล้ว หลังจากมีรายงานข่าวว่าเป็นการถือหุ้นถือผ่าน Alameda และอาจจะนำมาเป็นหลักประกันเงินกู้
ขณะนี้กระทรวงยุติธรรมและคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ เปิดการสอบสวนนายแบงก์แมน-ฟรายด์ และบริษัท FTX มุ่งไปที่ประเด็นว่า บริษัทนำเงินฝากของลูกค้าไปใช้พนันในอลาเมดา รีเสิร์ช กองทุนเฮดจ์ฟันด์ของนายแบงก์-ฟรายด์ ซึ่งถือว่าละเมิดกฎหมายหลักทรัพย์หรือไม่
ก่อนหน้า FTX จะล้มละลาย แบงก์แมน-ฟรายด์ถูกวิจารณ์ไม่น้อย กรณีที่บริหาร FTX นอกระบบกฎหมายของสหรัฐ โดยย้ายสำนักงานไปอยู่บาฮามาส อีกทั้งให้สัมภาษณ์เรียกร้องให้มีระเบียบกฎเกณฑ์กำกับอุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซีมากขึ้น ทั้งที่ผู้ชื่นชอบคริปโตจำนวนมากไม่เห็นด้วยให้รัฐบาลเข้ามาควบคุม
คนหนึ่งที่ออกโรงวิจารณ์หนักมากคือ จ้าว ฉางเผิง ซีอีโอผู้ก่อตั้ง ไบแนนซ์ คู่แข่งของ FTX จนเกิดการปะทะวาจาในสื่อโซเชียล ทวิตเตอร์ เป็นที่อื้ออึง เพราะทั้งสองคนต่างมีผู้ติดตามหลายล้านคน
……