จาเร็ด เบอร์ชอลล์ มือขวา อีลอน มัสก์ บุคลิกแตกต่างกับเจ้านายอย่างสิ้นเชิง แต่กลับเคมีเข้ากัน ทำงานให้ทุกสิ่งอย่าง ตั้งแต่ดีลทวิตเตอร์ ไปจนถึงจ้าง รปภ.ให้
วันที่ 29 ธันวาคม 2565 อินสตาแกรม บลูมเบิร์ก บิสิเนส โพสต์ภาพบุคคลน่าสนใจส่งท้ายปี ได้ชื่อว่าเป็นมือขวาของ อีลอน มัสก์ นักธุรกิจคนดังที่เป็นข่าวใหญ่มาตลอดปีนี้ ไม่ว่ากับทวิตเตอร์ เทสลา ไปจนถึงการเมือง
- ครม.เคาะขึ้นเงินเดือนข้าราชการ 10% เริ่มงวดแรกปี 2567
- คลังดึงออมสิน ช่วยแก้หนี้นอกระบบ พร้อมปล่อยกู้ 5 หมื่นบาทต่อราย
- เปิดอัตราเงินเดือนข้าราชการใหม่ ได้ขึ้นทุกคุณวุฒิ “ปวช.ปริญญาตรี-เอก”
บลูมเบิร์ก รายงานประวัติ จาเร็ด เบอร์ชอลล์ วัย 47 ปี ตั้งแต่เดือน พ.ค.ปีนี้ว่า เป็นมือขวาที่ทำงานให้มัสก์มานาน 6 ปีแล้ว คอยจัดการกับทรัพย์สินและเรื่องอลหม่านของบุรุษที่ร่ำรวยที่สุดในโลก
แม้จะดูแลงานหลังบ้านเป็นหลัก แต่เบอร์ชอลล์ถือเป็นบุคคลสำคัญที่สุดในวงจรชีวิตของอีลอน มัสก์ เพราะต้องจัดการตั้งแต่กิจการเทสลาของเจ้านาย บริษัทเอ็กเซสชันสำหรับบริหารจัดการทรัพย์สินส่วนตัว ไปจนถึงดีลซื้อทวิตเตอร์หลายหมื่นล้านดอลลาร์ และสารพัดเรื่องส่วนตัว
คนที่รู้จักเบอร์ชอลล์กล่าวว่า ผู้ชายคนนี้สุภาพ เก็บความรู้สึกเก่ง เหมาะสำหรับเป็นช่างซ่อมให้เจ้านายที่ชอบออกอาการรั่วอยู่เสมอ
บทบาทของเบอร์ชอลล์มีมากขึ้น เมื่อฐานะของมัสก์ร่ำรวยทวีคูณ จากพันล้าน เป็นหมื่นล้าน และเป็นหลายแสนล้านดอลลาร์ เรื่องสุดวุ่นในปีนี้คือภารกิจที่ต้องเข้าไปช่วยเจ้านาย กรณีซื้อกิจการทวิตเตอร์ อิงค์ 44,000 ล้านดอลลาร์ที่มีแพ็กเกจการเงินซับซ้อน รวมถึงเงินกู้ของตัวเองในหุ้นเทสลา 12,500 ล้านดอลลาร์
เบอร์ชอลล์ต้องทำหน้าที่เจรจากับธนาคารเพื่อให้ดีลการเงินดังกล่าวบรรลุได้ และอาศัยความช่วยเหลือจากนายเก่า คือมอร์แกน สแตนลีย์ ซึ่งกล่าวถึงอดีตลูกน้องคนนี้ว่า เป็นคนไม่ไร้สาระ และเจรจาตกลงกันได้ง่าย
นอกจากนี้เบอร์ชอลล์ยังต้องทำหน้าที่ทูตและสร้างภาพดี ๆ ให้มัสก์ เช่นกรณีที่มัสก์ให้มุมมองว่า ทวิตเตอร์ต้องเป็นแพลตฟอร์มที่เปิดเสรีอย่างแท้จริง หลังจากนั้นเบอร์ชอลล์ส่งสารถึง ชาร์ลส์ จอห์นสัน อดีตสมาชิกกลุ่มการเมืองฝ่ายขวาที่ถูกทวิตเตอร์สั่งแบน ว่า มัสก์เป็นคนไม่เห็นด้วยเลยอย่างยิ่งกับการเซ็นเซอร์ โดยเฉพาะกับคนที่นั่งเก้าอี้ประธานาธิบดี “มันช่างเหลวไหลสิ้นดี”
ขณะเดียวกัน เบอร์ชอลล์ต้องตามดูแลเรื่องจิปาถะของมัสก์ เช่น จัดหาเครื่องบินเจ็ตให้ ขายบ้านให้ ติดตามนายธนาคารให้ จ้างพี่เลี้ยงเด็ก ไปจนถึงจ้าง รปภ. ก็ต้องทำให้
ประวัติการงานของเบอร์ชอลล์ เริ่มจากด้านการเงิน ที่บริษัทโกลด์แมน แซคส์ อิงค์ ช่วงสั้น ๆ หลังจากเรียนจบที่มหาวิทยาลัยไบรแฮมยัง ปี 1999 (พ.ศ. 2542) หนึ่งปีจากนั้นย้ายไปอยู่บริษัท เมอร์ริลลีนช์ นครลอสแองเจลิส ที่นี่เบอร์ชอลล์ถูกไล่ออก ฐานส่งนักข่าวไปพบลูกค้าโดยไม่ผ่านความเห็นชอบ
ปี 2010 (พ.ศ. 2553) เบอร์ชอลล์ไปร่วมงานกับ มอร์แกน สแตนลีย์ ซึ่งเป็นบุคคลที่สนิทด้วยในตอนนั้น และให้ความเห็นถึงชายหนุ่มว่า “ไม่ใช่ซูเปอร์สตาร์ แต่จัดการทรัพย์สินของคนรวยได้ดี”
ในที่สุดมัสก์ก็โทร.หาเบอร์ชอลล์ให้ไปทำงานด้วย เพื่อร่วมก่อตั้ง Excession ธุรกิจดูแลทรัพย์สินส่วนตัวที่ตั้งชื่อตามนวนิยายแนวไซไฟ ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับวัตถุเอเลียนทรงพลังจนกระตุ้นให้สังคมต้องต่อสู้เพื่อควบคุมมัน
การจับคู่ทำธุรกิจเอ็กเซสชันดังกล่าว ลงตัวอย่างน่าประหลาดใจ เบอร์ชอลล์เป็นแฟมิลีแมนที่นับถือมอร์มอนและทำตัวไปโดดเด่น ส่วนมัสก์ นักธุรกิจที่หย่าร้างและมีลูกชายหญิงสองคนชื่อ เอ็กซ์ กับวาย เป็นคนแกว่งปากพูดอะไรทำอะไรก็เป็นจุดพลุอื้ออึงอยู่ตลอด
การลงทุนของมัสก์ที่ทำให้มีเงินไปซื้อกิจการทวิตเตอร์ได้ ล้วนเป็นบริษัทของเขาเองทั้งสิ้น ไม่ว่า Tesla, Space Exploration Technologies Corp., the Boring Co. และ Neuralink นอกจากบริษัทเหล่านี้ มัสก์ยังไปลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี ก่อนจะขายแมนชั่นและอสังหาริมทรัพย์ในแคลิฟอร์เนีย
สำหรับเบอร์ชอลล์เองสร้างฐานะความร่ำรวยด้วยตัวเองอย่างรอบคอบระมัดระวัง แม้ว่าฐานะนี้เทียบไม่ได้กับเจ้านายอย่างมัสก์ จากรายงานการประเมินของมอร์แกน สแตนลีย์ คาดว่าชายหนุ่มมีรายได้ 1-3 ล้านดอลลาร์ ต่อปี และอาจจะมีมากกว่านี้อีกหากไปลงทุนในตลาดหุ้นหรือเฮดจ์ฟันด์
สิ่งที่เบอร์ชอลล์ไม่เหมือนเจ้านายอีกเรื่อง คือแทบไม่โพสต์อะไรทางออนไลน์เลย เขาติดตามบัญชีทวิตเตอร์แค่ 40 คน รวมถึงมัสก์และพนักงานในบริษัท แทบจะไม่ทวีต หรือกดไลก์ทวีตเลย ส่วนในเฟซบุ๊กอย่างน้อยก็มีโพสต์รูปกับภรรยาและลูก ๆ 5 คน รวมถึงวิดีโอของโบสถ์
เวลาให้คนอธิบายถึงเบอร์ชอลล์ มักจะมีคำว่า “nice” แต่คนที่ไม่สนิทก็บรรยายไม่ถูกเหมือนกับว่า เบอร์ชอลล์เป็นคนอย่างไร เพราะว่าเขาพูดน้อยมาก
ไทยิบ โมฮัมเหม็ด จาก Agreus Group มองว่า เส้นกั้นระหว่างเรื่องส่วนตัวกับอาชีพการงานมักจะไขว้กันเสมอ สำหรับเบอร์ชอลล์และมัสก์ ถือว่าเคมีลงตัวมาก เพราะทำงานกับมัสก์มาถึง 6 ปี
“ถ้าคุณไม่มีเคมีหรือวัฒนธรรมที่เข้ากันได้ ก็คงจะไม่อยู่นานขนาดนี้ ผมสรุปเอาว่า ชุดทักษะของจาเร็ด เบอร์ชอลล์ ที่เขามีอยู่ ผมว่าใช้ได้มากกับงานที่ทำ และนอกเหนือจากนั้น ผมมั่นใจอย่างที่สุดกว่าเขาต้องลงตัวและเคมีเข้ากันกับอีลอน มัสก์อย่างน่าทึ่ง”
…..
