
หาซูเปอร์มาร์เก็ตขายไม่ได้ ผู้ประกอบการญี่ปุ่นใช้ ตู้กดเนื้อวาฬ ขายแทน
วันที่ 29 มกราคม 2566 สำนักข่าว เอพี รายงานว่า กลุ่มผู้ประกอบการล่าวาฬญี่ปุ่น พบช่องทางขายเนื้อวาฬแบบใหม่ ผ่านตู้กดอัตโนมัติ หลังเจอกระแสต่อต้านการล่าวาฬอย่างหนัก จนซูเปอร์มาร์เก็ตไม่อนุญาตให้วางขาย
ร้านไร้คนขาย ชื่อ คุจิระ สโตร์ ที่แปลว่าร้านวาฬ ติดตั้งตู้กดเนื้อวาฬ 3 ตู้ ตั้งอยู่ที่เมืองโยโกฮามะ ใกล้กรุงโตเกียว ในตู้มี ซาชิมิวาฬ เบคอนวาฬ และเนื้อวาฬขาย ราคา 1,000 เยน (250 บาท) และ 3,000 เยน (750 บาท)

ที่ตู้กดมีภาพการ์ตูนวาฬ และร้านแห่งนี้เป็นร้านที่สามภายในเขตใกล้เมือง โดยอีกสองร้านอยู่ที่กรุงโตเกียว เป็นส่วนหนึ่งของแผนผลักดันการขายของบริษัท เกียวโด เซนปากุ จำกัด (Kyodo Senpaku Co)
เนื้อวาฬเป็นประเด็นพิพาทมายาวนาน แต่เห็นได้ว่ายอดขายจากตู้กดเหล่านี้ไปได้ดีตั้งแต่เริ่มต้น กลุ่มผู้ประกอบการเนื้อวาฬโจมตีฝ่ายต่อต้านล่าวาฬว่า ได้เงินอุดหนุนการประท้วงนับตั้งแต่ปี 2562 ที่ยุติการวิจัยล่าวาฬในแอนตาร์กติก และเริ่มมีการล่าวาฬเพื่อการค้าได้อีกครั้งตามเมืองชายฝั่งของญี่ปุ่น
ด้านกลุ่มอนุรักษธรรมชาติ กล่าวว่า วิตกกับการทางออกของกลุ่มผู้ประกอบการเหล่านี้จะนำไปสู่การขยายล่าวาฬยิ่งขึ้น
“ประเด็นนี้ไม่ใช่แค่ตู้ขายวาฬ แต่ยังเป็นสิ่งที่จะนไปสู่” นานามิ คุราซาวะ หัวหน้าเครือข่ายปฏิบัติการอิรุกะ แอนด์ คุจิระ (โลมาและวาฬ) กล่าว


คุราซาวะกล่าวแฉด้วยว่า กลุ่มผู้ประกอบการวาฬวิ่งเต้นของเพิ่มจำนวนล่าวาฬนอกเขตที่กำหนดไว้แล้ว
ด้าน โคโนมุ คุโบะ โฆษก บริษัท เกียวโด เซนปากุ กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าจะขยายตู้ขายเนื้อวาฬ 100 จุดทั่วประเทศ ภายใน 5 ปี โดยจุดที่ 4 จะเปิดบริการที่โอซากาเดือนกุมภาพันธ์นี้
ช่องทางขายเนื้อวาฬทางตู้กดใกล้ซูเปอร์มาร์เก็ต มาจากการที่ลูกค้าหาซื้อในซูเปอร์มาร์เก็ตไม่ได้ ผู้ประกอบการด้านนี้จึงพยายามดิ้นรนหาทางอยู่รอด และตู้นี้ก็ไม่จำเป็นต้องอาศัยคนขายด้วย

สำหรับเนื้อวาฬที่ขายอยู่ในตู้ส่วนใหญ่จับได้ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ หลังจากญี่ปุ่นเริ่มกลับมาล่าวาฬเพื่อการค้า ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2562 หลังญี่ปุ่นถอนตัวออกจากคณะกรรมการล่าวาฬ IWC ยุติการวิจัยที่เปิดช่องให้ญี่ปุ่นล่าวาฬภายใต้ข้อกำหนดมากว่า 30 ปี
จากสถานการณ์ดังกล่าว บริษัทเกียวโด เซนปากุ ประกาศจะต่อเรือล่าวาฬลำใหม่ มูลค่า 6 พันล้านเยน (1,515 ล้านบาท) ตั้งแต่ปีหน้า เพื่อมาแทนเรือนิสชิน มารู ที่เก่าแล้ว
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจวาฬยังไม่แน่ว่าจะไปต่อได้หรือไม่ หลังจากกระแสต่อต้านทำให้ญี่ปุ่นไม่เหลือชาติอื่นที่สนับสนุน มีเพียงไอซ์แลนด์เป็นประเทศสุดท้าย
การล่าวาฬเกี่ยวข้องกับคนญี่ปุ่นเพียงไม่กี่ร้อยคน และมีผู้ประกอบการเพียงหนึ่งราย คิดสัดส่วนตลาดเพียง 0.1% จากตลาดบริโภคเนื้อสัตว์ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่ไม่ได้บริโภคเนื้อวาฬมากนัก.