เมื่อเฟดบอกว่าจะขึ้นดอกเบี้ยแรง รัฐสภาติงทำเศรษฐกิจและตลาดงานเสียหาย

เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยแรง
เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐรายงานนโยบายการเงินต่อวุฒิสภา วันที่ 7 มีนาคม 2566/ REUTERS/ Kevin Lamarque

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานนโยบายต่อรัฐสภาว่า มีแนวโน้มจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายครั้ง และครั้งละสูงกว่าที่คาดไว้ ด้านสมาชิกวุฒิสภาตั้งคำถามว่า เฟดวินิจฉัยปัญหาเงินเฟ้อถูกต้องหรือไม่ และสามารถควบคุมเงินเฟ้อโดยไม่สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจและตลาดงานได้หรือไม่   

สำนักข่าว Reuters รายงานข่าวธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด (Fed) รายงานนโยบายการเงินต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2566 ว่าธนาคารกลางสหรัฐมีแนวโน้มจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งกว่าที่คาดไว้ เพื่อตอบสนองต่อตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ยังคงแข็งแกร่ง และพร้อมที่จะขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่สูงขึ้น หากข้อมูลทางเศรษฐกิจทั้งหมดที่กำลังจะมีการเปิดเผยในช่วงปลายสัปดาห์นี้และสัปดาห์หน้าบ่งชี้ว่าจำเป็นต้องมีมาตรการที่เข้มงวดขึ้น 

“ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดออกมาแข็งแกร่งเกินคาด ซึ่งบ่งชี้ว่าระดับสูงสุดของอัตราดอกเบี้ยน่าจะสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้” เจอโรม พาวเวลล์ (Jerome Powell) ประธานธนาคารกลางสหรัฐบอกกับรัฐสภา 

ในขณะที่ความแข็งแกร่งอันเกินคาดของเศรษฐกิจนั้นอาจเป็นผลมาจากสภาพอากาศในฤดูหนาวที่ค่อนข้างอบอุ่น ทำให้ไม่ต้องใช้พลังงานมากเท่าที่คาด และผลกระทบตามฤดูกาลอื่น ๆ เจอโรม พาวเวลล์กล่าวว่า อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเฟดจำเป็นต้องดำเนินการมากขึ้นเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อลงให้ได้ อาจจะมีการกลับไปขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% อีก

“หากข้อมูลทั้งหมดบ่งชี้ว่า การรัดเข็มขัดเร็วขึ้นรับประกันได้ว่าจะกดดอกเบี้ยลงได้ เราก็พร้อมที่จะเพิ่มอัตราการขึ้นดอกเบี้ย” พาวเวลล์กล่าว 

ความเห็นดังกล่าวเป็นการให้ความเห็นครั้งแรกของพาวเวลล์ นับตั้งแต่อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นอย่างคาดไม่ถึงในเดือนมกราคม 2566 และเป็นการยอมรับว่า “กระบวนการทลายเงินเฟ้อ” ที่เขาพูดถึงซ้ำ ๆ ในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ไม่ได้เป็นไปอย่างราบรื่น   

สมาชิกวุฒิสภาตอบโต้พาวเวลล์ด้วยการตั้งคำถามกว้าง ๆ และเป็นความเห็นเชิงวิพากษ์วิจารณ์ว่า เฟดวินิจฉัยปัญหาเงินเฟ้ออย่างถูกต้องหรือไม่ และสามารถควบคุมเงินเฟ้อโดยไม่สร้างความเสียหายอย่างมีนัยสำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจและตลาดงานได้หรือไม่  

สมาชิกสภาจากพรรคเดโมแครตมุ่งไปที่ว่า องค์กรภาคธุรกิจที่มีกำไรสูงอาจมีบทบาทในการทำให้เงินเฟ้อยังคงอยู่อย่างต่อเนื่อง กล่าวคือมีธุรกิจที่ไม่ยอมปรับลดราคาลง แม้ว่าเฟดจะมีมาตรการอย่างไรก็ตาม

วุฒิสมาชิก เอลิซาเบธ วอร์เรน (Elizabeth Warren) แห่งรัฐแมสซาชูเซตส์กล่าวว่า เฟดกำลังเดิมพันกับชีวิตผู้คนผ่านการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งคาดการณ์ล่าสุดของธนาคารกลางจะนำไปสู่อัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 1 จุดเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นความสูญเสียตำแหน่งงานในระดับที่เกิดขึ้นในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอยในอดีต 

“คุณอ้างว่ามีทางออกเดียวคือเลิกจ้างคนงานหลายล้านคน” วอร์เรนกล่าว 

“คนทำงานจะอยู่สุขสบายขึ้นไหม ถ้าเราเลิกทำงานของเรา (ไม่ขึ้นดอกเบี้ย) แล้วอัตราเงินเฟ้อดีดตัวขึ้นอีก” พาวเวลล์โต้

ด้านวุฒิสมาชิก เชอร์ร็อด บราวน์ (Sherrod Brown) สมาชิกพรรคเดโมแครตจากรัฐโอไฮโอกล่าวว่า “การขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะไม่หยุดยั้งธุรกิจจากการหาผลประโยชน์ในวิกฤตเหล่านี้ด้วยการขึ้นราคาสินค้าอย่างแน่นอน” 

ทั้งนี้ คำพูดของเจอโรม พาวเวลล์ ทำให้ตลาดมั่นใจมากขึ้นว่าการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) วันที่ 21-22 มีนาคมที่จะถึงนี้ จะทำให้เกิดการปรับราคาขึ้นอย่างรวดเร็วในตลาดตราสารหนี้ เนื่องจากนักลงทุนเดิมพันว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% 

ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐอยู่ที่ช่วง 4.50%-4.75% ก่อนหน้านี้ ณ เดือนธันวาคม 2565 เจ้าหน้าที่เฟดคาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นไปถึงจุดสูงสุดที่ 5.10% แต่ตอนนี้นักลงทุนคาดว่าจะได้เห็นจุดสูงสุดเพิ่มขึ้นไปที่ 5.60%