ผู้ส่งออกจีนชูจุดขายใหม่ คาร์บอนต่ำ-ผลิตในเวียดนาม

จีน

เศรษฐกิจโลกที่ยังอยู่ในภาวะชะลอตัว และความขัดแย้งระหว่างจีน-สหรัฐ สร้างความอ่อนแอให้กับภาคการส่งออกของจีน ทำให้ผู้ส่งออกจีนหลายรายต้องปรับกลยุทธ์เพื่อตอบโจทย์กับกระแสโลกที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะการชูจุดขายสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการมีฐานผลิตนอกประเทศจีน

เซาต์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์รายงานว่า “แคนตันแฟร์” (Canton Fair) มหกรรมจัดแสดงสินค้านำเข้า-ส่งออกที่นครกว่างโจวของจีน ระหว่างวันที่ 15 เม.ย.-5 พ.ค. ที่ผ่านมา ที่มีผู้เข้าเยี่ยมชมงาน 2.9 ล้านคน ถือเป็นงานจัดแสดงสินค้าครั้งใหญ่ของจีน หลังจากต้องหยุดชะงักมานานถึง 3 ปี

ภายในงานนี้ ผู้ส่งออกจีนมีการแนะนำสินค้านานาชนิด ตั้งแต่สินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ไปจนถึงสิ่งทอ แต่ที่น่าสนใจคือสินค้าที่นำมาจัดแสดงจำนวนมาก มุ่งเน้นถึงคุณสมบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นที่สนใจของลูกค้าต่างชาติ

“ลุค หู” ผู้บริหารของ “หนิงป่อ วอนโทน สเตชันเนอรี” บริษัทผู้ผลิตเครื่องเขียนและอุปกรณ์สำนักงาน ระบุว่า “เราได้ลงนามคำสั่งซื้อมูลค่า 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในงานแคนตันแฟร์ ซึ่งคำสั่งซื้อทั้งหมดมาจากยุโรปและสหรัฐ เนื่องจากพวกเขาให้ความสำคัญกับการรีไซเคิลและความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมาก”

ทั้งนี้ หนิงป่อ วอนโทน สเตชันเนอรี เป็นผู้ผลิตและส่งออกสินค้ากว่า 1,000 รายการ อาทิ ปากกาและกระเป๋าเครื่องเขียนจากพลาสติกชีวภาพและวัสดุรีไซเคิล โดยลุค หู ระบุว่า “ในปีที่แล้วบริษัทได้นำเข้าขยะพลาสติกรีไซเคิลจากท้องทะเลถึง 200 ตัน และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 10,000 ตัน ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า”

เช่นกันกับ “เรย์ จาง” ผู้จัดการฝ่ายขายของ “เซี่ยงไฮ้ นิวเวสต์ ลักเกจ” ผู้ผลิตกระเป๋าเดินทางน้ำหนักเบาที่ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนระหว่างการเดินทาง ระบุว่า “ความต้องการของลูกค้าในยุโรปในขณะนี้คือ การลดคาร์บอนเพื่ออนาคต”

ขณะที่ผู้ส่งออกจีนบางรายดึงดูดลูกค้าด้วยจุดขายที่มีโรงงานในต่างประเทศ อย่าง “เหอเฉิง เอนเตอร์ไพรส์” ผู้ผลิตกระเป๋าที่เข้าร่วมในงานแคนตันแฟร์ ขึ้นป้ายว่า “โรงงานในเวียดนาม” ทั้งนี้ เนื่องจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีน ทำให้ปัจจุบันลูกค้าชาติตะวันตก ต้องการกระจายความเสี่ยงของฐานผลิตออกนอกประเทศจีน

“เอเดน หลิง” ผู้จัดการฝ่ายขายของเหอเฉิง เอนเตอร์ไพรส์ ระบุว่า “ผู้ซื้อจากยุโรปอย่างโปแลนด์ และเนเธอร์แลนด์ แสดงความสนใจต่อโรงงานในเวียดนามของเราอย่างมาก เนื่องจากพวกเขากำลังต้องการกระจายแหล่งจัดซื้อ”

ความตึงเครียดระหว่างสองชาติมหาอำนาจทำให้ผู้ส่งออกจีนใช้กลยุทธ์ “จีนบวกหนึ่ง” (China plus one) และ “ในจีนสำหรับจีน” (in China, for China) โดยกระจายการลงทุนไปยังประเทศอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น เวียดนาม กัมพูชา หรือบังกลาเทศ

บลูมเบิร์กรายงานว่า “จอห์นสัน หวัง” ผู้ก่อตั้งบริษัทผลิตสินค้าเครื่องใช้ในบ้านส่งออกไปสหรัฐระบุว่า ปัจจุบันป้ายแสดงที่มาของสินค้าจากเวียดนาม หรือเม็กซิโก ในร้านค้าปลีกของสหรัฐ อย่าง “วอลมาร์ต” หรือ “ดอลลาร์ทรี” กำลังเพิ่มจำนวนแทนที่ป้าย “เมดอินไชน่า” อย่างรวดเร็ว

โดยข้อมูลการส่งออกของจีนในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา พบว่ายอดส่งออกไปตลาดสหรัฐลดลง 6.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่การส่งออกโดยรวมของจีนใน เม.ย. 2023 อยู่ที่ 295,420 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 8.5% จากปีก่อนหน้า

ภาพรวมของงานแคนตันแฟร์ยังสะท้อนภาพการส่งออกที่อ่อนแอของจีน โดยมียอดธุรกรรมภายในงาน 21,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งต่ำกว่าปี 2019 ที่มียอดรวม 29,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และห่างไกลจากยอดในปี 2008 ที่มีการตกลงซื้อขายภายในงานสูงสุดถึง 38,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ