จีน ส่งออกสองเดือนแรกปี 2566 ลดลงต่อเนื่อง แต่ส่งมาอาเซียนมากขึ้น

จีน ส่งออก นำเข้า
ท่าเรือในเมืองเสิ่นเจิ้น ประเทศจีน/ AFP/ China OUT/ File Photo

การค้าระหว่างประเทศของจีนลดลงต่อเนื่อง เดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ 2566 การส่งออกลดลง 6.8% การส่งออกไปอียูและสหรัฐลดฮวบ แต่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และรัสเซียเป็นตลาดที่จีนยังส่งออกได้มากขึ้น 

วันที่ 7 มีนาคม 2566 สำนักข่าว South China Morning Post รายงานว่า การส่งออกและนำเข้าของจีนยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง ตามข้อมูลที่กรมศุลกากรเปิดเผยภาวะการค้าระหว่างประเทศของจีนประจำเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งตัวเลขลดลงทั้งสองด้าน 

การส่งออกมีมูลค่าอยู่ที่ 506,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 6.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ลดลงต่อเนื่องจากเดือนธันวาคม 2565 ที่ลดลง 9.9% จากเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า

ตัวเลขการส่งออกเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ที่ลดลง 6.8% ถือว่าเป็นระดับที่ดีกว่าคาดการณ์ของ Wind ผู้ให้บริการด้านการเงินชั้นนำของประเทศจีนที่คาดว่าการส่งออกจะลดลง 8.3% 

ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 389,420 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 10.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และเป็นการลดลงต่อเนื่องจากเดือนธันวาคม 2565 ที่ลดลง 7.5 จากเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า

เซมิคอนดักเตอร์เป็น สินค้าที่ปริมาณการนำเข้าลดลงมากที่สุดในบรรดาสินค้านำเข้าทั้งหมด โดยลดลง 45.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ขณะที่การนำเข้าแผงวงจรรวม (integrated circuit) ลดลง 26.5%

การส่งออกที่ลดลงสะท้อนถึงอุปสงค์ทั่วโลกที่อ่อนแอ ขณะเดียวกัน การนำเข้าที่ลดลงของจีนก็สะท้อนอุปสงค์จากต่างประเทศที่อ่อนแอเช่นกัน เนื่องจากสินค้าจำนวนมากที่จีนนำเข้า ไม่ได้นำเข้าเพียงเพื่อใช้ในประเทศ แต่เป็นการนำเข้าชิ้นส่วน วัตถุดิบ และวัสดุจากต่างประเทศสำหรับแปรรูปสินค้าเพื่อการส่งออก 

ส่วนดุลการค้าในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ จีนเกินดุลการค้า 116,880 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคม 2565 ที่เกินดุลอยู่ 78,010 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 

การค้ากับสหภาพยุโรป (อียู) และสหรัฐอเมริกาลดลงอย่างรวดเร็วในสองเดือนแรกของปี เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงในประเทศเหล่านั้น ทำให้ความต้องการซื้อสินค้าลดลง 

โดยการส่งออกของจีนไปยังสหภาพยุโรปลดลง 12.2% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ขณะที่การนำเข้าลดลง 5.5% 

ส่วนการส่งออกไปยังสหรัฐลดลงมากถึง  21.8% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ด้านการนำเข้าจากสหรัฐลดลง 5% 

การส่งออกของจีนมายังกลุ่มประเทศอาเซียนเพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ขณะที่การนำเข้าจากอาเซียนลด 8.3% 

ส่วนการส่งออกของจีนไปยังรัสเซียเพิ่มขึ้น 19.8% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ด้านการนำเข้าจากรัสเซียเพิ่มขึ้นมากถึง 31.3% 

ทั้งนี้ ข้อมูลการนำเข้าและส่งออกเป็นตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจหลักตัวแรกที่เผยแพร่ออกมา นับตั้งแต่จีนผ่อนคลายนโยบาย Zero-COVID อย่างเต็มที่เมื่อต้นปี 

“ปริมาณการนำเข้าของจีนมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในช่วงต้นปี สร้างความผิดหวังให้กับความหวังที่ว่าเศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัว แต่เรายังคงคิดว่าการกลับมาเปิดประเทศอีกครั้งจะผลักดันการนำเข้าให้เพิ่มขึ้นได้ในที่สุด” นักเศรษฐศาสตร์จากบริษัทวิจัย Capital Economics จากอังกฤษกล่าว 

และ Capital Economics บอกอีกว่า ตัวเลขการส่งออกของจีนที่ออกมาไม่แย่เท่าที่กลัวกัน แต่ตัวเลขเดือนต่อไปก็อาจจะลดลงอีก เนื่องจากผลบวกที่เกิดขึ้นครั้งเดียวจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิดจะจางไป ขณะที่อุปสงค์จากต่างประเทศที่ลดลงจะยังฉุดรั้งการส่งออกต่อไป

สอดคล้องกับที่จาง จื่อเหว่ย (Zhang Zhiwei) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน Pinpoint Asset Management กล่าวว่า อัตราการเติบโตของการค้าระหว่างประเทศของจีนในปี 2566 อาจติดลบ ซึ่งมีแนวโน้มจะฉุดเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวมลง    

ในการนำเสนอรายงานการทำงานรัฐบาลจีนต่อสภาประชาชนแห่งชาติ (National People’s Congress : NPC) เมื่อวันอาทิตย์ที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง (Li KeQiang) กล่าวว่า ปริมาณการค้าในปี 2565 สูงเกินความคาดหมาย และจีนควรใช้ประโยชน์จากการนำเข้าและส่งออกผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจในปีนี้ต่อไป 

ขณะเดียวกัน ในรายงานของคณะกรรมการการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน (National Development and Reform Commission: NDRC) ที่เผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์ที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา ระบุว่า เศรษฐกิจและการค้าโลกในปีนี้จะชะลอตัว การแข่งขันทางการค้าระหว่างประเทศและการลงทุนจากต่างประเทศจะรุนแรงขึ้น 

“แรงกดดันด้านลบต่อเศรษฐกิจโลกกำลังผนวกรวมกับผลกระทบจากนโยบายปกป้องสินค้าภายในประเทศ การเติบโตของการค้าระหว่างประเทศกำลังชะลอตัวลง และการแข่งขันในตลาดระหว่างประเทศกำลังทวีความรุนแรงขึ้น ซึ่งทำให้เป็นเรื่องยากขึ้นสำหรับจีนในการจะรักษาระดับการเติบโตของการส่งออกให้คงที่”  NDRC บอกในรายงาน