ปี 2565 จีนเกินดุลการค้า 877,600 ล้านดอลลาร์ สูงสุดเป็นประวัติการณ์

ดุลการค้าจีน ปี 2565
ท่าเรือในเมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน / AFP / China OUT

ปี 2565 จีนเกินดุลการค้า 877,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นระดับที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งออกเพิ่มขึ้น 7% นำเข้าเพิ่มขึ้น 1.1% การค้ากับรัสเซียมากเป็นอันดับ 1 ด้วยมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน

วันที่ 13 มกราคม 2566 South China Morning Post รายงานว่า กรมศุลกากร ประเทศจีน เปิดเผยภาวะการค้าระหว่างประเทศของจีนประจำเดือนธันวาคม และภาพรวมปี 2565 ว่า การส่งออกและนำเข้าของจีนลดลงอย่างรวดเร็วในเดือนธันวาคม โดยมูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 306,080 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 9.9% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า (YoY) และลดลงในอัตราที่มากกว่าเดือนพฤศจิกายน (MoM) ซึ่งลดลง 8.7% จากเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า 

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการส่งออกเดือนธันวาคมที่ลดลง 9.9% ถือว่าเป็นระดับที่ดีกว่าคาดการณ์ของ Wind ผู้ให้บริการด้านการเงินชั้นนำของประเทศจีน ที่คาดว่าการส่งออกจะลดลง 10.4% 

ด้านการนำเข้าในเดือนธันวาคม 2565 มีมูลค่า 228,070 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 7.5% จากเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า (YoY) ซึ่งยังมากกว่าการคาดการณ์ของ Wind ที่คาดว่าการนำเข้าจะลดลง 8.6% 

ทั้งนี้ การนำเข้าของจีนในเดือนธันวาคมลดลงในอัตราที่น้อยกว่าเดือนพฤศจิกายน (MoM) ซึ่งลดลง 10.6% จากเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า 

บวกลบกันแล้ว ในเดือนธันวาคมจีนมียอดเกินดุลการค้า 78,010 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายนที่เกินดุลการค้า 69,840 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 

“อัตราการเติบโตของการส่งออกของจีนลดลงอย่างต่อเนื่องในเดือนธันวาคม ทั้งอุปสงค์ทั่วโลกที่ลดลง และกระแสการระบาดของโควิดน่าจะมีส่วนทำให้ตัวเลขนี้ลดลง” จาง จื่อเหว่ย (Zhang Zhiwei) ประธานและหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของบริษัทจัดการการลงทุน Pinpoint Asset Management วิเคราะห์

“การเติบโตของการส่งออกที่อ่อนแอ เป็นการเน้นย้ำถึงความสำคัญของการกระตุ้นอุปสงค์ในประเทศในฐานะตัวขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจในปี 2566 ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่า [รัฐบาล] จะมีนโยบายเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ” จาง จื้อเหว่ย กล่าว 

ในภาพรวมของทั้งปี 2565 การค้าระหว่างประเทศของจีนรวมทั้งขาเข้าและขาออกมีมูลค่า 6,300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 4.4% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ด้านการส่งออกมีมูลค่า 3,600,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 7% จากปี 2564 (YoY) ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 2,700,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 1.1% 

โดยสรุปแล้ว ทั้งปี 2565 จีนเกินดุลการค้าอยู่ 877,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับที่สูงเป็นประวัติการณ์ เกินดุลการค้าเพิ่มขึ้น 29.82% จากปี 2564 ที่เกินดุลการค้าอยู่ 676,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 

ดุลการค้าจีน ปี 2565
ท่าเรือในเมืองเสิ่นเจิ้น ประเทศจีน / AFP / China OUT


ทั้งนี้ ข้อมูลลงรายละเอียดระดับตลาดเผยให้เห็นว่า การค้าของจีนกับสหภาพยุโรป (EU) และสหรัฐอเมริกาลดลงอย่างมากในเดือนธันวาคม ขณะที่การนำเข้าและส่งออกของจีนกับรัสเซียเพิ่มขึ้น 

ในภาพรวมทั้งปี 2565 การค้าของจีนกับรัสเซียเพิ่มขึ้นมากที่สุดในบรรดาคู่ค้าหลักทั้งหมด

มูลค่าการค้าระหว่างจีนกับรัสเซียอยู่ที่ 190,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (1.28 ล้านล้านหยวน) เพิ่มขึ้น 29.3% จากปีก่อนหน้า การนำเข้าของจีนเพิ่มขึ้น 43.4% ส่วนฝั่งการส่งออกเพิ่มขึ้น 12.8% ทั้งนี้ มูลค่าการค้าระหว่างจีนกับรัสเซียในระดับดังกล่าวนี้ เป็นระดับที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ 

ขณะที่การค้าของจีนกับสหรัฐในปี 2565 เกือบจะอยู่ในระดับเดียวกับปี 2564 โดยเพิ่มขึ้น 0.6% มีมูลค่า 759,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้านการส่งออกของจีนไปยังสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.2% ขณะที่การนำเข้าลดลง 1.1% 

สำหรับการค้ากับสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของจีน ในปี 2565 มีการค้าระหว่างกันรวมมูลค่า 957,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 11.2% จากปี 2564 โดยจีนส่งออกมายังอาเซียนเพิ่มขึ้น 17.7% ส่วนด้านการนำเข้าเพิ่มขึ้น 3.3% 

สหภาพยุโรปเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 2 ของจีนในปี 2565 มีมูลค่าการค้ารวม 847,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 2.4% เมื่อเทียบกับปี 2564 โดยจีนส่งออกไปยังสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้น 8.6% ขณะที่การนำเข้าลดลง 7.9% 

Bloomberg รายงานลงรายละเอียดสินค้าตามข้อมูลของกรมศุลกากรจีนว่า รถยนต์และแชสซี (chassis-โครงรถยนต์) เป็นสินค้าส่งออกอันดับต้น ๆ ของประเทศจีนในปีที่แล้ว โดยมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นมากถึง 74.7% ตามมาด้วยแร่หายากที่ส่งออกเพิ่มขึ้น 62.8% ส่วนสินค้าที่การส่งออกลดลงมากที่สุดคือ เครื่องใช้ภายในบ้าน 

ฝั่งการนำเข้า สินค้าที่จีนนำเข้ามากที่สุดในปี 2565 คือ สินแร่เหล็ก แต่มูลค่าการนำเข้าก็น้อยลงเกือบ 30% ส่วนมูลค่าการนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 41.4% อย่างไรก็ตาม ในแง่ปริมาณการนำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์ลดลง 0.9% ส่วนการนำเข้ายารักษาโรคเพิ่มขึ้น 29% ในแง่ปริมาณ แต่ในแง่มูลค่าลดลง 4.3% 

นอกจากนั้น Bloomberg รายงานว่า หลิว ต้าเหลียง (Lyu Daliang) โฆษกกรมศุลกากรของจีนกล่าวว่า การค้าต่างประเทศของจีนจะยังคงเผชิญกับแรงกดดันในปี 2566 ก่อนที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง 

อีริก ชู (Eric Zhu) นักเศรษฐศาสตร์ของ Bloomberg Economics ให้ความเห็นว่า ปัญหาที่ใหญ่ของเศรษฐกิจจีนในระยะถัดไปคือ การชะลอตัวของอุปสงค์ทั่วโลก ซึ่งนั่นหมายความว่าการลงทุนและการใช้จ่ายภายในประเทศจะต้องมีน้ำหนักมากขึ้น 

“เราคิดว่าความเสียหายจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในระลอกปัจจุบันจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว และนโยบายของจีนที่เปิดประเทศอีกครั้งจะทำให้กิจกรรมภายในประเทศฟื้นตัวได้”

……………………..