World Bank ลดคาดการณ์จีดีพีโลกเหลือ 1.7% เตือนรับมือเศรษฐกิจถดถอยหนักกว่าที่คาด

เศรษฐกิจถดถอย
Oli SCARFF / AFP

ธนาคารโลกลดคาดการณ์การเติบโตของจีดีพีโลกปี 2566 เหลือ 1.7% จากการคาดการณ์ครั้งก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมิถุนายน 2565 ที่คาดว่าจะโต 3.2% เตือนรับมือเศรษฐกิจอาจถดถอยมากกว่าที่คาด 

วันที่ 10 มกราคม 2566 ธนาคารโลก (World Bank) เผยแพร่รายงาน Global Economic Prospects ซึ่งส่วนหนึ่งกล่าวถึงการณ์สถานการณ์เศรษฐกิจโลกว่า การเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลกกำลังชะลอตัวลงอย่างมาก เนื่องจากเผชิญภาวะเฟ้อสูง อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น การลงทุนลดลง และการหยุดชะงักจากสถานการณ์การสู้รบระหว่างรัสเซีย-ยูเครน 

ธนาคารโลกบอกว่า สภาวะเศรษฐกิจที่เปราะบาง บวกกับปัจจัยเชิงลบใหม่ ๆ เช่น อัตราเงินเฟ้อที่สูงกว่าที่คาดไว้ การขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างกะทันหันเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด การกลับมาระบาดอีกครั้งของโรคโควิด-19 หรือความตึงเครียดทางการเมืองที่ทวีความรุนแรงขึ้น “อาจผลักดันให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย” ซึ่งนี่จะนับเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 80 ปีที่เศรษฐกิจโลกถดถอยเกิดขึ้น 2 ครั้งภายในทศวรรษเดียวกัน 

ปัญหาต่าง ๆ เป็นปัจจัยให้ธนาคารโลกคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกปี 2566 จะเติบโตเพียง 1.7% ปรับลดลงจากการคาดการณ์ครั้งก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมิถุนายน 2565 ที่คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะเติบโต 3.2% 

รายงานของธนาคารโลกคาดว่า การชะลอตัวของอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจจะเกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง ในประเทศพัฒนาแล้วอัตราการเติบโตของจีดีพีจะลดลง 95% ส่วนประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาจะลดลง 70% 

ส่วนคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจแยกเป็นรายภูมิภาค เป็นดังนี้ 

  • เอเชียตะวันออกและแปซิฟิก คาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 4.3% ในปี 2566 และจะโต 4.9% ในปี 2567 
  • ยุโรปและเอเชียกลาง คาดว่าการเติบโตจะชะลอตัวลงเหลือ 0.1% ในปี 2566 และจะโต 2.8% ในปี 2567 
  • ละตินอเมริกาและแคริบเบียน คาดว่าจะเติบโตจะชะลอตัวลงเหลือ 1.3% ในปี 2566 ก่อนที่จะฟื้นตัวเป็น 2.4% ในปี 2567
  • ตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ คาดว่าการเติบโตจะชะลอตัวลงเหลือ 3.5% ในปี 2566 และ 2.7% ในปี 2567 
  • เอเชียใต้ คาดว่าการเติบโตจะชะลอตัวลงเหลือ 5.5% ในปี 2566 และจะเพิ่มขึ้นเป็น 5.8% ในปี 2567 
  • ภูมิภาคแอฟริกาใต้ทะเลทรายซาฮารา (Sub-Saharan Africa) คาดว่าการเติบโตจะอยู่ที่ 3.6% ในปี 2566 และเพิ่มขึ้นเป็น 3.9% ในปี 2567 
เศรษฐกิจโลกถดถอย
ISAAC LAWRENCE / AFP


สำหรับประเทศไทย ธนาคารโลกคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยจะโตขึ้น 3.6% ปรับลดลงจากการคาดการณ์ครั้งก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมิถุนายน 2565 ที่คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะเติบโต 4.3 % 

ส่วนสองประเทศยักษ์ใหญ่อย่าง สหรัฐอเมริกาและจีน ธนาคารโลกคาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะโต 0.5% ลดลงจากการคาดการณ์ครั้งก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมิถุนายน 2565 ที่คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะเติบโต 2.6%

ฝั่งเศรษฐกิจจีน คาดว่าจะโต 4.3% ปรับลดลงจากการคาดการณ์ครั้งก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมิถุนายน 2565 ที่คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะเติบโต 5.3 %

ธนาคารโลกเตือนว่า ถึงแม้ว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อลดลงแล้วในช่วงปลายปี 2565 เนื่องจากราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ลดลง แต่ความเสี่ยงเรื่องการหยุดชะงักของอุปทานยังอยู่ในระดับสูง และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน) อาจจะสูงขึ้น ซึ่งอาจทำให้ธนาคารกลางตอบโต้ด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายมากกว่าที่คาดไว้ในปัจจุบัน และนั่นจะส่งผลให้การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกเลวร้ายลงไปอีก 

เดวิด มัลพาสส์ (David Malpass) ประธาน World Bank Group กล่าวว่า “วิกฤตที่เผชิญอยู่กำลังทวีความรุนแรงขึ้น ในขณะที่แนวโน้มการเติบโตทั่วโลกแย่ลง” 

ประธานธนาคารโลกบอกว่า ประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนากำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่เศรษฐกิจจะเติบโตอย่างช้า ๆ ต่อเนื่องหลายปี โดยมีปัจจัยหนุนคือ ภาระหนี้จำนวนมหาศาล และการลงทุนที่อ่อนแอลง เนื่องจากทุนทั่วโลกถูกดูดซับไปโดยประเทศพัฒนาแล้ว ซึ่งเผชิญกับระดับหนี้ภาครัฐที่สูงมาก และอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น 

เขาบอกอีกว่า ความอ่อนแอของการเติบโตทางเศรษฐกิจและการลงทุนทางธุรกิจ จะผนวกเข้ากับปัญหาเดิมที่มีอยู่แล้ว ทั้งด้านการศึกษา สุขภาพ ความยากจน และโครงสร้างพื้นฐาน แล้วจะทำให้สถานการณ์แย่ลงอีก 

นอกจากนั้น ธนาคารโลกเรียกร้องการสนับสนุนที่มากขึ้นจากประชาคมระหว่างประเทศ เพื่อช่วยประเทศที่มีรายได้น้อยจัดการกับภาวะช็อกด้านอาหารและพลังงาน ผู้คนที่ต้องพลัดถิ่นเพราะความขัดแย้ง และความเสี่ยงของวิกฤตหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้น 

………………………….