จีนประกาศขึ้นกำแพงภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าของสหรัฐ 128 รายการ ซึ่งรวมถึงเนื้อหมูและไวน์ เพื่อเป็นการตอบโต้หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐได้ขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากจีนเมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
มาตรการภาษีที่จีนประกาศนี้คิดเป็นมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 96,000 ล้านบาท โดยให้มีผลบังคับใช้ทันทีในวันที่ 2 เมษายน ทางการจีนระบุว่าการขึ้นกำแพงภาษีดังกล่าวเป็นมาตรการเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของจีน และสร้างความสมดุลต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากมาตรการกำแพงภาษีใหม่ของสหรัฐ
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
ก่อนหน้านี้จีนระบุว่าไม่ต้องการที่จะทำสงครามการค้าแต่ก็จะไม่นิ่งเฉยหากเศรษฐกิจจีนได้รับผลกระทบ ล่าสุดจีนระบุว่ากำแพงภาษีใหม่ที่ประกาศเป็นมาตรการต่างตอบแทนการตัดสินใจขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากจีนของรัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของทรัมป์ และอาจมีการประกาศเพิ่มภาษีนำเข้ากับสินค้าสหรัฐตามมาอีกในอนาคต
ภายใต้การปรับเพิ่มภาษีสินค้าสหรัฐของจีน ชิ้นส่วนอะลูมิเนียมและเนื้อหมูแช่แข็งจะถูกปรับเพิ่มภาษีขึ้น 25% จากภาษีเดิมที่มีอยู่แล้ว ขณะที่สินค้าในหมวดอาหาร รวมถึงถั่ว ผลไม้สดและผลไม้แห้ง โสม และไวน์จะเพิ่มภาษีขึ้น 15% เช่นเดียวกับเหล็กม้วนนำเข้าของสหรัฐที่ปรับเพิ่มภาษีขึ้น 15% เช่นกัน
ด้านประธานาธิบดีทรัมป์ยังคงยืนยันว่าการทำสงครามการค้าเป็นสิ่งที่ดี และเป็นเรื่องง่ายมากที่สหรัฐจะเอาชนะในสงครามดังกล่าว ทั้งนี้สหรัฐระบุว่าการปรับเพิ่มกำแพงภาษีต่อจีนเป็นมาตรการตอบโต้ต่อการค้าที่ไม่เป็นธรรมต่อสหรัฐในจีน โดยเฉพาะการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
ที่มา : มติชนออนไลน์