ยืนยันชื่อแรงงานไทยในอิสราเอล ถูกยิงเจ็บ 1 ราย ถูกจับเป็นตัวประกัน 2 ราย

อิสราเอล ฮามาส สงคราม
กลุ่มฮามาสยิงจรวดถล่มเมืองอัชเคลอน ประเทศอิสราเอล วันที่ 7 ตุลาคม 2023 (ภาพโดย Amir Cohen/ REUTERS)

กระทรวงแรงงานยืนยันชื่อแรงงานไทยในอิสราเอล 1 รายถูกยิงที่ขาได้รับบาดเจ็บชื่อนายชาตรี ชาศรี และอีก 2 คนถูกจับเป็นตัวประกัน ชื่อนายบุญถม พันธ์ฆ้อง และ น.ส.ศศิวรรณ พันธ์ฆ้อง 

จากกรณีกลุ่มติดอาวุธฮามาส (Hamas) ชาวปาเลสไตน์ยิงจรวดออกจากฉนวนกาซาไปโจมตียังหลายพื้นที่ของอิสราเอล ในเช้าวันที่ 7 ตุลาคม 2023 ตามเวลาท้องถิ่น และต่อมาอิสราเอลได้สั่งตอบโต้กลับ โดยการโจมตีทางอากาศไปยังพื้นที่ฉนวนกาซา

ต่อมา ณ เวลาประมาณ 20.50 น.วันที่ 7 ตุลาคม 2023 ตามเวลาไทย หรือราว 16.50 น. ตามเวลาอิสราเอล สำนักข่าวอัลจาซีรา (Al Jazeera) รายงานจำนวนผู้เสียชีวิตในพื้นที่ของอิสราเอล 40 ราย และในพื้นที่ฉนวนกาซา 198 ราย 

ขณะที่ในเวลา 20.36 น. กระทรวงแรงงาน ประเทศไทย เผยแพร่ข่าว โดยนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้สั่งการให้อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เร่งตรวจสอบและดูแลแรงงานไทยในพื้นที่นั้น ได้รับการรายงานเบื้องต้นจากนายกิตติ์ธนา ศรีสุริยะ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ว่า มีแรงงานไทยถูกยิงที่ขาได้รับบาดเจ็บ 1 ราย และแรงงานไทย 2 รายถูกจับตัวไว้ 

แรงงานไทยที่ถูกยิงที่ขานั้น ทราบชื่อคือ นายชาตรี ชาศรี อายุ 38 ปี เดินทางโดยกรมการจัดหางานจัดส่งไปทำงานเกษตร มีภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่จังหวัดนครพนม จากการตรวจสอบของกรมการจัดหางานพบว่า เป็นสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศด้วย 

ส่วนแรงงานไทยอีก 2 รายที่ถูกจับตัวไว่นั้นเป็นสามีและภรรยากัน ทราบชื่อคือ นายบุญถม พันธ์ฆ้อง อายุ 39 ปี และ น.ส.ศศิวรรณ พันธ์ฆ้อง อายุ 36 ปี ทั้งคู่มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดอุดรธานี ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ 

นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของการดำเนินการที่ประเทศไทยนั้นได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดนครพนม และจังหวัดอุดรธานี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เป็นภูมิลำเนาของแรงงานไทยที่บาดเจ็บ 1 ราย และแรงงานไทยที่ถูกจับตัวไว้ 2 ราย ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านเพื่อแจ้งข้อมูลข่าวสารสร้างขวัญกำลังใจ พร้อมชี้แจงการให้ความช่วยเหลือเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ที่พึงได้รับตามกฎหมายให้แก่ญาติทราบในทันที 

นอกจากนั้น นายพิพัฒน์เปิดเผยอีกว่า ในปัจจุบันมีแรงงานไทยที่ทำงานอยู่ในประเทศอิสราเอลรวมทั้งสิ้นประมาณ 29,900 คน เป็นแรงงานที่อยู่อาศัยบริเวณเมือง Netivot, Sderot, Ashkelo และพื้นที่ใกล้เคียง ประมาณ 5,000 คน 

“ขอให้ญาติของแรงงานไทยที่ไปทำงานในประเทศอิสราเอล อย่าเพิ่งตื่นตระหนก ขอให้มั่นใจว่า รัฐบาลไทยทั้งสถานทูตและกระทรวงแรงงานจะให้การคุ้มครอง ดูแล อย่างดีที่สุด และจะเร่งติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และขอให้แรงงานไทยที่ทำงานอยู่ในอิสราเอลที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว ปฏิบัติตามมาตรการของทางการอิสราเอลอย่างเคร่งครัด และแจ้งข้อมูลมายังฝ่ายแรงงาน ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ เพื่อจะได้วางแผนในการให้ความช่วยเหลือต่อไป” นายพิพัฒน์กล่าว

ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้ออกประกาศเตือนคนไทยในอิสราเอล โดยขอให้คนไทยเข้าห้องหลบภัยทันทีที่ได้ยินเสียงไซเรน หากไม่ทัน ให้หมอบราบลงกับพื้น ไม่ถ่ายรูป ไม่วิ่งไปที่โล่ง ปฏิบัติตามมาตรการของทางการอิสราเอลอย่างเคร่งครัด และขอให้ทุกคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อาศัยในเขตภาคใต้ใกล้เคียงฉนวนกาซา และภาคกลาง รวมถึงกรุงเทลอาวีฟ ไม่ออกจากที่พักอาศัย 

สำหรับคนไทยที่ได้รับผลกระทบโปรดติดต่อได้ที่สถานเอกอัครราชทูตฯ หมายเลขโทรศัพท์ (+972) 5 4636 8150 กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ หมายเลข 0 2575 1047-51 ฝ่ายแรงงานไทย ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ โทร : +972 544693476 What app ID : 0544693476 Line ID : 0544693476 (ตลอด 24 ชั่วโมง)