หวั่นจีนผลิตสินค้า “ล้นเกิน” สหรัฐกระตุ้น “ปกป้อง” การค้าทั่วโลก

BYD
Photo by FOCKE STRANGMANN / AFP
คอลัมน์ : ชีพจรเศรษฐกิจโลก
ผู้เขียน : นงนุช สิงหเดชะ

ทั้งสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป กำลังกังวลเรื่องที่จีนผลิตสินค้าสารพัดชนิดแบบ “ล้นเกิน” จึงได้มีการหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาเอ่ยถึง ซึ่งไม่ใช่เฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ที่กำลังเป็นประเด็นร้อนเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายอย่าง ดังที่ “เจเน็ต เยลเลน” รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ได้กล่าวถึงเมื่อไม่นานมานี้ว่า ที่ผ่านมา ด้วยการสนับสนุนของรัฐบาลจีน ทำให้เกิดการลงทุนมากเกินไปในอุตสาหกรรมเหล็ก อะลูมิเนียม และอื่น ๆ ทำให้จีนส่งออกสินค้าได้ในราคาถูก

“แต่มาถึงตอนนี้ เราเห็นกำลังการผลิตล้นเกินในอุตสาหกรรมใหม่ อย่างเช่น แผงโซลาร์ รถอีวี แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน ซึ่งบิดเบือนราคาตลาดโลกและรูปแบบการผลิตสินค้า กระทบต่อคนงานในสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และประเทศอื่น ๆ” รัฐมนตรีคลังสหรัฐระบุและว่า เธอสนับสนุนให้จีนสร้างสมดุลเศรษฐกิจด้วยการเน้นไปที่การบริโภคภายในประเทศให้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม เธอไม่ต้องการใช้วิธีตอบโต้จีน แต่จะใช้วิธีการหารือเพื่อค้นหาหนทางที่สร้างสรรค์ร่วมกัน

บลูมเบิร์ก รายงานว่า คำกล่าวของเยลเลน มีขึ้นก่อนที่เธอจะเดินทางไปจีนเป็นครั้งที่ 2 เพื่อเจรจาถึงข้อกังวลนี้กับจีน เพราะไม่เช่นนั้นแล้วอุตสาหกรรมของประเทศอื่น ๆ รวมทั้งสหรัฐจะอยู่ไม่รอด และเกรงว่าจะนำไปสู่การใช้มาตรการ “ปกป้องการค้า” ทั่วโลกเพื่อลดความเสียหาย

ทั้งนี้จีนทุ่มเทเงินลงทุนไปยังอุตสาหกรรมใหม่ ๆ เช่น รถอีวี แบตเตอรี่ และพลังงานหมุนเวียน เพื่อหาแหล่งผลักดันการเติบใหม่ ๆ ในยามที่เศรษฐกิจเติบโตน้อยลง ทำให้บรรดาประเทศคู่ค้าเกิดความกังวลว่าสินค้าต้นทุนต่ำจากจีนจะทะลักเข้าไปยังตลาดของประเทศตน อันจะทำให้คนในประเทศตกงาน และสุดท้ายก็จะตอบโต้กลับด้วยการสร้างอุปสรรคเพื่อกีดกันสินค้าจีน

เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังสหรัฐ เปิดเผยว่า การเดินทางไปจีนครั้งนี้ของเยลเลน ก็เพื่อส่งสารให้จีนเข้าใจอย่างชัดเจนว่า การผลิตมากเกินไปของจีนมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ส่งผลเสียต่อโรงงานผลิตในสหรัฐและบริษัทต่าง ๆ ทั่วโลก นอกจากนี้ก็จะมีการหารือเรื่องค่าเงินหยวน รวมถึงการแสวงหาความร่วมมือในประเด็นที่จะเป็นประโยชน์ร่วมกันทั้ง 2 ฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ภาวะโลกร้อน การเงินที่ผิดกฎหมาย การบรรเทาภาวะหนี้ของประเทศกำลังพัฒนา เป็นต้น

สหภาพยุโรปอยู่ระหว่างการสอบสวนว่าอุตสาหกรรมรถอีวีของจีน ได้ประโยชน์จากการอุดหนุนอย่างไม่เป็นธรรมของรัฐบาลจีนหรือไม่ ซึ่งอาจนำไปสู่การขึ้นภาษีเพื่อปกป้องตลาดรถยนต์สหภาพยุโรป ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ก็ได้เปิดการสอบสวนว่ารถยนต์จีนเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติหรือไม่ ส่วนบรรดานักการเมืองสหรัฐก็เสนอให้ประธานาธิบดี “โจ ไบเดน” ขึ้นภาษีรถอีวีจากจีน

ADVERTISMENT

ในส่วนของสหรัฐนั้น ก็ได้พยายามจะลดการพึ่งพาจีนลง ด้วยการทุ่มเงินหลายพันล้านดอลลาร์ ผ่านมาตรการภาษีเพื่อจูงใจการลงทุนด้านพลังงานสะอาด เพื่อจะสามารถสร้างรถยนต์ไฟฟ้าในราคาที่แข่งขันได้ รวมทั้งพลังงานทางเลือกที่ไม่ต้องพึ่งพาชิ้นส่วนจำเป็นจากจีนเช่นแบตเตอรี่

ขณะที่ความเคลื่อนไหวของยอดขายรถอีวี ท่ามกลางการมาแรงของรถอีวีจีน และรถอีวีจากสหรัฐเพลี่ยงพล้ำนั้น ล่าสุด “บีวายดี” แจ้งยอดขายต่อตลาดหลักทรัพย์เสิ่นเจิ้นว่า ไตรมาสแรกปี 2024 มียอดขาย 300,114 คัน หรือลดลง 43% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2023 ทำให้ “เทสลา” กลับมาเป็นที่ 1 ด้วยยอดขาย 386,810 คัน แต่ก็ลดลง 20.2% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2023

ในส่วนของแผงโซลาร์เซลล์ ที่เป็นหนึ่งในสินค้าที่ถูกยุโรปและอเมริกาแสดงความกังวลนั้น ไฟแนนเชียลไทมส์รายงานว่า 80% ของสินค้านี้ผลิตในจีน และราคาถูกมากเสียจนสามารถนำมาติดตั้งบนรั้วล้อมสวนในเยอรมนีและเนเธอร์แลนด์ได้ ไม่จำเป็นต้องติดตั้งบนหลังคาให้เปลืองค่าแรงช่างที่แสนแพง จากปกติที่ต้องติดตั้งบนหลังคาเพื่อให้แผงได้รับแสงแดดอย่างถูกต้อง แต่เนื่องจากมันราคาถูกมากและมีมาก ก็เลยสามารถนำมาวางบนรั้วได้ ตอนนี้การตั้งแผงโซลาร์บนรั้ว ก็เริ่มระบาดในสหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย และอเมริกาเหนือแล้ว