
ข้อมูลเผยแพร่เมื่อ 14 กรกฎาคม 2567 เวลา 08.51 น. และอัพเดตล่าสุดเมื่อ 15.08 น.
สไนเปอร์หรือมือแม่นปืนซุ่มยิงอดีตประธานาธิบดีสหรัฐจากหลังคาอาคาร ขณะหาเสียงในรัฐเพนซิลเวเนีย มีผู้เข้าร่วมชมการหาเสียงเสียชีวิต 1 ราย อาการโคม่า 2 คน ด้านโดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์อัพเดตอาการด้วยตัวเอง ด้าน FBI เผยรู้ตัวมือซุ่มยิง
วันที่ 14 กรกฎาคม 2024 ซีเอ็นเอ็น รายงานความคืบหน้าเหตุลอบยิงอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขณะขึ้นเวทีหาเสียงเมืองบัตเลอร์ว่า มือปืนถูกยิงเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ปลอดภัย เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสอบสวนเพิ่มเติม
ขณะเกิดเหตุนายทรัมป์ล้มลงพื้น หลังเสียงปืนนัดแรกดังขึ้น หน่วยอารักขารีบคว้าตัวและเข้าล้อมนายทรัมป์ พยุงให้นายทรัมป์ยืนขึ้น
ต่อมานายทรัมป์โพสต์ทาง Truth Social ว่า ผมถูกยิงด้วยกระสุนทะลุใบหูขวา ผมรู้ทันทีว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นซึ่งได้ยินเสียงหึ่ง เสียงปืน และทันทีรู้สึกได้ถึงกระสุนฉีกผิวหนังทะลุ เลือดไหลออกมามาก ผมจึงรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
ขณะนี้อยู่ระหว่างสอบสวนเหตุยิง มือยิงถูกสังหารโดยพลซุ่มยิงในหน่วยอารักขาประธานาธิบดี (US Secret service sniper) และมีผู้เข้าร่วมหาเสียงถูกสังหารเสียชีวิต 1 ราย และอีกสองคนบาดเจ็บสาหัส ในเหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงค่ำของวันที่ 13 กรกฎาคม 2567 ในระหว่างการหาเสียงของทรัมป์ ในรัฐเพนซิลเวเนียที่คะแนนระหว่างสองพรรคการเมืองสูสีอย่างมาก
แหล่งข่าวตำรวจระบุว่า มือยิงทราบต่อมาว่าเป็นเพศชาย ซุ่มยิงจากหลังคาอาคารบริเวณด้านนอกพื้นที่หาเสียง แหล่งข่าวที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายรายระบุตรงกันว่า เป็นมือซุ่มยิงซ่อนตัวโจมตีเป้าหมายจากที่สูงอย่างแม่นยำ หรือสไนเปอร์
นายริชาร์ด โกลด์ดิงเกอร์ ทนายความเขตบัตเลอร์ กล่าวว่า ตนได้รับแจ้งจากหัวหน้าตำรวจสืบสวนว่ามือยิงอยู่บนหลังคาอาคารใกล้กัน ใช้อาวุธปืนไรเฟิลยิงจากบนหลังคาคลังเก็บสินค้า ซึ่งห่างจากเวทีหาเสียงของนายทรัมป์แค่ไม่ถึง 200 เมตร

ขณะนี้หน่วยงานสืบสวนสอบสวนกลาง (FBI) ยังไม่ให้รายละเอียดผู้ก่อเหตุอย่างเป็นทางการ แต่ทราบอัตลักษณ์ของผู้ก่อเหตุแล้วเป็นหนุ่มวัย 20 ปี ชื่อนายโทมัส แมตทิว ครูกส์ (Thomas Matthew Crooks ) โดยแนวทางการสอบสวนเป็นคดีพยายามลอบสังหาร และต้องสืบสวนต่อไปว่าผู้ก่อเหตุลงมือลำพังหรือไม่ รวมถึงแรงจูงใจ
ด้านนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ รีบกลับจากการพักผ่อนที่บ้านพักในรัฐเดลาแวร์ เดินทางตรงมายังทำเนียบขาวเพื่อรับทราบสถานการณ์ล่าสุดแล้ว