
ขณะที่ทั่วโลกกำลังรณรงค์ลดใช้น้ำมัน ยักษ์น้ำมัน “เอ็กซอน โมบิล” (Exxon Mobil) กลับคาดการณ์อย่างไม่เกรงใจนักสิ่งแวดล้อมว่า ในปี 2050 โลกจะยังคงใช้น้ำมันมากเท่าปัจจุบันหรืออาจจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย พร้อมเตือนว่าหากไม่มีการลงทุนโครงการน้ำมันใหม่ ๆ เพิ่มเลย โลกจะเผชิญภาวะราคาน้ำมันพุ่งสูงนับตั้งแต่ปี 2030 นี้
วันที่ 26 สิงหาคม 2024 บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า บริษัท เอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชัน (Exxon Mobil Corporation) คาดการณ์ว่า ความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกในปี 2050 จะยังเท่าระดับปัจจุบัน (ราว 100 ล้านบาร์เรลต่อวัน) หรืออาจจะสูงกว่าระดับปัจจุบันเล็กน้อย ซึ่งทำให้ความพยายามที่จะบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในกลางศตวรรษนี้อยู่ไกลเกินเอื้อม
เอ็กซอนระบุในรายงานคาดการณ์ตลาดน้ำมันประจำปี (Global Outlook) ที่เผยแพร่ในวันที่ 26 สิงหาคมนี้ว่า ดีมานด์หรือความต้องการใช้น้ำมันจะยังคงสูงกว่า 100 ล้านบาร์เรลต่อวัน ต่อไปจนถึงปี 2050 โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของการใช้งานในอุตสาหกรรม เช่น การผลิตพลาสติก และการขนส่งขนาดใหญ่
ขณะที่รายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Net Zero Emissions Scenario) สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ที่ระบุว่า ความต้องการใช้น้ำมันจะต้องลดลง 75% เหลือ 24 ล้านบาร์เรลต่อวันภายในปี 2050 เพื่อที่จะจำกัดอุณหภูมิโลกไม่ให้สูงขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับอุณหภูมิในยุคก่อนอุตสาหกรรม ตามที่กำหนดไว้ในข้อตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Paris Agreement)
คริส เบิร์ดซอลล์ (Chris Birdsall) ผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐศาสตร์และพลังงานของเอ็กซอนกล่าวว่า IEA ก็พูดเหมือนกันกับเอ็กซอนว่า โลกเรายังไม่ได้อยู่ในเส้นทางที่จะบรรลุเป้าหมาย “เราจำเป็นต้องมีความชัดเจนยิ่งกว่านี้ในเส้นทางที่โลกกำลังเดินไป มิฉะนั้น ก็เท่ากับว่าเรา (ทั้งโลก) กำลังหลอกตัวเอง”
เอ็กซอนคาดการณ์ว่า การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกจะเริ่มลดลงในปี 2030 เป็นผลมาจากการใช้พลังงานหมุนเวียนมากขึ้น ซึ่งแหล่งพลังงานหมุนเวียนยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แล้วการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะลดลง 25% ภายในปี 2050 แต่นั่นอาจไม่เพียงพอที่จะป้องกันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้อย่างมีนัยสำคัญ
ผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐศาสตร์และพลังงานของเอ็กซอนกล่าวอีกว่า ความต้องการน้ำมันในช่วงกลางศตวรรษจะสูงพอที่จะทำให้การไม่ลงทุนในโครงการเชื้อเพลิงฟอสซิลใหม่ในตอนนี้กลายเป็นเรื่อง “หายนะ” ทั้งนี้ หากไม่มีการลงทุนโครงการใหม่เลย เอ็กซอนคาดว่าอุปทานหรือน้ำมันที่ผลิตได้จะลดลง 70% เหลือ 30 ล้านบาร์เรลต่อวันภายในปี 2030 ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้น และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก
ทั้งนี้ การคาดการณ์ของเอ็กซอนสอดคล้องกับการคาดการณ์ของผู้เล่นรายอื่น ๆ ในอุตสาหกรรมน้ำมันที่คาดการณ์เมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยองค์กรร่วมประเทศผู้ผลิตน้ำมันเพื่อการส่งออก หรือโอเปก (OPEC) คาดการณ์ว่าในปี 2045 ทั่วโลกจะมีการใช้น้ำมัน 116 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่บริษัทท่อส่งน้ำมันยักษ์ใหญ่อย่าง เอ็นบริดจ์ (Enbridge Inc.) คาดการณ์ว่า ความต้องการใช้น้ำมันในช่วงกลางศตวรรษอาจสูงถึง 110 ล้านบาร์เรลต่อวัน