โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐอเมริกา และตัวแทนพรรครีพับลิกันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ 2024 มีประวัติความเป็นมาอย่างไร และน่าสนใจมากน้อยเพียงไร ติดตามอ่านได้ที่นี่
ทรัมป์ มีชื่อเต็มว่า โดนัลด์ จอห์น ทรัมป์ (Donald John Trump) เกิดวันที่ 14 มิถุนายน 1946 เป็นบุตรคนที่ 4 จากพี่น้องทั้งหมด 5 คน บิดาคือ เฟรดเดอริก คริสต์ ทรัมป์ (Frederick Christ Trump) ผู้ประสบความสำเร็จอย่างมากกับกิจการอสังหาริมทรัพย์สำหรับชนชั้นกลาง และมารดาคือแมรี่ แอนน์ แมคลีโอด ทรัมป์ (Mary Anne MacLeod Trump)
ทรัมป์ใช้ชีวิตวัยเด็กเติบโตในย่านหรูของควีนส์ นครนิวยอร์ก แต่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม พ่อแม่จึงส่งทรัมป์วัย 13 ปี ไปปลูกฝังวินัยที่โรงเรียนทหารนิวยอร์ก (New York Military Academy) ซึ่งทรัมป์บอกว่าเพลิดเพลินกับวิถีชีวิตที่นั่น
ทรัมป์เข้าศึกษาระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยฟอร์ดแฮม (Fordham University) ก่อนจะย้ายไปเรียนสาขาเศรษฐศาสตร์ที่โรงเรียนธุรกิจวอร์ตัน (Wharton School) ของมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียจนสำเร็จการศึกษาในปี 1968
ช่วงสงครามเวียดนามในทศวรรษ 1960 ทรัมป์ยื่นผ่อนผันการเกณฑ์ทหารเนื่องจากติดเรียนและป่วยเป็นโรคกระดูกงอก (Bone Spurs) ตามคำวินิจฉัยของแพทย์ และเมื่อสหรัฐเปลี่ยนระบบการเกณฑ์ทหารเป็นแบบสุ่มตามวันเกิดในภายหลัง ลำดับวันเกิดของทรัมป์ก็ถูกเรียกเป็นคิวที่ 356 จาก 366 เขาจึงไม่ถูกเกณฑ์ไปรับใช้ชาติ
หลังจบการศึกษา ทรัมป์กลับมาช่วยพ่อทำธุรกิจที่นิวยอร์ก และสืบทอดกิจการเต็มตัวในปี 1971 ธุรกิจดำเนินมาด้วยดีจนกระทั่งเกิดเรื่องอื้อฉาวในปี 1973 ซึ่งกระทรวงยุติธรรมสหรัฐกล่าวหาบริษัทของทรัมป์ว่ามีการเลือกปฏิบัติ ไม่อนุญาตให้ชาวแอฟริกันอเมริกันเช่าอาศัย แม้ไม่มีการยอมรับผิดโดยตรง แต่ทรัมป์ก็รับปากว่าจะให้บริการผู้เช่าผิวสีมากขึ้น
ช่วงทศวรรษ 1970 ทรัมป์ขยับขยายธุรกิจออกไปยังมลรัฐต่าง ๆ นอกนิวยอร์กมากขึ้น ขณะเดียวกัน ก็ได้ตั้งสำนักงานทรัมป์ ทาวเวอร์ (Trump Tower) บนถนนฟิฟธ์อเวนิว (Fifth Avenue) เขตแมนฮัตตัน ซึ่งเป็นย่านหรูในมหานครนิวยอร์กด้วย นอกจากนี้ ทรัมป์ยังขยายธุรกิจให้มีความหลากหลายกว่าเดิม ได้แก่ โรงแรม รีสอร์ต ที่พักอาศัย กาสิโน อาคารพาณิชย์ และสนามกอล์ฟ
ผลงานใหญ่ชิ้นแรกของทรัมป์เกิดขึ้นในปี 1976 เมื่อเขาใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวกับเครือโรงแรมไฮแอท (Hyatt) และอิทธิพลทางการเมืองของพ่อ (ซึ่งเป็นสมาชิกคนสำคัญของกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตแห่งบรูคลิน) เพื่อเจรจาข้อตกลงพิสดารกับรัฐบาลนครนิวยอร์ก ผลคือเขาได้รับการลดหย่อนภาษีเป็นเวลา 40 ปี และนำข้อเสนอนั้นไปเจรจาซื้อคอมโมโดร์ โฮเทล (Commodore Hotel) จากเพนน์ เซ็นทรัล เรลโรด ที่กำลังล้มละลาย (Penn Central Railroad)
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังออกหนังสือให้คำแนะนำทางธุรกิจหลายเล่ม เป็นเจ้าของสิทธิเวทีประกวดนางงามจักรวาล (Miss Universe), นางงามสหรัฐ (Miss USA) และมิสทีนยูเอสเอ (Miss Teen USA) ตั้งแต่ปี 1996 ถึงปี 2015 อีกด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น ทรัมป์ขยายบทบาทของตัวเองในอุตสาหกรรมบันเทิงด้วยรายการทีวี ดิ แอพเพรนทิซ (The Apprentice) ตั้งแต่ปี 2004 ถึง 2005 ซึ่งเขาเป็นพิธีกรและให้ผู้เข้าร่วมรายการแข่งขันกันแย่งชิงสัญญาจ้างงานในเครือธุรกิจของเขา โดยมีประโยคเด็ดแก่ผู้ตกรอบว่า “คุณถูกไล่ออกแล้ว” (You’re fired)
ทรัมป์มักจะสร้างภาพจำต่อสาธารณชน ว่าเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง แต่กิจการของทรัมป์ล้มละลายมากถึง 6 ครั้ง เนื่องจากมีการกู้ยืมมากเกินไป เพียงแต่เป็นการล้มละลายในนามนิติบุคคล นอกจากนี้ สำนักข่าวเดอะนิวยอร์กไทม์สยังเคยรายงานในปี 2020 ถึงการหลบเลี่ยงภาษี ปกปิดข้อมูลภาษี และการขาดทุนอย่างต่อเนื่องของธุรกิจของเขาอีกด้วย
ก่อนจะคว้าตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 45 มาครองได้สำเร็จในปี 2016 ทรัมป์เคยหยั่งเชิงแข่งขันแย่งสิทธิในการเป็นตัวแทนพรรคชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีมาก่อนแล้วหลายครั้ง โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2000 ภายใต้สังกัดพรรคปฏิรูป (Reform Party) และอีกครั้งในปี 2012 สังกัดพรรครีพับลิกัน จนกระทั่งปี 2016 ทรัมป์ได้รับคะแนนนิยมสูงลิ่ว เนื่องจากพลเมืองสหรัฐเบื่อนักการเมืองแบบเดิม และต้องการผู้นำแนวใหม่ที่อยู่นอกแวดวงการเมืองมากขึ้น