
กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียออกแถลงการณ์ให้คำมั่นจะตอบโต้อย่างเป็นรูปธรรมหากยูเครนยิงขีปนาวุธพิสัยไกลของสหรัฐเข้าไปในดินแดนรัสเซียตามที่ประธานาธิบดีไบเดนอนุญาต ความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญนี้เกิดขึ้นในห้วงที่สงครามครบ 1,000 วัน
วันที่ 19 พฤศจิกายน 2024 รอยเตอร์ (Reuters) และบีบีซี (BBC) รายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียออกแถลงการณ์กรณีโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลของสหรัฐโจมตีเข้าไปในดินแดนรัสเซียได้ โดยให้คำมั่นว่ารัสเซียจะตอบโต้อย่างเป็นรูปธรรมและตามความเหมาะสม
แถลงการณ์กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียระบุอีกว่า การโจมตีดินแดนรัสเซียจะแสดงว่าสหรัฐและบริวารเข้ามาเกี่ยวข้องโดยตรงในการกระทำที่เป็นศัตรูต่อรัสเซีย
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐที่กำลังจะหมดวาระ อนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธสหรัฐโจมตีเป้าหมายที่อยู่ลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย ซึ่งอาจทำให้รัสเซียมีทางเลือกในการโจมตีและส่งเสบียงไปยังแนวหน้าได้จำกัด
การตัดสินใจดังกล่าวของไบเดน นับเป็นการเปลี่ยนนโยบายครั้งสำคัญของสหรัฐ ซึ่งไบเดนเหลือเวลา 2 เดือนก่อนหมดวาระ และขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่า การตัดสินใจนี้ของไบเดนได้ปรึกษากับโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐคนต่อไป หรือทรัมป์จะสานต่อการตัดสินใจของไบเดนหรือไม่ ซึ่งทรัมป์นั้นให้คำมั่นที่จะยุติสงครามโดยเร็ว แต่ไม่ได้บอกว่าจะทำอย่างไร
ขณะนี้ยูเครนมีระบบขีปนาวุธ ATACMS ของสหรัฐที่มีพิสัยไกล 300 กิโลเมตร และสตอร์ม ชาโดว์ ของฝรั่งเศสและอังกฤษ ซึ่งมีพิสัยเท่า ๆ กัน แต่ก่อนหน้านี้พันธมิตรตะวันตกสั่งห้ามไม่ให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธเหล่านี้โจมตีรัสเซีย
การอนุมัติของไบเดนยังเกิดขึ้นหลังจากที่ทหารเกาหลีเหนือกว่า 10,000 คนมาถึงภูมิภาคเคิร์สก์เพื่อช่วยกองทัพรัสเซีย ซึ่งยูเครนยึดครองพื้นที่ในภูมิภาคนี้อยู่ในจำนวนเล็กน้อย อีกทั้งยังมีรายงานข่าวที่ยังไม่ได้รับการยืนยันว่า เกาหลีเหนืออาจส่งทหารมากถึง 100,000 นาย นอกจากปืนใหญ่และอาวุธอื่น ๆ ให้รัสเซีย
โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนไม่ยืนยันหรือปฏิเสธการอนุมัติให้ใช้ขีปนาวุธดังกล่าว โดยระบุว่าขีปนาวุธจะให้คำตอบเอง ซึ่งมีรายงานข่าวว่า ยูเครนอาจใช้ขีปนาวุธ ATACMS ในเคิร์สก์ก่อนเป็นที่แรก และมีการวิเคราะห์กันว่าสหรัฐอาจจำกัดการใช้ขีปนาวุธนี้ เพราะจริง ๆ แล้วต้องการส่งสัญญาณไปยังเกาหลีเหนือให้หยุดการส่งทหารไปช่วยรัสเซีย รวมถึงสัญญาณต่อรัฐบาลรัสเซียเองด้วย
การตัดสินใจของไบเดนถือเป็นช่วงเวลาสำคัญในสงคราม ซึ่งดำเนินมาครบ 1,000 วันในวันนี้ (19 พฤศจิกายน) หรือราว 33 เดือนเมื่อรัสเซียบุกยูเครนในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2022
ประชาชนยูเครนเสียชีวิตไปแล้วหลายพันคน โดยกว่า 6 ล้านคนต้องลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ และจำนวนประชากรลดลง 1 ใน 4 นับตั้งแต่ที่วลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียสั่งการให้บุกโจมตีทั้งทางบก ทางทะเล และทางอากาศ ซึ่งจุดชนวนให้เกิดความขัดแย้งครั้งใหญ่ที่สุดของยุโรปนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง
คณะผู้แทนตรวจสอบด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ (The U.N. Human Rights Monitoring Mission) ได้ยืนยันว่ามีพลเรือนชาวยูเครนเสียชีวิตแล้ว 11,743 ราย แม้ว่าเจ้าหน้าที่ยูเครนบางคนเชื่อว่าจำนวนน่าจะสูงกว่านั้นมาก
แม้ว่าเศรษฐกิจของยูเครนเติบโตในระดับปานกลางติดต่อกัน 2 ปี แต่ขนาดเศรษฐกิจก็ยังคงเท่ากับ 78% ของขนาดก่อนเกิดการรุกราน ซึ่งทำให้จีดีพีหดตัวลง 1 ใน 3 ในปี 2022 อุตสาหกรรมเหล็กกล้าและธัญพืชที่เคยเป็นอุตสาหกรรมที่ใหญ่โตของยูเครนได้รับผลกระทบอย่างหนัก
เซเลนสกีกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ยูเครนต้องทำสุดความสามารถเพื่อที่จะยุติสงครามให้ได้ในปีหน้าผ่านวิธีทางการทูต แต่เซเลนสกียังคงไม่เปิดให้มีการพูดคุยเรื่องการหยุดยิงอย่างเด็ดขาด หากยูเครนยังไม่ได้รับการรับรองความปลอดภัยที่เหมาะสม