รัสเซียให้อัสซาดลี้ภัย หลังดีลเสร็จ แต่อนาคตฐานทัพในซีเรียยังน่ากังขา

ภาพ รอยเตอร์

อัสซาด อดีตประธานาธิบดีซีเรียอยู่ในกรุงมอสโกแล้ว หลังได้รับสถานะผู้ลี้ภัยจากทางการรัสเซีย หลังจากลาออกและหนีออกนอกประเทศเมื่อฝ่ายกบฏเข้ายึดครองกรุงดามัสกัสในสงครามกลางเมืองที่ยาวนาน ด้านอนาคตของฐานทัพรัสเซียในซีเรียยังไม่ชัดเจนนัก

รอยเตอร์ (Reuters) รายงานว่า บาชาร์ อัล-อัสซาด (Bashar al-Assad) อดีตประธานาธิบดีซีเรียและครอบครัวลี้ภัยในกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย หลังจากทางการรัสเซียอนุญาต ด้วยเหตุผลด้านมุนษยธรรม และได้มีการบรรลุข้อตกลงเพื่อรับรองความปลอดภัยของฐานทัพทหารรัสเซียแล้ว

กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียระบุก่อนหน้านี้ว่า อัสซาดประกาศลาออกและเดินทางออกนอกประเทศซีเรียและได้สั่งให้มีการถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติ หลังจากฝ่ายกบฏบุกเข้ายึดกรุงดามัสกัสโดยไม่มีการต่อต้าน เมื่อวาน (8 ธันวาคม) ตามเวลาท้องถิ่น นับเป็นการสิ้นสุดการปกครองที่โหดร้ายของตระกูลอัสซาดที่ดำเนินมาเกือบ 60 ปี

“ประธานาธิบดีอัสซาดแห่งซีเรียและสมาชิกในครอบครัวเดินทางมาถึงกรุงมอสโกแล้ว รัสเซียให้ที่พักพิงเพื่อเห็นแก่มนุษยธรรม” สำนักข่าวอินเตอร์แฟ็ก (Interfax) สื่อเอกชนและสื่อทางการพากันรายงานอ้างแหล่งข่าวรัฐบาลรัสเซียที่ไม่ต้องการให้เปิดเผยชื่อ

รายงานข่าวยังระบุอีกว่า รัสเซียเห็นชอบให้ใช้การเมืองแก้ไขวิกฤตซีเรีย ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลรัสเซียช่วยเหลืออัสซาดในระหว่างสงครามกลางเมืองที่ยาวนานนี้

แหล่งข่าวกล่าวว่า การเจรจาควรดำเนินต่อไปภายใต้การดูแลขององค์การสหประชาชาติ (UN)

ADVERTISMENT

มิคาอิล อุลยานอฟ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำองค์การระหว่างประเทศหลายแห่งในกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรียโพสต์ผ่านเทเลแกรมว่า “ข่าวด่วน บาชาร์ อัล-อัสซาดและครอบครัวอยู่ในกรุงมอสโกแล้ว รัสเซียไม่ทรยศเพื่อนในยามยาก”

บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกายกย่องเป็นเวลาของโอกาสครั้งประวัติศาสตร์สำหรับซีเรียและภูมิภาคตะวันออกกลาง แต่เตือนว่ากองกำลังรัฐอิสลาม (ISIS) จะพยายามฉวยใช้ความได้เปรียบในช่วงสุญญากาศทางอำนาจนี้

ADVERTISMENT

การล่มสลายของระบอบอัสซาดส่งแรงกระเพื่อมไปทั่วภูมิภาค และจะสร้างผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อรัสเซียและอิหร่าน ผู้สนับสนุนหลักของอัสซาดที่พยายามเข้ามามีอิทธิพลในโลกอาหรับ ถือเป็นหนึ่งในจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคตะวันออกกลางในรอบหลายชั่วอายุคนเลยทีเดียว

อนาคตที่ไม่แน่นอนของฐานทัพรัสเซีย

แม้ผู้นำฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรียตกลงรับรองความปลอดภัยฐานทัพและหน่วยงานทางการทูตรัสเซียในประเทศซีเรีย แต่บล็อกเกอร์ข่าวสงครามชาวรัสเซียระบุว่า ฐานทัพรัสเซียยังไม่พ้นขีดอันตราย สถานการณ์รอบฐานทัพยังคงตึงเครียดอย่างยิ่ง และแหล่งข่าวก็ไม่ได้บอกว่าการรับรองความปลอดภัยจะยาวนานแค่ไหน

รัฐบาลรัสเซียเป็นผู้สนับสนุนอัสซาดอย่างแข็งขันได้เข้าแทรกแซงเพื่อช่วยเหลือในปี 2015 ซึ่งเป็นการเข้าไปเกี่ยวข้องในกิจการตะวันออกกลางครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สหภาพโซเวียตล่มสลาย และขณะนี้รัฐบาลรัสเซียกำลังดิ้นรนเพื่อกอบกู้สถานะของตน อิทธิพลทางภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาคและฐานทัพทหารที่สำคัญเชิงยุทธศาสตร์ 2 แห่งในซีเรียกำลังตกอยู่ในความเสี่ยง

นักวิเคราะห์ทางการทหารตะวันตกกล่าวว่า ด้วยโรงงานทาร์ตัสเป็นศูนย์กลางการซ่อมแซมและเติมเสบียงแห่งเดียวของรัสเซียในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และรัสเซียได้ใช้ซีเรียเป็นจุดพักเพื่อขนส่งผู้รับเหมาทางการทหารเข้าและออกจากแอฟริกา ทำให้การสูญเสียทาร์ตัสจะส่งผลกระทบต่อความสามารถของรัสเซียในการฉายภาพอำนาจในตะวันออกกลาง เมดิเตอร์เรเนียน และแอฟริกา

เมื่อวานตามเวลาท้องถิ่น (8 ธันวาคม) กระทรวงต่างประเทศรัสเซียกล่าวในแถลงการณ์ว่า ฐานทัพทั้งสองแห่งอยู่ในสถานะเตรียมพร้อมขั้นสูง แต่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับความเสี่ยงต่อฐานทัพที่อาจเกิดขึ้นในทันที

แม้ข้อตกลงในการรักษาฐานทัพอากาศฮไมมิม (Hmeimim) ของรัสเซียในจังหวัดลาตาเกียของซีเรีย และฐานทัพเรือที่ทาร์ตัสบนชายฝั่งจะเป็นการทำให้รัฐบาลรัสเซียโล่งใจขึ้น

อย่างไรก็ตาม “ไรบาร์” (Rybar) บล็อกเกอร์ข่าวสงครามชาวรัสเซียที่ใกล้ชิดกระทรวงกลาโหมและมีผู้ติดตามในเทเลแกรมกว่า 1.3 ล้านคนระบุว่า เรือรบรัสเซียออกจากเมืองทาร์ตัสและไปอยู่นอกชายฝั่งด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย ฐานทัพอากาศฮไมมิมถูกตัดขาดหลังจากกบฏเข้าควบคุมเมืองใกล้เคียง กองกำลังเคิร์ดเริ่มปิดล้อมอาคาร สิ่งอำนวยความสะดวก ทรัพยากรของรัสเซียที่อยู่เหนือแม่น้ำยูเฟรตีสและรวมถึงในโรงงานน้ำมันในเมืองฮอมส์ก็ถูกปิดล้อมด้วย