
ข้อมูลเผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ 29 พ.ค. เวลา 08.01 น. และอัพเดตล่าสุดเวลา 19.30 น.
ศาลการค้าสหรัฐมีคำพิพากษาสั่งระงับภาษีศุลกากรที่เรียกเก็บทั่วโลกของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยชี้ว่าเกินอำนาจของประธานาธิบดี ขณะที่ทางฝั่งรัฐบาลทรัมป์ยื่นหนังสือแจ้งว่าจะอุทธรณ์คำตัดสินนี้
แอ็กซิออส (Axios) และบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า องค์คณะผู้พิพากษาที่มี 3 คนของศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐ (US Court of International Trade) ในแมนฮัตตัน มีมติเป็นเอกฉันท์พิพากษาว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติอำนาจทางเศรษฐกิจฉุกเฉินระหว่างประเทศ หรือ IEEPA โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ในการเรียกเก็บภาษีแบบต่างตอบโต้หรือตอบแทน (reciprocal tariff) เกือบทุกประเทศทั่วโลกที่ประกาศเมื่อ 2 เมษายน
เมื่อวันพุธที่ 28 พฤษภาคม เวลาท้องถิ่น ศาลการค้าฯ ที่เป็นศาลรัฐบาลกลาง (federal court) นี้ระบุว่า ในการปกป้องเศรษฐกิจสหรัฐ รัฐธรรมนูญสหรัฐให้รัฐสภาได้รับอำนาจพิเศษในการควบคุมการค้ากับประเทศอื่นๆ ซึ่งอำนาจในเรื่องนี้ไม่อยู่ภายใต้อำนาจฉุกเฉินของประธานาธิบดี
คำตัดสินของศาลการค้ามีขึ้นตามที่ได้มีการยื่นคำร้องโดยมลรัฐที่นำโดยพรรคเดโมแครตและกลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก ที่โต้แย้งว่าทรัมป์ใช้กฎหมายเศรษฐกิจฉุกเฉินเพื่อรับรองการเรียกเก็บภาษี อย่างไม่ถูกต้อง โดยกลุ่มโจทก์ทั้งสองกลุ่มฟ้องร้องอ้างว่าคำสั่งของประธานาธิบดีละเมิดอำนาจของรัฐธรรมนูญว่าด้วยการมอบอำนาจเกี่ยวกับภาษีนำเข้าแก่รัฐสภา
ศาลได้ตัดสินใน 2 คดีแยกกันตามการฟ้องร้องจากสองกลุ่มข้างต้น โดยสรุปให้ยกเลิกภาษีศุลกากรทั้งหมดที่ทรัมป์กำหนดภายใต้ IEEPA กล่าวคือทรัมป์ใช้กฎหมายปี 1977 นี้ ซึ่งไม่เคยถูกนำมาใช้ในสถานการณ์ภาษีศุลกากร เพื่อเรียกเก็บภาษีการค้าทั่วโลกแต่ฝ่ายเดียวมาก่อน ศาลวินิจฉัยว่าเกินขอบเขตอำนาจ
ศาลให้เวลาฝ่ายบริหาร 10 วันในการ “ดำเนินการ” ตามคำสั่งศาล แต่ไม่ได้ระบุขั้นตอนใดๆ ที่ต้องดำเนินการเพื่อยกเลิกหรือผ่อนคลายภาษีศุลกากร
ทางฝั่งรัฐบาลทรัมป์ยื่นหนังสือแจ้งอุทธรณ์คำตัดสิน ซึ่งในที่สุดศาลสูงสุดสหรัฐ (Supreme Court) อาจมีอำนาจตัดสินใจขั้นสุดท้ายในคดีที่มีเดิมพันสูง อาจส่งผลกระทบต่อการค้าโลกมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์
คูช เดไซ โฆษกทำเนียบขาวระบุว่า ไม่ใช่เรื่องของผู้พิพากษา ซึ่งไม่ได้มาจากการเลือกตั้งจะมาตัดสินใจว่าควรแก้ปัญหาฉุกเฉินระดับชาติที่ถูกต้องอย่างไร
เหตุใดความเคลื่อนไหวดังกล่าวจึงมีความสำคัญ คำตัดสินของศาลการค้าระหว่างประเทศอาจทำให้สงครามการค้าของรัฐบาลสหรัฐหยุดชะงักลงทันที จากการที่ศาลได้ยกเลิกภาษีศุลกากรเกือบทุกประเภท ซึ่งเท่ากับเป็นการล้มล้างแผนเศรษฐกิจที่เป็นเสาหลักของรัฐบาลทรัมป์ที่ใช้มาตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อ 20 มกราคมที่ผ่านมา
สิ่งที่ต้องจับตามองนับจากนี้ มาจากกรณีสินค้าที่เรียกเก็บภาษีนำเข้ามาถึงท่าเรือของสหรัฐทุกวัน ทำให้เกิดความสับสนเกี่ยวกับสินค้าที่มีผลบังคับใช้แล้วและสินค้าที่ต้องเรียกเก็บ ดังนั้นอาจทำให้เกิดความโกลาหลต่อสินค้าที่นำเข้า
ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ตลาดและธุรกิจต่าง ๆ น่าจะให้ความสนใจเป็นอย่างมากต่อการตอบสนองของฝ่ายรัฐบาล และว่าศาลชั้นสูงขึ้นไปจะเข้ามาแทรกแซงคดีนี้หรือไม่
คำตัดสินดังกล่าวถือเป็นอุปสรรคครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งสำหรับทรัมป์ในศาล ท่ามกลางคดีความมากมายเกี่ยวกับคำสั่งฝ่ายบริหารที่ทรัมป์กำลังทดสอบขีดจำกัดของอำนาจของประธานาธิบดี ส่วนเรื่องอื่น ๆ รวมถึงการไล่พนักงานรัฐบาลจำนวนมาก การจำกัดสิทธิพลเมืองโดยกำเนิด และความพยายามในการลดการใช้จ่ายของรัฐบาลกลางที่ได้รับการอนุมัติจากรัฐสภาแล้ว
ตลาดโลกผันผวนอย่างรุนแรงนับตั้งแต่ทรัมป์ประกาศการจัดเก็บภาษีผ่านคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อวันที่ 2 เมษายน จากการพลิกกลับ และการประกาศเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะกับจีนที่เกิดขึ้นนานหลายสัปดาห์