สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า ผู้นำของหลายประเทศและผู้บริจาคจากทั่วโลก ได้ร่วมกันบริจาคเงินมากกว่า 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาวัคซีนต้านโคโรน่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่ รวมถึงการจัดตั้งกองทุนวิจัยเกี่ยวกับแนวทางการวินิจฉัยและรักษาโรคโควิด-19 ระหว่างการประชุมสุดยอดทางไกล โดยสหภาพยุโรปเป็นเจ้าภาพจัดงานเมื่อวานนี้ (4 พ.ค.)
นางอัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรประบุว่า เงินบริจาคดังกล่าวจะก่อให้เกิดความร่วมมือระดับโลกอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งจะแสดงให้เห็นคุณค่าของความเป็นมนุษย์และความสามัคคีอย่างแท้จริง พร้อมทั้งระบุว่าโลกยังคงต้องการความร่วมมือมากขึ้นอีกในอนาคต
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
โดยการบริจาคครั้งนี้มีมากกว่า 30 ประเทศ รวมถึงสหประชาชาติ องค์กรการกุศล และสถาบันวิจัยระดับโลกที่ร่วมบริจาคเงิน และยังมีบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับร่วมบริจาคด้วย อย่างเช่น “มาดอนนา” นักร้องชื่อดังที่ร่วมบริจาค 1.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่ “คณะกรรมาธิการยุโรป” ประกาศร่วมบริจาคจำนวน 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เช่นเดียวกับรัฐบาลนอร์เวย์ที่จะบริจาคในจำนวนเท่ากัน นอกจากนี้ รัฐบาลฝรั่งเศส ซาอุดีอาระเบีย และเยอรมนีได้ร่วมบริจาคประเทศละ 500 ล้านยูโร ส่วนรัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่าจะร่วมบริจาคมากกว่า 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรกก็ดี ประเทศยักษ์ใหญ่อย่าง สหรัฐอเมริกา รัสเซีย และจีนไม่ได้มีส่วนร่วมในการบริจาคครั้งนี้
ทั้งนี้ เงินบริจาคทั้งหมดจะถูกนำไปสนับสนุนการพัฒนาวัคซีนราว 4,400 ล้านดอลลารสหรัฐ ส่งเสริมการวิจัยเกี่ยวกับการวินิจฉัยและรักษาโรคราว 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และใช้ในการผลิตชุดตรวจหาเชื้ออีกราว 1,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันแห่งสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นเจ้าภาพร่วมในการจัดการประชุมดังกล่าวระบุว่า ยิ่งเกิดความร่วมมือในการแบ่งปันความเชี่ยวชาญระหว่างกัน นักวิทยาศาสตร์ก็จะยิ่งประสบความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีนได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยรัฐบาลอังกฤษได้ร่วมบริจาค 388 ล้านปอนด์ด้วย
