ผลทดลอง “วัคซีนโควิด” 2 ตัว มีแนวโน้มปลอดภัย-มีผลต่อภูมิคุ้มกัน

แฟ้มภาพ : รอยเตอร์

ผลการทดลอง “วัคซีนโควิด-19” จาก 2 โครงการ แสดงแนวโน้มว่าวัคซีนดังกล่าวมีความปลอดภัย และสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันในมนุษย์ได้

สำนักข่าวบีบีซีรายงานเมื่อวานนี้ (20 ก.ค.) ว่า วัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ที่ทางมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ได้พัฒนาขึ้นและทำการทดลองอยู่นั้น แสดงผลออกมามีความปลอดภัยและจัดการกับระบบภูมิคุ้มกันได้

โดยผลดังกล่าวเป็นการทดลองในเฟสหนึ่ง ในกลุ่มทดลองจำนวน 1,077 คน แสดงให้เห็นว่าหลังจากอาสาสมัครได้รับการฉีดวัคซีนเข้าไป ทำให้ร่างกายสร้างแอนติบอดี้และเซลเม็ดเลือดขาวขึ้นมาที่สามารถต่อสู้กับไวรัสโคโรนาได้

อย่างไรก็ตาม นักวิจัยระบุว่า ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปผลในการป้องกัน ซึ่งจะต้องทำการทดลองใช้วัคซีนในกลุ่มตัวอย่างที่มากกว่านี้ที่กำลังดำเนินการอยู่

ขณะที่ บริษัท ไบโอเอ็นเทค และ ไฟเซอร์ สองบริษัทผู้ผลิตยายักษ์ใหญ่ของโลก ซึ่งร่วมกันพัฒนาวัคซีนป้องกันโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ เปิดเผยถึงผลการทดลองซึ่งมีแนวโน้มว่า วัคซีนดังกล่าวมีความปลอดภัยและทำให้เกิดการตอบสนองต่อภูมิต้านทานโรคในผู้ป่วยได้ ตามรายงานของรอยเตอร์ส

นอกจากนี้ ทั้งสองบริษัท ยังเปิดเผยด้วยว่า ผลการทดลองนั้นแสดงให้เห็นว่ามีการตอบสนองของ ที-เซลล์ (Tcell) ในระดับสูงในการต่อต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ด้วย

กลุ่มอาสาสมัครที่มีสุขภาพแข็งแรงดีจำนวน 60 คนในประเทศเยอรมนี ได้เข้าร่วมการทดสอบวัคซีนครั้งนี้ โดยผลที่ออกมาแสดงให้เห็นว่าร่างกายของอาสาสมัครที่ได้รับวัคซีน 2 โดส จะผลิตแอนติบอดี้ที่ยับยั้งเชื้อไวรัสขึ้น ซึ่งผลที่ได้คล้ายคลึงกับการทดลองขั้นต้นที่ทำในสหรัฐอเมริกาเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เตือนว่าวัคซีนที่มีความปลอดภัยและมีประสิทธิผล จะใช้เวลาในการพัฒนาประมาณ 12-18 เดือน โดยขณะนี้มีวัคซีนมากกว่า 150 ตัวที่กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาและทดลองกันอยู่ทั่วโลก ในจำนวนนี้มีวัคซีน 23 ตัวที่อยู่ในขั้นทำการทดลองทางคลินิกในมนุษย์