ดีเบตยกแรก ระหว่าง “ทรัมป์” กับ “ไบเดน” สุดป่วน พิธีกรต้องขอให้ผู้นำสหรัฐหยุดพูด
วันที่ 30 กันยายน 2563 สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ จากพรรครีพับลิกัน และ นายโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต ปะทะกันอย่างดุเดือด ระหว่างการโต้อภิปราย (ดีเบต) ครั้งแรก ในฐานะผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (ตามเวลาประเทศไทย) ก่อนจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในวันที่ 3 พฤศจิกายน นี้
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- กีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เสียชีวิต อายุ 56 ปี
การดีเบต มี 6 ญัตติหลัก ให้ทั้งสองฝ่ายแสดงความคิดเห็นและวิพากษ์วิจารณ์ ได้แก่ ประวัติของผู้สมัครทั้งสอง, ปัญหาการระบาดของโรคโควิด-19, เศรษฐกิจและปัญหาสิ่งแวดล้อม, การเลือกผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ศาลสูงสุดสหรัฐ, ปัญหาเหยียดเชื้อชาติกับความรุนแรงที่ตามมา และ ความโปร่งใสในการเลือกตั้งครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม การดีเบตเป็นไปอย่างโกลาหล ทำให้ “คริส วัลลัซ” ซึ่งรับหน้าที่เป็นพิธีกร ต้องคอยเตือน “ทรัมป์” ที่พยายามพูดแทรกตลอดเวลา เพื่อให้ “ไบเดน” ได้มีโอกาสตอบโต้
“คุณเงียบสักทีได้ไหม ทำตัวไม่เหมือนประธานาธิบดีเลย” ไบเดนกล่าวขณะที่ทรัมป์พยายามจะพูดแทรก และขอให้ทรัมป์ “หุบปาก” ทั้งยังล้อเลียน “ทรัมป์” ว่าเป็น “ตัวตลก”
การดีเบตครั้งนี้เริ่มจาก “ไบเดน” ตั้งคำถามเกี่ยวกับความเป็นผู้นำของทรัมป์ ในเรื่องการรับมือโควิด-19 ที่ระบาดอย่างหนักในสหรัฐ และกล่าวว่า “ทรัมป์” ตื่นตระหนกจนไม่สามารถปกป้องชีวิตของคนอเมริกันได้ เนื่องจากเป็นห่วงเรื่องเศรษฐกิจมากเกินไป
“มีหลายคนที่เสียชีวิต และจะเพิ่มมากขึ้นอีก หากทรัมป์ไม่ทำตัวให้ฉลาดขึ้น” ไบเดนกล่าว
ขณะที่ทรัมป์แย้งว่า “คุณ (ไบเดน) จบการศึกษาโดยผลการเรียนอยู่ในระดับที่ต่ำ หรือเกือบต่ำที่สุดในชั้นเรียน ไม่ต้องมาใช้คำว่าฉลาดกับผม” พร้อมโต้ว่ารัฐบาลรับมือกับโรคโควิด-19 ได้อย่างดีแล้ว “ไบเดน” ไม่มีทางทำได้เท่าเขา
ไม่กี่ชั่วโมงก่อนการดีเบต “ไบเดน” ได้เปิดเผยประวัติเงินคืนภาษี เมื่อปี 2019 ต่อสาธารณชน และกล่าวกับ “ทรัมป์” ที่ไม่เคยเปิดเผยประวัติเกี่ยวกับการจ่ายภาษีว่า ขอให้เปิดเผยเหมือนกับตนด้วย ซึ่งเป็นการพยายามจะฉีกหน้าผู้นำสหรัฐ หลังสำนักข่าวนิวยอร์กออกมาเปิดโปงว่า “ทรัมป์” จ่ายภาษีเข้ารัฐเพียง 750 ดอลลาร์ แค่ 2 ครั้ง และไม่ได้จ่ายภาษีเงินได้ 10 – 15 ปี ตามข้อมูลจากสรรพากรอเมริกา (IRS) ซึ่งต่อมา “ทรัมป์” ได้ปฏิเสธทุกกรณี และโต้ว่าได้จ่ายภาษีเป็นเงินหลายล้านดอลลาร์
การตั้งผู้พิพากษาศาลสูงสุดสหรัฐ เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ถูกหยิบยกขึ้นมาถกเถียง หลังจากที่ “ทรัมป์” เสนอให้แต่งตั้ง “เอมี โคนี บาร์เรตต์” เป็นผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ แทน “รูธ เบเดอร์ กินส์เบิร์ก” ที่เพิ่งเสียชีวิต กลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา
โดย “ทรัมป์” พูดว่า กล่าวอย่างง่าย ๆ คือ เราชนะการเลือกตั้งมา เราก็มีสิทธ์เลือก และผู้ถูกเสนอชื่อแต่งตั้งเป็นบุคคลที่ทุกคนเคารพ อย่างไรก็ตามประเด็นนี้ “ไบเดน” ติงว่า ควรรอให้การเลือกตั้งวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้ผ่านพ้นไปก่อน เนื่องจาก “เอมี” เอนเอียงไปทางฝั่งรีพับลิกัน ซึ่งสร้างความกังวลว่าอาจนำไปสู่การยกเลิก “โอบามา แคร์” (Obamacare) โครงการประกันสุขภาพของพรรคเดโมแครต
นอกจากนี้ “ทรัมป์” ยังถูกตั้งคำถามจากทั้ง “ไบเดน” และ พิธีกร “วัลลัช” ในประเด็นเรื่องการเหยียดเชื้อชาติในสหรัฐ โดยจี้ให้ “ทรัมป์” ตอบว่า จะยอม “ประณาม” กลุ่มคนผิวขาวที่เหยียดเชื้อชาติคนอื่นในสหรัฐหรือไม่
โดย “ทรัมป์” ไม่ยอมตอบคำถามนี้ แต่กลับใช้คำว่า “ผู้ชายที่เขาภูมิใจ” (proud boys) ซึ่งสื่อถึงแก๊งคนผิวขาวขวาจัด (สนับสนุนรีพับลิกัน) ที่เขาสนับสนุน
ขณะเดียวกันก็ปฏิเสธไม่ยอมประณาม แสดงให้เห็นถึงจุดยืนว่าสนับสนุนกลุ่มคนเหล่านี้ และยังกล่าวว่าปัญหาความรุนแรงเป็นปัญหาของทางฝั่งซ้าย (ที่สนับสนุนเดโมแครต) ทั้งหมดจึงต้องไปจัดการกันเอง
การดีเบต 90 นาทีจบลง โดย “ทรัมป์” เรียกร้องให้คนอเมริกันออกไปลงคะแนนเลือกตั้ง แทนที่จะโหวตผ่านจดหมาย เนื่องจากผลโหวตผ่านไปรษณีย์อาจถูกโกง และปรับเปลี่ยนได้ ซึ่ง “ไบเดน” กล่าวว่า “ทรัมป์” แค่กลัวว่าจะแพ้เลือกตั้ง พร้อมเชิญชวนให้ทุกคนส่งผลโหวตผ่านทางจดหมาย โดยระบุว่าเป็นเพราะห่วงใยในสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19
ทั้งนี้ ผลโพลล่าสุดจากสำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า คะแนนของ “ไบเดน” ยังนำ “ทรัมป์” ในเนชั่นแนล โพล (National Polls) อยู่ 50% ต่อ 43%
แต่ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร สิ่งที่แน่นอนคือการดีเบตครั้งนี้ ถูกมองว่าเป็นไปอย่างโกลาหล มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์แง่ลบมากมายบนโซเชียลมีเดีย
ผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็น “โจ แทปเปอร์” กล่าวหลังจากรับชมการดีเบตว่า ก่อนที่จะพูดว่าใครแพ้ชนะ ขอบอกว่าวันนี้คือวันที่คนอเมริกันแพ้ การดีเบตเมื่อสักครู่นี้เป็นสิ่งที่แย่มาก
สำหรับการดีเบตครั้งต่อไป จะเป็นคิวของผู้สมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี ระหว่าง “ไมค์ เพนซ์” จากพรรคริพับลิกัน กับ “คามาลา แฮร์ริส” จากพรรคเดโมแครต ในวันพุธ ที่ 7 ตุลาคม ตามเวลาท้องถิ่น หรือพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม ตามเวลาในประเทศไทย
ส่วนการดีเบตระหว่างผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐครั้งต่อไป จะเกิดขึ้นวันที่ 15 และ 22 ตุลาคม หรือวันที่ 16 และ 23 ตุลาคม ตามเวลาในประเทศไทย)