“ทรัมป์-ไบเดน” ดีเบตยกแรก สุดป่วน พิธีกรต้องคอยเบรก

U.S. President Donald Trump and Democratic presidential nominee Joe Biden participate in their first 2020 presidential campaign debate held on the campus of the Cleveland Clinic at Case Western Reserve University in Cleveland, Ohio, U.S., September 29, 2020. REUTERS/Jonathan Ernst TPX IMAGES OF THE DAY

ดีเบตยกแรก ระหว่าง “ทรัมป์” กับ “ไบเดน” สุดป่วน พิธีกรต้องขอให้ผู้นำสหรัฐหยุดพูด 

วันที่ 30 กันยายน 2563 สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ จากพรรครีพับลิกัน และ นายโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต ปะทะกันอย่างดุเดือด ระหว่างการโต้อภิปราย (ดีเบต) ครั้งแรก ในฐานะผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (ตามเวลาประเทศไทย) ก่อนจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในวันที่ 3 พฤศจิกายน นี้

การดีเบต มี 6 ญัตติหลัก ให้ทั้งสองฝ่ายแสดงความคิดเห็นและวิพากษ์วิจารณ์ ได้แก่ ประวัติของผู้สมัครทั้งสอง, ปัญหาการระบาดของโรคโควิด-19, เศรษฐกิจและปัญหาสิ่งแวดล้อม, การเลือกผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ศาลสูงสุดสหรัฐ, ปัญหาเหยียดเชื้อชาติกับความรุนแรงที่ตามมา และ ความโปร่งใสในการเลือกตั้งครั้งนี้

อย่างไรก็ตาม การดีเบตเป็นไปอย่างโกลาหล ทำให้ “คริส วัลลัซ” ซึ่งรับหน้าที่เป็นพิธีกร ต้องคอยเตือน “ทรัมป์” ที่พยายามพูดแทรกตลอดเวลา เพื่อให้ “ไบเดน” ได้มีโอกาสตอบโต้

“คุณเงียบสักทีได้ไหม ทำตัวไม่เหมือนประธานาธิบดีเลย” ไบเดนกล่าวขณะที่ทรัมป์พยายามจะพูดแทรก และขอให้ทรัมป์ “หุบปาก” ทั้งยังล้อเลียน “ทรัมป์” ว่าเป็น “ตัวตลก”

REUTERS/Brian Snyder

การดีเบตครั้งนี้เริ่มจาก “ไบเดน” ตั้งคำถามเกี่ยวกับความเป็นผู้นำของทรัมป์ ในเรื่องการรับมือโควิด-19 ที่ระบาดอย่างหนักในสหรัฐ และกล่าวว่า “ทรัมป์” ตื่นตระหนกจนไม่สามารถปกป้องชีวิตของคนอเมริกันได้ เนื่องจากเป็นห่วงเรื่องเศรษฐกิจมากเกินไป

“มีหลายคนที่เสียชีวิต และจะเพิ่มมากขึ้นอีก หากทรัมป์ไม่ทำตัวให้ฉลาดขึ้น” ไบเดนกล่าว

ขณะที่ทรัมป์แย้งว่า “คุณ (ไบเดน) จบการศึกษาโดยผลการเรียนอยู่ในระดับที่ต่ำ หรือเกือบต่ำที่สุดในชั้นเรียน ไม่ต้องมาใช้คำว่าฉลาดกับผม” พร้อมโต้ว่ารัฐบาลรับมือกับโรคโควิด-19 ได้อย่างดีแล้ว “ไบเดน” ไม่มีทางทำได้เท่าเขา

ไม่กี่ชั่วโมงก่อนการดีเบต “ไบเดน” ได้เปิดเผยประวัติเงินคืนภาษี เมื่อปี 2019 ต่อสาธารณชน และกล่าวกับ “ทรัมป์” ที่ไม่เคยเปิดเผยประวัติเกี่ยวกับการจ่ายภาษีว่า ขอให้เปิดเผยเหมือนกับตนด้วย ซึ่งเป็นการพยายามจะฉีกหน้าผู้นำสหรัฐ หลังสำนักข่าวนิวยอร์กออกมาเปิดโปงว่า “ทรัมป์” จ่ายภาษีเข้ารัฐเพียง 750 ดอลลาร์ แค่ 2 ครั้ง และไม่ได้จ่ายภาษีเงินได้ 10 – 15 ปี ตามข้อมูลจากสรรพากรอเมริกา (IRS) ซึ่งต่อมา “ทรัมป์” ได้ปฏิเสธทุกกรณี และโต้ว่าได้จ่ายภาษีเป็นเงินหลายล้านดอลลาร์

การตั้งผู้พิพากษาศาลสูงสุดสหรัฐ เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ถูกหยิบยกขึ้นมาถกเถียง หลังจากที่ “ทรัมป์” เสนอให้แต่งตั้ง “เอมี โคนี บาร์เรตต์” เป็นผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ แทน “รูธ เบเดอร์ กินส์เบิร์ก” ที่เพิ่งเสียชีวิต กลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา

โดย “ทรัมป์” พูดว่า กล่าวอย่างง่าย ๆ คือ เราชนะการเลือกตั้งมา เราก็มีสิทธ์เลือก และผู้ถูกเสนอชื่อแต่งตั้งเป็นบุคคลที่ทุกคนเคารพ อย่างไรก็ตามประเด็นนี้ “ไบเดน” ติงว่า ควรรอให้การเลือกตั้งวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้ผ่านพ้นไปก่อน เนื่องจาก “เอมี” เอนเอียงไปทางฝั่งรีพับลิกัน ซึ่งสร้างความกังวลว่าอาจนำไปสู่การยกเลิก “โอบามา แคร์” (Obamacare) โครงการประกันสุขภาพของพรรคเดโมแครต

นอกจากนี้ “ทรัมป์” ยังถูกตั้งคำถามจากทั้ง “ไบเดน” และ พิธีกร “วัลลัช” ในประเด็นเรื่องการเหยียดเชื้อชาติในสหรัฐ โดยจี้ให้ “ทรัมป์” ตอบว่า จะยอม “ประณาม” กลุ่มคนผิวขาวที่เหยียดเชื้อชาติคนอื่นในสหรัฐหรือไม่

โดย “ทรัมป์” ไม่ยอมตอบคำถามนี้ แต่กลับใช้คำว่า “ผู้ชายที่เขาภูมิใจ” (proud boys) ซึ่งสื่อถึงแก๊งคนผิวขาวขวาจัด (สนับสนุนรีพับลิกัน) ที่เขาสนับสนุน

ขณะเดียวกันก็ปฏิเสธไม่ยอมประณาม แสดงให้เห็นถึงจุดยืนว่าสนับสนุนกลุ่มคนเหล่านี้ และยังกล่าวว่าปัญหาความรุนแรงเป็นปัญหาของทางฝั่งซ้าย (ที่สนับสนุนเดโมแครต) ทั้งหมดจึงต้องไปจัดการกันเอง

การดีเบต 90 นาทีจบลง โดย “ทรัมป์” เรียกร้องให้คนอเมริกันออกไปลงคะแนนเลือกตั้ง แทนที่จะโหวตผ่านจดหมาย เนื่องจากผลโหวตผ่านไปรษณีย์อาจถูกโกง และปรับเปลี่ยนได้ ซึ่ง “ไบเดน” กล่าวว่า “ทรัมป์” แค่กลัวว่าจะแพ้เลือกตั้ง พร้อมเชิญชวนให้ทุกคนส่งผลโหวตผ่านทางจดหมาย โดยระบุว่าเป็นเพราะห่วงใยในสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19

REUTERS/Brian Snyder

ทั้งนี้ ผลโพลล่าสุดจากสำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า คะแนนของ “ไบเดน” ยังนำ “ทรัมป์” ในเนชั่นแนล โพล (National Polls) อยู่ 50% ต่อ 43%

แต่ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร สิ่งที่แน่นอนคือการดีเบตครั้งนี้ ถูกมองว่าเป็นไปอย่างโกลาหล มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์แง่ลบมากมายบนโซเชียลมีเดีย

ผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็น “โจ แทปเปอร์” กล่าวหลังจากรับชมการดีเบตว่า ก่อนที่จะพูดว่าใครแพ้ชนะ ขอบอกว่าวันนี้คือวันที่คนอเมริกันแพ้ การดีเบตเมื่อสักครู่นี้เป็นสิ่งที่แย่มาก

สำหรับการดีเบตครั้งต่อไป จะเป็นคิวของผู้สมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี ระหว่าง “ไมค์ เพนซ์” จากพรรคริพับลิกัน กับ “คามาลา แฮร์ริส” จากพรรคเดโมแครต ในวันพุธ ที่ 7 ตุลาคม ตามเวลาท้องถิ่น หรือพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม ตามเวลาในประเทศไทย

ส่วนการดีเบตระหว่างผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐครั้งต่อไป จะเกิดขึ้นวันที่ 15 และ 22 ตุลาคม หรือวันที่ 16 และ 23 ตุลาคม ตามเวลาในประเทศไทย)