พล.อ.มิน อ่อง ลาย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ยึดอำนาจในเมียนมา วันนี้ (1 ก.พ.) หนึ่งในบุตรบุญธรรม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 บีบีซีไทย รายงานว่า เป็นข่าวลือท่ามกลางสถานการณ์ที่กองทัพเมียนมา แสดงท่าทีไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา หลังพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ของ นางออง ซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐ เป็นฝ่ายกวาดชัยชนะไปอย่างถล่มทลาย
ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลสมัยที่ 2 โดยคว้าที่นั่งในสภาไปถึง 346 ที่นั่ง แบ่งเป็น สภาผู้แทนราษฎร หรือสภาล่าง 258 ที่นั่ง (เพิ่มขึ้นจากเดิม 3 ที่นั่ง) และสภาชนชาติ หรือสภาสูง 138 ที่นั่ง (เพิ่มขึ้นจากเดิม 3 ที่นั่ง)
ยัดเยียดสถานะฝ่ายค้านให้แก่ พรรคสหสามัคคีและการพัฒนา (USDP) พรรคร่างทรงของกองทัพ ซึ่งได้รับการสนับสนุนของกองทัพอีกหน โดย USDP มีเสียงในสภาล่าง 26 ที่นั่ง และสภาชนชาติ 7 ที่นั่ง (ลดลงจากเดิมสภาละ 4 ที่นั่ง)
แม้กองทัพเมียนมา จะออกมาสยบข่าวลือ ด้วยการออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 30 มกราคมที่ผ่านมา โดยยืนยันว่า จะมุ่งมั่นปกป้องรัฐธรรมนูญและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
พร้อมปฏิเสธข้อครหาว่า กองทัพต้องการยึดอำนาจ ยกเลิกรัฐธรรมนูญจากวรรคทองของ พล.อ.อาวุโสมิน อ่อง ลาย ด้วย โดยระบุว่า เป็นข้อสันนิษฐานที่ไม่อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงขององค์กรบางแห่งและสื่อบางสำนัก
ซึ่งการออกมาสยบความลือดังกล่าว ก็เนื่องจากนานาชาติ ต่างจับตาสถานการณ์ภายในเมียนมาอย่างใกล้ชิด โดย องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และ 16 สถานทูตชาติตะวันตก ได้ออกแถลงการณ์ จี้ให้กองทัพเคารพผลการเลือกตั้ง
พร้อม ๆ กับให้ยึดมั่นในแนวทางประชาธิปไตย ด้วยการจัดประชุมรัฐสภาชุดใหญ่ เลือกประธานสภาฯ และผู้ที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้
แต่ไม่กี่ชั่วโมงก่อนจะถึงเวลาเปิดประชุมรัฐสภาชุดใหม่ กองทัพเมียนมากลับตัดสินใจล้มหนทางประชาธิปไตย ด้วยการจับกุม นางออง ซาน ซูจี พร้อมด้วย นายอู วิน มินต์ ประธานาธิบดีเมียนมา และผู้นำพรรคคนอื่นๆด้วย
มีรายงานด้วยว่า หลังจากมีการจับกุมแกนนำพรรค NLD ทหารได้เข้าตรึงกำลังในกรุงเนปิดอว์และย่างกุ้ง และยังมีการตัดสัญญาณระบบทั้งทางโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตภายในประเทศเมียนมาด้วย
1 ในผู้อยู่เบื้องหลังแกนนำการยึดอำนาจ มีชื่อ พล.อ.อาวุโสมิน อ่อง ลาย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้ทรงอิทธิพลที่สุดของกองทัพเมียนมา
พล.อ.อาวุโสมิน อ่อง ลาย ได้ขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด ตั้งแต่ปี 2554
ปัจจุบันอายุ 65 ปี เกิดที่ทวายในครอบครัวชนชั้นกลาง บิดาเป็นข้าราชการฝ่ายวิศวกรรมโยธา
เคยเรียนกฎหมายที่มหาวิทยาลัยย่างกุ้ง ก่อนเปลี่ยนมาสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร ได้เป็นทหารและไต่ระดับขึ้นสู่ตำแหน่งต่างๆ อย่างรวดเร็ว ผ่านการเป็นผู้บัญชาการรัฐมอญ เคยดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการกรมทหารภาคสามเหลี่ยมในรัฐฉาน เป็นผู้บัญชาการกองยุทธการพิเศษที่ 2 หน่วยบัญชาการทหารภาครัฐฉาน และรัฐกะเหรี่ยง และเสนาธิการร่วมกองทัพพม่า เป็นต้น
คนไทยรู้จักดี ในฐานะเป็นบุตรบุญธรรม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษผู้ล่วงลับ
วันที่เดินทางมาประเทศไทยเพื่อมาลงนามแสดงความอาลัยต่อการจากไปของ พล.อ.เปรม ที่ทำเนียบองคมนตรี ได้เผยความรู้สึกตอนหนึ่งว่า เหมือนสูญเสียบิดา
“อายุของพล.อ.เปรมห่างจากพ่อของผมเพียง 1 ปี และพ่อของผมได้เสียชีวิตเมื่อปี 2545 และหลังจากนั้น 10 ปี ผมก็ได้พบกับ พล.อ.เปรม”
“เมื่อได้เป็น ผบ.ทสส. แล้วจึงได้เข้าพบ พล.อ.เปรม และได้นั่งเคียงข้างกัน ได้จับมือกัน ถ้ามีเรื่องอะไรที่สำคัญก็จะจับมือคุยกันเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นทุกครั้งที่ได้พูดคุยกัน ผมจึงเปรียบ พล.อ.เปรม เหมือนบิดา คำสั่งสอนต่าง ๆ ของ พล.อ.เปรม ก็มีมากมาย ประกอบด้วย 2 ประเด็น”
“คือ 1.ทางด้านการเมือง ก็จะพูดถึงประชาธิปไตย ก็จะต้องเป็นประชาธิปไตยของประเทศของตนเอง หรือประเทศใครประเทศคนนั้น ให้เหมาะสมกับประเทศตนเอง และประเด็นที่ 2 ที่พล.อ.เปรมพูดอยู่เสมอว่า เราเกิดในแผ่นดินนี้ เราต้องตอบแทนคุณแผ่นดิน ถ้าใครไม่ตอบแทนคุณแผ่นดิน คนนั้นถือว่า เป็นคนทรยศต่อประเทศชาติ”
ล่าสุด สำนักข่าวเมียวดี สื่อกระบอกเสียงของกองทัพรายงานว่า ผู้บัญชาการทหารสูงสุดได้เข้ารักษาอำนาจรัฐแล้ว
แถลงการณ์ระบุด้วยว่าการควบคุมตัวบุคคลเกิดจากความไม่มั่นคงทางการเมือง หลังพบความผิดปกติในการลงทะเบียนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในระหว่างการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2563
สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นของกองทัพเมียนมาได้ออกออกกาศ ประกาศว่า อำนาจการบริหารประเทศได้ถูกส่งมอบต่อให้กับผู้บัญชาการทหารสูงสุดของเมียนมาเรียบร้อยแล้ว
โดยมี พล.อ. มินต์ ส่วย ทำหน้าที่ประธานาธิบดีชั่วคราว