ไบเดน นักบุญ หรือ คนบาป ? กรณีดีลขายอาวุธให้ อิสราเอล

โจไบเดน นักบุญหรือคนบาป
REUTERS/Kevin Lamarque

ฝ่ายบริหารของ “โจ ไบเดน” อนุมัติการเสนอขายอาวุธ มูลค่า 735 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้ “อิสราเอล” ไม่กี่วันก่อนที่อิสราเอลจะปะทะกับกลุ่มฮามาส ส่งผลให้ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก เรื่องนี้สร้างคำถามถึงตัวตนที่แท้จริงของ “ไบเดน” ว่าแท้จริงแล้ว เขาคือ “นักบุญ” หรือ “คนบาป” กันแน่? 

เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2564 วอชิงตันโพสต์ รายงานว่า ฝ่ายบริหารภายใต้การนำของ นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้อนุมัติการเสนอขายอาวุธนำวิถีความแม่นยำสูง มูลค่า 735 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 23,100 ล้านบาท ให้กับ “อิสราเอล” พร้อมสกัดการอภิปรายของสมาชิกพรรคเดโมแครตบางคน ซึ่งต้องการให้สหรัฐฯเลิกสนับสนุนรัฐบาลอิสราเอล ที่นำโดย นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรี

สภาคองเกรสได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการเสนอขายอาวุธดังกล่าว เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมา ตามข้อมูลจากแหล่งข่าว 3 คนในสภาคองเกรส โดยในช่วงที่สภาคองเกรสได้รับการแจ้งเตือนนั้น เป็นช่วงเกือบ 1 สัปดาห์ ก่อนจะเกิดสงครามรุนแรงระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสในตะวันออกกลาง

ทีมบริหาร “ไบเดน” อนุมัติข้อเสนอขายอาวุธให้อิสราเอล

แหล่งข่าวรายหนึ่งเผยว่า นายเกรกอรี่ ดับเบิลยู มีคส์ ประธานคณะกรรมาธิการกิจการต่างประเทศของสภาคองเกรส เรียกประชุมฉุกเฉินช่วงคืนวันจันทร์ เพื่อหารือกับสมาชิกสภาพรรคเดโมแครต โดยนายมีคส์ได้กล่าวกับสมาชิกสภาพรรคเดโมแครตว่า เขาไม่รู้เลยว่ามีการเสนอขายอาวุธให้อิสราเอล

ฝ่ายบริหารของนายไบเดนได้เรียกร้องให้มีการหยุดยิงในช่วงค่ำวันจันทร์ หลังจากนั้นทั้งสองฝั่งจึงหยุดยิงกันช่วงสั้น ๆ โดยฝ่ายบริหารของนายไบเดนเผยว่าอิสราเอลมีสิทธิ์ที่จะป้องกันตนเองจากกลุ่มฮามาส ซึ่งเป็นจุดยืนที่เสียงข้างมากในสภาคองเกรสเคยให้การสนับสนุน

แต่คนรุ่นใหม่ในพรรคเดโมแครตที่ตั้งคำถามเกี่ยวกับการสนับสนุนนายเนทันยาฮู เริ่มมีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับการจัดหาอาวุธให้อิสราเอลอย่างต่อเนื่อง โดยมีการควบคุมและตรวจสอบข้อเท็จจริงเพียงเล็กน้อย

“เป็นเรื่องน่าตกใจที่ฝ่ายบริหารของนายไบเดนอนุมัติการเสนอขายอาวุธนำวิถีความแม่นยำสูงให้กับนายเนทันยาฮู โดยไม่มีข้อผูกมัดใด ๆ ก่อนจะตามมาด้วยความรุนแรงและการโจมตีพลเรือนที่หนักหน่วงขึ้น” นางอิลฮาน โอมาร์ สมาชิกคณะกรรมาธิการต่างประเทศในสภาคองเกรส กล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันจันทร์ เธอยังบอกด้วยว่า “การอนุมัติการเสนอขายอาวุธของสหรัฐฯ จะถูกตีความว่าเป็นการไฟเขียวให้เกิดความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังทำลายความพยายามที่จะเป็นตัวกลางในการเจรจาตกลงหยุดยิงของสหรัฐฯด้วย”

ด้าน นายวาคีน คาสโตร สมาชิกสภาอีกคนที่นั่งในคณะกรรมาธิการฯชุดนี้ กล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐฯจะต้องไม่ทำให้ความรุนแรงที่น่ากลัวนี้หนักข้อขึ้น ชาวอเมริกันคาดหวังว่าสภาคองเกรสจะพิจารณาอย่างหนักว่า การช่วยเหลือทางทหารและการขายอาวุธนั้นเป็นประโยชน์หรือไม่ และต้องทำให้มั่นใจว่ามีการปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชน

ทางด้านเดโมแครตเองก็กำลังชั่งน้ำหนักว่าจะเพิ่มแรงกดดันต่อฝ่ายบริหารในเรื่องการเสนอขายอาวุธอย่างไรดี เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับสภาคองเกรสที่จะขัดขวางการขายอาวุธ และยังไม่มีความชัดเจนว่าฝ่ายนิติบัญญัติจะดำเนินการอย่างไรได้ เนื่องจากช่องทางยับยั้งการขายอาวุธ ได้ถูกปิดลงแล้ว

ทั้งนี้ ฝ่ายบริหารจำเป็นต้องแจ้งสภาให้ทราบถึงการเสนอขายอาวุธ และเมื่อมีการแจ้งอย่างเป็นทางการแล้ว ฝ่ายนิติบัญญัติจะมีเวลา 15 วัน ในการคัดค้าน ด้วยมติที่ไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย

“ขณะนี้เหลือเวลาอีกเพียง 4 วัน ตามกรอบการพิจารณาเรื่องเร่งด่วน ระยะเวลา 15 วัน แต่ผลการลงมติใด ๆ ก็ตาม จำเป็นต้องได้รับการพิจารณาจากคณะกรรมาธิการศาลอีกเป็นเวลา 10 วัน ก่อนจะมีคำสั่งยกเลิกได้” แหล่งข่าวจากรัฐสภารายหนึ่งกล่าว พร้อมสรุปว่า “ดังนั้นช่องทางในการระงับการขายอาวุธให้อิสราเอล ได้ถูกปิดลงแล้วในทางเทคนิก”

แหล่งข่าวเผยด้วยว่า อาวุธจำนวนมากที่ถูกเสนอขายให้อิสราเอลคือ ขีปนาวุปแบบ JDAM (Joint Direct Attack) ซึ่งเป็นชุดอุปกรณ์ที่สามารถแปลงระเบิดที่ไม่ได้ใช้งานหรือ “dumb bombs” เป็นอาวุธนำวิถีที่แม่นยำทุกสภาพอากาศ

อิสราเอล ซึ่งเคยซื้อ JDAM จำนวนมากจากสหรัฐฯ เผยว่า การโจมตีทางอากาศในฉนวนกาซา มีการคำนวณอย่างแม่นยำเพื่อหลีกเลี่ยงพลเรือน อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่อิสราเอลกล่าวหาว่า กลุ่มฮามาสใช้พลเรือนในเขตฉนวนกาซ่าที่มีประชากรหนาแน่น เป็นโล่ห์มนุษย์

ไบเดนต่อสายเนทันยาฮู

วันที่ 19 พฤษภาคม ซีเอ็นบีซีรายงานข้อมูลจากทำเนียบขาวว่า นายไบเดนได้ต่อสายถึงนายเนทันยาฮูเมื่อวันพุธ ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 4 แล้ว ที่ทั้งคู่ได้สนทนากัน นับตั้งแต่ความรุนแรงระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสปะทุขึ้นเมื่อ 9 วันก่อน

การโจมตีฉนวนกาซาของอิสราเอลได้คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์ไปแล้วกว่า 200 ราย ขณะที่อิสราเอลระบุว่ามีจรวดกว่า 3,400 ลูก ข้ามเข้ามาทิ้งระเบิดตามเมืองต่าง ๆ ของอิสราเอล ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 12 รายในอิสราเอล

ทำเนียบขาวอ่านคำเรียกร้องของนายไบเดนด้วยว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯได้บอกกับนายกรัฐมนตรีอิสราเอลว่า เขาคาดหวังว่าจะมีการยกระดับครั้งสำคัญในวันนี้ เพื่อปูทางไปสู่การหยุดยิง

การสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสครั้งนี้ถือเป็นความรุนแรงครั้งเลวร้ายสุด นับตั้งแต่เกิดสงครามระหว่างกันเมื่อปี 2557 โดยเมื่อวันอังคาร สหภาพยุโรปกลายเป็นมหาอำนาจระหว่างประเทศล่าสุดที่เรียกร้องให้ทั้งคู่หยุดยิง เนื่องจากจำนวนพลเรือนที่เสียชีวิตในฉนวนกาซาเพิ่มสูงขึ้น

สารจากทำเนียบขาว

ความรุนแรงระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส เกิดขึ้นหลังมีการประท้วงคัดค้านการขับไล่ครอบครัวชาวปาเลสไตน์ออกจากพื้นที่ใกล้เคียงเขตเยรูซาเล็มตะวันออก

ย้อนไปเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม กองกำลังความมั่นคงอิสราเอลปะทะกับชาวปาเลสไตน์ที่ขว้างปาก้อนหินใส่ เหตุเกิดบริเวณใกล้กับมัสยิดอัลอักซอ ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อันดับ 3 ของศาสนาอิสลาม ก่อนที่ศาลสูงอิสราเอลจะมีการพิจารณาคดีขับไล่ครอบครัวชาวปาเลสไตน์ในอีก 3 วันต่อมา อย่างไรก็ตาม เมื่อความตึงเครียดเพิ่มสูงขึ้น ศาลจึงเลื่อนการพิจารณาคดีดังกล่าว ซึ่งมีชาวอิสราเอลเป็นโจทย์

นางสาวคารีน ฌ็อง ปิแอร์ รองเลขาธิการสำนักข่าวหลักทำเนียบขาว ให้สัมภาษณ์ว่า เราได้รับโทรศัพท์มากกว่า 60 สาย ตั้งแต่ประธานาธิบดีลงมา รวมถึงบรรดาผู้นำระดับสูงในอิสราเอล เจ้าหน้าที่ปาเลสไตน์ และผู้นำคนอื่น ๆ ในภูมิภาค

เธอกล่าวเสริมว่า ประธานาธิบดีไบเดนทำสิ่งนี้มานานหลายสิบปีแล้ว เขาเชื่อว่านี่เป็นแนวทางที่เราต้องดำเนิน เขาต้องการทำให้แน่ใจว่าเราจะยุติความรุนแรงและความทุกข์ทรมานของชาวปาเลสไตน์กับชาวอิสราเอล

ทำเนียบขาวระบุในแถลงการณ์ด้วยว่า ประธานาธิบดีเน้นย้ำถึงการสนับสนุนแน่วแน่ของเขาที่มีต่อสิทธิของอิสราเอล ในการป้องกันตัวเองจากการโจมตีด้วยจรวดที่ถูกยิงโดยไม่เจาะจง ประธานาธิบดียินดีกับความพยายามต่าง ๆ ที่จะจัดการกับความรุนแรงระหว่างกัน และนำความสงบสุขมาสู่เยรูซาเล็ม

นายไบเดนยังได้เรียกร้องให้อิสราเอลรับรองว่าจะปกป้องพลเรือนผู้บริสุทธิ์ที่อยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง

ขณะที่เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา อิสราเอลเดินหน้าปฏิบัติการโจมตี สร้างความเสียหายให้บ้านหลายหลังในฉนวนกาซา ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์รุนแรงสุดในขณะที่ความขัดแย้งที่ยังดำเนินต่อไป เหตุดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 42 ราย

ส่วนเหตุการณ์ที่อาคาร 12 ชั้น ที่ตั้งสำนักงานสื่อต่างประเทศหลายสำนัก พังถล่ม จากการโจมตีทางอากาศเมื่อวันเสาร์ นายเนทันยาฮูอ้างความชอบธรรมว่า เป็นเพราะกลุ่มฮามาสใช้อาคารแห่งนี้เพื่อวางแผนก่อการร้าย

ผลลัพธ์การเจรจา

ล่าสุดรอยเตอร์ส รายงานว่า นายเนทันยาฮูยืนยันจะเดินหน้าปฏิบัติการต่อต้านกลุ่มฮามาสที่ปกครองกาซาต่อไป แม้ว่านายไบเดนจะขอให้นายเนทันยาฮูลดระดับความรุนแรงลงแล้วก็ตาม ขณะที่แหล่งข่าวด้านความมั่นคงชาวอียิปต์เผยว่า ทั้งสองฝั่งได้ตกลงในหลักการหยุดยิงแล้ว หลังได้รับความช่วยเหลือจากผู้ไกล่เกลี่ย แม้ว่ารายละเอียดต่าง ๆ จะยังคงอยู่ระหว่างการเจรจาอย่างลับ ๆ

เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ปาเลสไตน์เผยว่า นับตั้งแต่การต่อสู้ปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม มีผู้เสียชีวิตแล้ว 227 ราย จากการทิ้งระเบิดทางอากาศ ที่ได้สร้างความเสียหายต่อถนน, อาคาร และสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ อีกทั้งยังทำให้สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซาเลวร้ายลง

ทางการอิสราเอลเผยว่า มีผู้เสียชีวิต 12 รายในอิสราเอล ซึ่งหลายเมืองถูกโจมตีด้วยจรวดหลายต่อหลายครั้ง ทำให้เกิดความตื่นตระหนกและผู้คนต้องรีบวิ่งหนีเข้าไปในที่กำบัง ขณะที่ความพยายามทางการทูตในระดับภูมิภาค ที่นำโดยสหรัฐฯ ล้มเหลวลงแล้ว

นายเนทันยาฮูกล่าวซ้ำแล้วซ้ำอีกถึงสิ่งที่เขาเรียกว่า การสนับสนุนจากสหรัฐฯ ซึ่งเป็นพันธมิตรหลักของอิสราเอล ในเรื่องการป้องกันตนเองจากการโจมตีด้วยจรวดจากฉนวนกาซา

หลังการให้สัมภาษณ์ของนางสาวคารีน นายเนทันยาฮูได้ออกแถลงการณ์ว่า “ผมมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าปฏิบัติการไปจนกว่าจะบรรลุวัตถุประสงค์ เพื่อคืนความเงียบสงบและความปลอดภัยให้พวกคุณ.. พลเมืองอิสราเอล”

ก่อนหน้านี้สื่ออิสราเอลรายงานอ้างคำพูดนายเนทันยาฮูที่ว่า เราไม่ได้ยืนอยู่กับนาฬิกาจับเวลา เราต้องการบรรลุเป้าหมายของปฏิบัติการนี้ การดำเนินการก่อนหน้านี้กินเวลานาน จึงไม่สามารถกำหนดกรอบระยะเวลาได้

หลังจากนายไบเดนออกมาเรียกร้องให้อิสราเอลลดระดับความรุนแรง นายฮาเซ็ม กอซเซ็ม โฆษกกลุ่มฮามาส กล่าวตอบโต้ว่า ผู้ที่ต้องการคืนความสงบต้องบังคับให้ยุติการรุกรานในเยรูซาเล็ม และการทิ้งระเบิดในฉนวนกาซา ซึ่งหากทำได้ จะมีที่ว่างสำหรับการพูดคุยเกี่ยวกับการเตรียมการเพื่อฟื้นคืนความสงบ