ผู้นำเกาหลีเหนือ “คิม จอง อึน” เดินหน้าเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร หลังเผชิญปัญหาขาดแคลนอาหารในประเทศ
วันที่ 2 มกราคม 2565 ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า “คิม จอง อึน” ผู้นำเกาหลีเหนือ ยอมรับอีกครั้งว่ามีปัญหาเรื่องอาหารในประเทศ ระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ปิดการประชุมสำคัญของพรรคแรงงานเกาหลีเหนือ ซึ่งจัดขึ้นเป็นเวลา 5 วัน
สุนทรพจน์ส่งท้ายปี ซึ่งสำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการเกาหลีเหนือรายงานเมื่อวันเสาร์ คิมยังกล่าวสั้น ๆ ถึง “งานด้านการป้องกันโรคระบาดฉุกเฉิน” ด้วย
เกาหลีเหนือไม่เปิดเผยข้อมูลต่าง ๆ ตลอดการระบาดใหญ่ของโควิด-19 พร้อมกับตัดขาดตัวเองจากประเทศอื่น ๆ ในโลก มากขึ้นไปอีก นอกจากนี้ยังไม่ยอมรับว่ามีผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศแม้แต่คนเดียว
การกล่าวสุนทรพจน์ของคิม เนื้อหาส่วนใหญ่เน้นที่ความจำเป็นในการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรในประเทศ เขายังยกย่องความก้าวหน้าทางทหารซึ่งเกิดขึ้นในช่วง 10 ปีที่เขาปกครองประเทศ แต่ไม่ได้กล่าวถึงเกาหลีเหนือและสหรัฐฯ อย่างเจาะจง นอกจากอ้างถึงสั้น ๆ เกี่ยวกับทิศทางนโยบายสำหรับความสัมพันธ์ระหว่างสองเกาหลีและกิจการนอกประเทศ
แม้ผู้นำเกาหลีเหนือจะไม่ได้ให้รายละเอียดถึงระดับการขาดแคลนอาหาร แต่โครงการอาหารโลกเคยเตือนถึงปัญหาการขาดแคลนอย่างรุนแรงในเกาหลีเหนือเมื่อปี 2564 ซึ่งรวมถึงปัญหาการขาดแคลนข้าวหลายแสนตัน
ปัญหาดังกล่าวเกิดจากน้ำท่วมหนักในพื้นที่ผลิตข้าวที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดของเกาหลีเหนือบางแห่ง
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คิมยอมรับเรื่องสถานการณ์ด้านอาหารของประเทศในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา
เมื่อเดือนเมษายน 2564 เคซีเอ็นเอรายงานว่า ระหว่างการประชุมทางการเมือง คิมได้เรียกร้องให้ประชาชนปฏิบัติตัวเสมือนอยู่ในช่วง “ทุพภิกขภัยในเกาหลีเหนือ” (Arduous March) ซึ่งหมายถึงช่วงเวลาของความอดอยากครั้งใหญ่ ในช่วงต้นทศวรรษ 1990 เมื่อเศรษฐกิจเกาหลีเหนือถดถอยลง หลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต ซึ่งทำให้การให้ความช่วยเหลือเกาหลีเหนือสิ้นสุดลง
ในช่วงเวลาดังกล่าวมีการประเมินว่า ชาวเกาหลีเหนือหลายแสนคนหรือมากถึง 10% ของประชากรในประเทศ อดอยากตาย
ต่อมาในเดือนมิถุนายน 2564 คิมยอมรับว่าเกาหลีเหนือกำลังเผชิญกับสถานการณ์ตึงเครียดด้านอาหาร เนื่องจากไต้ฝุ่นและน้ำท่วม และในเดือนเดียวกัน องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) คาดการณ์ว่าเกาหลีเหนือขาดแคลนอาหารประมาณ 860,000 ตัน ซึ่งเป็นปริมาณอาหารสำหรับ 2 เดือน
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เคซีเอ็นเอยังรายงานด้วยว่า คิมรับทราบถึง “สภาพที่ไม่เอื้ออำนวยในปีนี้” และความหวังของเขาคือการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร และแก้ปัญหาเรื่องอาหารในประเทศให้ได้อย่างสมบูรณ์