Drive My Car ภาพยนตร์ญี่ปุ่น คว้ารางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยมได้ตามความคาดหมาย ช่วงเวลาเดียวกันนี้ภาพยนตร์แอนิเมชั่นจากญี่ปุ่นอีกเรื่อง Jujutsu Kaisen 0 ขึ้นอันดับท็อปเทน หนังทำเงิน บ็อกซ์ ออฟฟิศ ทั้งที่อเมริกาและหลายประเทศ
วันที่ 29 มีนาคม 2565 นิวยอร์กไทมส์ รายงานว่า Drive My Car มาจากการการก้าวข้ามข้อจำกัดของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในประเทศ ซึ่งภาพยนตร์ส่วนใหญ่แทบไม่เคยออกฉายนอกญี่ปุ่นเลย
- ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล ตรวจผลรางวัล งวด 16 พ.ค. 2567
- เปิด 20 อันดับมหาวิทยาลัย ที่ได้รับความนิยมสูงสุด ในปีนี้
- ราคาทองเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์-ทองคำเพื่อลงทุนในไทยพุ่ง
ครั้งสุดท้ายที่ภาพยนตร์ญี่ปุ่นเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม คือเมื่อ 13 ปีก่อนด้วยเรื่อง “Departures” ชายหนุ่มที่จับพลัดจับผลูต้องทำอาชีพจัดพิธีศพ กลายเป็นผู้ช่วยนักเดินทางไปสู่ปรโลก
ภาพยนตร์ญี่ปุ่นยุครุ่งเรืองห่างหายไปจากวงการภาพยนตร์ตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 20 เมื่อครั้งที่ อากิระ คุโรซาวะ เคนจิ มิโซกูจิ และ ยาสุจิโระ โอซุ ได้รับคำยกย่องในฐานะผู้กำกับยอดเยี่ยมแห่งวงการภาพยนตร์ระดับโลก
กระทั่ง “Drive My Car” หรือ “การเดินทางครั้งสุดท้ายของชีวิต” ผลงาน ริวสุเกะ ฮามางูจิ กวาดรางวัลมาหลายเวที เช่น ลูกโลกทองคำ บาฟต้า คานส์ ก่อนได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงสาขาภาพนตร์ยอดเยี่ยม ผู้กำกับยอดเยี่ยมและภาพยอดเยี่ยม เวทีออสการ์ หรือ อคาเดมี อวอร์ดส์
3 ปีก่อน เรื่อง “Shoplifters” หรือ “ครอบครัวที่ลัก” ของฮิโรกาซุ โคเระ-เอดะ เข้าชิงสาขาภาพยนตร์ต่างประเทศจากออสการ์ หลังจากคว้ารางวัลปาล์มทอง งานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์มาแล้ว และคิโยชะ คุโรซาวะชนะรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมจากเทศกาลภาพยนตร์เวนิสในปี 2563 จากเรื่อง “Wife of a Spy”
ทามากิ สึดะ โปรดิวเซอร์รายการโทรทัศน์ละอดีตนักวิจารณ์ภาพยนตร์ในกรุงโตเกียวกล่าวว่า Drive My Car ภาพยนตร์ของฮามางูจิ สร้างจากเรื่องสั้นจากปลายปากกาของฮารูกิ มูราคามิ เป็นเรื่องง่ายที่ต่างชาติเข้าใจและยอมรับเนื้อหา
หนังก้าวข้ามพรมแดน
ตัวละครหลักเป็นนักแสดงและผู้กำกับละครเวที เดินทางไปกำกับภาพยนตร์ของ Chekhov เรื่อง “Uncle Vanya” นักแสดงในเรื่องนี้มาจากหลายประเทศและพูดภาษาต่างๆ รวมทั้ง ภาษามือเกาหลี
สึดะ กล่าวว่าเรื่องโดนใจความรู้สึกทุกคนซึ่งพูดยาก แต่ไม่ใช่หนังที่คนดูต้องเข้าใจญี่ปุ่นอย่างถ่องแท้ถึงจะชอบและเข้าใจ
ด้านฮามางูจิ ให้สัมภาษณ์ผ่านล่ามว่าธีมเรื่องของหนังก้าวข้ามพรมแดนได้ดี เรื่องนี้เกี่ยวกับความสูญเสีย การมีชีวิตอยู่หลังจากเผชิญความสูญเสีย สะท้อนถึงผู้คนมากมาย
ภาพยนตร์สะท้อนถึงสังคมญี่ปุ่นและตัวละครที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวในสังคมอาจโดนใจผู้ชมชาวตะวันตกและประทับใจสังคมญี่ปุ่น
แม้หนังทำเงินได้ไม่ดีนักในประเทศ กลับขายในบล็อกบัสเตอร์อเมริกันได้ดีกว่าในช่วง 14 ปีที่ผ่านมา
ฮามางูจิกล่าวว่า ไม่ได้สร้างภาพยนตร์ตามกระแสหลักในญี่ปุ่นซึ่งได้เงินทุนมาจากผู้สร้างภาพยนตร์ โฆษณา เครือข่ายโทรทัศน์ แม้แตบริษัทเครื่องสำอาง แต่เป็นระบบที่มักจะกีดกันผู้กำกับอินดี้ ตนเองจึงต้องหาเงินทุนอิสระจากบริษัทโปรดักชันขนาดเล็กซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดในประเทศเพียงนิดหน่อย
อารอน เกโรว อาจารณ์ด้านวรรณกรรมและภาพยนตร์เอเชียตะวันออก มหาวิทยาลัยเยล ผู้เชี่ยวชาญด้านภาพยนตร์ญี่ปุ่นกล่าวว่า “Drive My Car” เป็นที่ถกเถียงในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ญี่ปุ่น บางคนอาจเห็นดีด้วยที่ได้รับรางวัล แต่บางคนก็เห็นตรงข้ามเพราะคิดว่าหนังเรื่องนี้ไม่สะท้อนภาพอุตสาหกรรมภาพยนตร์ญี่ปุ่น
คอหนังญี่ปุ่นจ่ายเงินชมภาพยนตร์เมื่อปีที่แล้ว 162 ล้านเยนหรือประมาณ 42,900 ล้านบาท ในจำนวนนี้ เกือบร้อยละ 8 ซื้อตั๋วไปดูหนังที่สร้างในญี่ปุ่น ดังนั้น ภาพยนตร์ที่สร้างในญี่ปุ่นจึงมีโอกาสน้อยที่จะปรากฏสู่สายตาชาวต่างชาติ สาเหตุบางส่วนอาจเป็นเพราะคุณภาพหนังไม่สูงมากนัก
เกริม ยาซาร์ ผศ.ด้านภาษาและวัฒนธรรมเอเชียตะวันออก มหาวิทยาลัยเซาเทิร์น แคลิฟอร์เนีย กล่าวว่าภาพยนตร์และการสร้างรายการโทรทัศน์ในญี่ปุ่นไม่ปังเพราะการแสดงที่กลางๆ ภาพยนตร์หลายเรื่องใช้ไอดอลจากรายการเรียลิตีทางโทรทัศน์ซึ่งฝึกด้านการแสดงมาน้อย จึงถือเป็นผู้ทรงอิทธิพลในสื่อโซเชียล มากกว่าเป็นนักแสดงอาชีพ
กระแสในญี่ปุ่น ไม่ค่อยตื่นเต้นกับชัยชนะของฮามางูจิมากนัก แม้ ฮิโรกาซุ มาซึโนะ หัวหน้าเลขาธิการรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ กล่าวแสดงความยินดีในการแถลงข่าวประจำวัน
เงียบกว่า ‘ชนชั้นปรสิต’
ส่วนเคนจิ โคมิเนะ ผู้สื่อข่าวด้านภาพยนตร์และโทรทัศน์ของอาซาฮี ชิมบุน สื่อหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น กล่าวถึงรางวัลที่มอบให้ “Drive My Car” ว่าแม้น่าดีใจ แต่ก็เป็นสถานการณ์ที่น่าอับอายมาก เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้รับการสนับสนุนจากสตูดิโอกระแสหลักและได้รับเงินทุนเพียงเล็กน้อย
ฮามางูจิกล่าวว่าไม่ได้คิดว่าจะมีฐานผู้ชมกว้างขึ้น เมื่อสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ เพราะสร้างหนังโดยยึดตัวเองเป็นผู้ชมคนหนึ่ง อีกทั้งยังมีมาตรฐานของตัวเอง คิดถึงมาตรฐานส่วนตัวและต้องการรักษามาตรฐานตัวเอง
Drive My Car ไม่เหมือนกับ “Parasite” หรือ “ชนชั้นปรสิต” ภาพยนตร์เสียดสีสังคมเกาหลีใต้ กำกับโดยพง จุน โฮ ที่คว้ารางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ปี 2020 ทั้งที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษ ตรงมุมที่ว่า Drive My Car ไม่ได้แตะเรื่องปัญหาในสังคมญี่ปุ่นแบบที่ชนชั้นปรสิตเผยถึงสังคมชนชั้นของเกาหลีใต้ ดังนั้น สารที่ Drive My Cat ส่งถึงสังคมอาจจะเงียบกว่าและห่างจากประเด็นในประเทศญี่ปุ่น
สึดะกล่าวว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ประสบความสำเร็จในบ็อกซ์ออฟฟิศในญี่ปุ่น หลังทำรายจากการขายตั๋วหนังได้เพียง 889 ล้านเยนหรือประมาณ 231 ล้านบาทนับตั้งแต่ออกฉายในเดือน ส.ค. และส่วนใหญ่ผู้ชมในญี่ปุ่นเพิ่งเข้าชมหลังจากที่ภาพยนตร์ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์
จูจุสึ ไคเซน เซโร หนังทำเงิน
ถ้าพูดถึงหนังทำเงินจากญี่ปุ่น เรื่องที่สร้างความฮือฮาในบ็อกซ์ ออฟฟิศขณะนี้ต้องยกให้ Jujutsu Kaisen 0 – จูจุสึ ไคเซน เซโร สร้างจากมังงะยอดฮิตชื่อเดียวกันนี้ ไทยใช้ชื่อว่า มหาเวทย์ผนึกมาร
หนังโกยรายได้ในตลาดอินเตอร์อย่างน่าฮือฮา เมื่อเปิดตัวขึ้นอันดับสองในบ็อกซ์ ออฟฟิศ ฝั่งอเมริกาเหนือ จนล่าสุดทำเงินเป็นสถิติเกิน 27.7 ล้านดอลลาร์ หรือราว 914 ล้านบาท ส่วนที่เกาหลีใต้ ไต้หวัน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อังกฤษ ไอร์แลนด์ ก็ไปได้สวยเช่นเดียวกัน
ก่อนหน้านี้ Jujutsu Kaisen 0 ทำเงินในญี่ปุ่นแล้ว 108 ล้านดอลลาร์ หรือราว 3,550 ล้านบาท นับจากออกฉายในญี่ปุ่น วันที่ 24 ธ.ค. 2564 เมื่อรวมรายได้แล้ว ทำให้ Jujutsu Kaisen 0 ติดท็อปเทน อันดับ 10 ภาพยนตร์แอนิเมชั่นทำเงินสูงสุดตลอดกาลของญี่ปุ่น
ที่น่าลุ้นต่อไปคือการเข้าฉายที่ตลาดจีน เมื่อเกิดปัญหาคาดไม่ถึง เจ้าของหนังต้องขอโทษที่ใช้ข้อความโปรโมตหนัง เขียนว่าแอนิเมชั่นเรื่องนี้กวาดรายได้มาแล้วหลาย “ประเทศ” โดยมี “ไต้หวัน” เป็นหนึ่งในนั้น ซึ่งเป็นบริบทต้องห้ามในจีน จะพูดว่าไต้หวันเป็นประเทศไม่ได้ เพราะจีนถือว่าไต้หวันเป็นเพียงมณฑลหนึ่งของจีน
จากรายงานของบีบีซี Jujutsu Kaisen 0 ต่อยอดความสำเร็จจากซีรีส์ทางโทรทัศน์ โดยใช้เนื้อเรื่องช่วงต้นก่อนซีรีส์ ตอกย้ำความสำเร็จของแอนิเมชั่นส่งออกจากญี่ปุ่น
อนิเมะเรื่องนี้มีสไตล์ที่ชัดเจน สีเข้มตัดกัน เน้นแสดงสีหน้าตัวละคร ใช้ธีมที่ให้ความสำคัญของมิตรภาพ แต่ก็มีภาพความรุนแรง และฉากทางเพศแทรกอยู่บ้าง
อนิเมะของญี่ปุ่นเริ่มลงหลักปักแฟนคลับในโลกตะวันตกมาตั้งแต่ทศวรรษ 1990 และเพิ่งไต่ระงับความเป็นที่นิยมไปทั่วโลกเมื่อไม่นานมานี้
เน็ตฟลิกซ์ เจ้าวงการหนังสตรีมมิ่ง ระบุว่า มี 100 ล้านครัวเรือนทั่วโลกที่ชมหนังหรือซีรีส์อนิเมะอย่างน้อยหนึ่งเรื่องช่วง 9 เดือนแรกของปี 2020 เพิ่มจากปี 2019 ถึง 50% ส่วน Crunchyroll แพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง เฉพาะแอนิเมชั่นก็มีจำนวนผู้ชมเพิ่มขึ้นมากเช่นกัน
สำหรับ Jujutsu Kaisen 0 ค่ายเมเจอร์แจ้งว่าหนังมีกำหนดฉายในโรงภาพยนตร์ของไทย วันที่ 23 มิ.ย. 2565