ซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ (ยูเออี) กลายเป็น 2 ประเทศแรกในตะวันออกกลางที่ได้เริ่มทำการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา หลังจากที่ประเทศในอ่าวอาหรับเคยประกาศด้วยความภาคภูมิใจมาอย่างยาวนานว่าเป็นภูมิภาคปลอดภาษีที่มีระบบสวัสดิการดูแลประชาชนในประเทศตั้งแต่เกิดจนตาย
ทั้งนี้ ซาอุดีอาระเบียและยูเออีจะเริ่มจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 5 เปอร์เซ็นต์ จากการขายสินค้าและบริการในประเทศ ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มรายได้ให้กับรัฐบาลทั้งสองได้ถึงราว 21,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเทียบเท่ากับ 2 เปอร์เซ็นต์ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี)
ขณะเดียวกัน ประชาชนผู้ใช้รถในซาอุดีอาระเบียยังพบกับเรื่องน่าตื่นตกใจรับปีใหม่ครั้งใหญ่ เมื่อราคาน้ำมันถูกปรับเพิ่มขึ้นถึง 127 เปอร์เซ็นต์ โดยไม่มีการประกาศแจ้งข่าวล่วงหน้า นับตั้งแต่เที่ยงคืนของวันที่ 31 มกราคม 2560 ย่างเข้าสู่วันใหม่ในวันที่ 1 มกราคม 2561
ทั้งสองมาตการดังกล่าวนับเป็นมาตรการล่าสุดที่มีการประกาศใช้ หลังจากประเทศในตะวันออกกลางต้องเร่งหามาตรการจัดเก็บรายได้เพิ่มเติมและตัดลดรายจ่ายในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลงอย่างต่อเนื่อง สวนทางกับรายจ่ายของภาครัฐ
ด้านประเทศในตะวันออกกลางอื่นๆ อาทิ บาห์เรน โอมาน คูเวต และกาตาร์ ต่างก็มีแผนการที่จะเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการขายสินค้าและบริการในประเทศเช่นกัน โดยคาดว่าจะมีการเลื่อนเวลาประกาศใช้ออกไป ซึ่งคาดว่าน่าจะเริ่มเก็บได้ในช่วงต้นปี 2562
ที่มา : มติชนออนไลน์