ราคาน้ำมันร่วงแตะ 65 ดอลลาร์/บาร์เรล มีโอกาสหรือไม่ ? ซิตี้ประเมิน

ราคาน้ำมันร่วงแตะ 65 ดอลลาร์/บาร์เรล มีโอกาสหรือไม่ ? ซิตี้ประเมิน
REUTERS/Sergei Karpukhin/File Photo/File Photo

นักยุทธศาสตร์ของซิตี้ (Citi) สวนกระแส คาดราคาน้ำมันจะลดลงอย่างรวดเร็วภายในสิ้นปีนี้ ขณะที่อีกหลายสำนักมองในทิศทางตรงกันข้าม 

วันที่ 14 กรกฎาคม 2565 “โกลด์แมน แซกส์” คาดว่าราคาน้ำมันดิบจะพุ่งขึ้นสู่ระดับ 140 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ขณะที่เจพีมอร์แกนมองว่าราคาน้ำมันอาจพุ่งขึ้นถึง 380 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ในสถานการณ์ที่เลวร้ายสุด

ส่วนธนาคารยูบีเอสของสวิตเซอร์แลนด์ประมาณการว่าราคาน้ำมันจะแตะที่ 130 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลในเดือนกันยายนนี้ ตามรายงานของบิสสิเนสอินไซเดอร์ 

อย่างไรก็ตาม ซิตี้ (Citi) มีมุมมองที่ต่างออกไป นักยุทธศาสตร์ของซิตี้คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันจะลดลงอย่างรวดเร็วภายในสิ้นปีนี้ จากราคาประมาณ 100 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

“ฟรานเชสโก มาร์ตอชชา” หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์ยุโรปของธนาคารซิตี้ เตือนลูกค้าเมื่อวันอังคารที่ 5 กรกฎาคมว่า ราคาน้ำมันอาจร่วงลงสู่ระดับ 65 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ในเดือนธันวาคมนี้ หากเกิดภาวะถดถอยอย่างรุนแรง

วันเดียวกัน ราคาน้ำมันก็ร่วงลง โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสของสหรัฐลดลงต่ำกว่า 100 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม มาร์ตอชชาและเพื่อนร่วมงานของเขาคาดว่า ราคาน้ำมันจะลดลงแม้ว่าจะไม่มีการชะลอตัวทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงก็ตาม โดยราคาน้ำมันจะลดลงในกรณีที่ราคาน้ำมันดิบเบรนต์ทั่วโลกร่วงลงสู่ระดับ 85 ดอลลลาร์/บาร์เรลภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งนับว่าต่ำกว่าราคาในวันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม ซึ่งอยู่ที่ 104 ดอลลาร์สหรัฐ/ต่อบาร์เรลราว 18%

มองต่างมุม ปริมาณส่งออกน้ำมันรัสเซีย ลด หรือ เพิ่ม

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ซิตี้มีมุมมองที่แตกต่างจากรายอื่นคือ ความคาดหวังว่ารัสเซียจะคงปริมาณการส่งออกและผลิตน้ำมันดิบต่อไป แม้ว่าสหรัฐและพันธมิตรจะโจมตีรัสเซียผ่านมาตรการคว่ำบาตรต่าง ๆ ก็ตาม

นักวิเคราะห์หลายคนคาดว่าการส่งออกพลังงานของรัสเซียจะลดลงอย่างรวดเร็วภายในสิ้นปีนี้ เนื่องจากสหภาพยุโรปค่อย ๆ ยกเลิกการสั่งซื้อพลังงานจากรัสเซีย พร้อมกันนี้กลุ่มประเทศ G7 ก็กำลังหาวิธีจำกัดราคาน้ำมันของรัสเซีย ซึ่งอาจทำให้การส่งออกน้ำมันของรัสเซียลดลงอีก

แนวคิดนี้ง่ายมาก เมื่อรัสเซียไม่สามารถขายน้ำมันของตัวเองได้ รัสเซียจะปิดการผลิต ผู้ซื้อจะต้องแข่งขันกันเพื่อแย่งชิงน้ำมันส่วนที่เหลือจากทั่วโลก ซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น

แต่ซิตี้มีมุมมองที่ต่างออกไป นักยุทธศาสตร์ของที่นี่เชื่อว่าอินเดียและจีนจะเพิ่มการซื้อน้ำมัน ซึ่งจะทำให้รัสเซียยังต้องเดินหน้าสูบน้ำมัน และบรรเทาแรงกดดันต่อตลาด

“จริง ๆ แล้ว เราไม่เห็นวิกฤตอุปทานในการผลิต” มาร์ตอชชา กล่าว

ซิตี้คาดการณ์ว่า การส่งออกน้ำมันดิบไปยังประเทศในยุโรปในกลุ่มองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) จะลดลงจาก 2.5 ล้านบาร์เรลต่อวันในช่วงไตรมาสแรกของปี เหลือ 9.7 แสนบาร์เรลต่อวันในไตรมาสที่ 4

อย่างไรก็ตาม คาดว่าจีนจะเพิ่มการนำเข้าจาก 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน เป็น 2.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน และอินเดียจะเพิ่มจาก 1.1 แสนบาร์เรลต่อวัน เป็น 9.5 แสนบาร์เรลต่อวัน

ส่วนประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ จะยกเลิกการซื้อเพียงเล็กน้อย ซึ่งหมายความว่ารัสเซียจะส่งออกน้ำมันดิบได้มากขึ้นในสิ้นปีนี้ หรือมากกว่าช่วงเริ่มต้นเสียอีก

“ผมสงสัยว่าทำไมหลายรัฐบาลไม่คำนึงถึงความต้องการพลังงานในประเทศ เพราะเราได้เห็นภาพการประท้วงและการจราจลทั่วโลก ซึ่งมีสาเหตุจากราคาอาหารและพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น” มาร์ตอชชา กล่าว

องค์ประกอบสำคัญอื่น ๆ ของราคาน้ำมันคือ “อุปสงค์” ซึ่งซิตี้คิดว่าความต้องการใช้น้ำมันของโลกจะชะลอตัวลงในช่วงหลายเดือนข้างหน้า เนื่องจากเศรษฐกิจเริ่มสงบลง

คาดยุโรปมีแนวโน้มลดการใช้พลังงาน

มาร์ตอชชา กล่าวว่า ยุโรปมีแนวโน้มที่จะลดการใช้พลังงานลง นักเศรษฐศาสตร์หลายคนคาดว่ายูโรโซนจะเข้าสู่ภาวะถดถอย อันเป็นผลมาจากอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นจากราคาก๊าซธรรมชาติที่ถีบตัวสูง สังเกตได้จากการที่เยอรมนีเริ่มหรี่ไฟถนนเพื่อประหยัดพลังงานแล้ว

เขากล่าวอีกว่า เมื่อพิจารณาถึงความต้องการใช้ก๊าซ เช่น จากศูนย์อุตสาหกรรมในอิตาลี หรือแม้แต่คำสั่งซื้อของโรงงานอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง พบว่าความต้องการก๊าซลดลง

“และในที่สุด คุณจะเห็นผลกระทบที่ตามมา”

การคาดการณ์ราคาน้ำมันเป็นเกมที่ยาก นักวิเคราะห์หลายคนมองตรงข้ามกับซิตี้ โดยโต้แย้งว่าการผลิตของรัสเซียจะลดลง และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน รวมถึงการกลับมาของภาคการท่องเที่ยวทั่วโลกจะช่วยเพิ่มความต้องการน้ำมันขึ้นอีก

มาร์ตอชชากล่าวว่า ซิตี้เองก็กำลังป้องความเสี่ยง โดยคิดว่ามีโอกาส 30% ที่น้ำมันจะพุ่งกลับมาเป็น 120 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลภายในสิ้นปีนี้

เขากล่าวปิดท้ายว่า “เป็นเรื่องยากมากในปีนี้ที่จะมีความเชื่อมั่นในระดับสูง”