พิธีสาบานตนของ ประธานาธิบดีศรีลังกา คนใหม่ในยุคบ้านเมืองล้มละลาย ผ่านพ้นแล้ว รานิล วิกรมสิงเห เปิดใจทำไมอยากเป็นผู้นำในช่วงเวลานี้
วันที่ 21 กรกฎาคม 2565 สำนักข่าว เอพี รายงานว่า นายรานิล วิกรมสิงเห (วิกรามาสิงหะ) วัย 73 ปี เข้าพิธีสาบานตนเป็น ประธานาธิบดีศรีลังกา คนใหม่แล้ว เพื่อเดินหน้าสู่ขั้นตอนการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ รับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจครั้งรุนแรงที่สุดของประเทศ
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- อย. เตือนอย่าซื้อผลิตภัณฑ์ CDS มาทาน อันตรายถึงชีวิต
- แห่ขายที่ดินพ่วงโรงงาน เอกชนถอดใจ-สินค้าจีนตีตลาด
ภาพที่ทางการศรีลังกาเผยแพร่ นายวิกรมสิงเหอ่านข้อความสาบานตนต่อหัวหน้าผู้พิพากษา ชยันธา ชยาสุริยา โดยมีผู้นำกองทัพและผู้บัญชาการตำรวจร่วมเป็นสักขียาน
นายวิกรมสิงเหเป็นสมาชิกสภามายาวนาน 45 ปี เป็นนายกรัฐมนตรีมา 6 สมัย มีประสบการณ์ทางการทูตและการต่างประเทศ รวมถึงเป็นบุคคลที่เริ่มเปิดเจรจากับไอเอ็มเอฟเพื่อขอรับเงินทุนช่วยเหลือในการบริหารการเงินของประเทศช่วงเวลายากลำบากนี้
ภาพสัญญาณถ่ายทอดสดที่เผยแพร่พิธีสาบานตน มีเจ้าหน้าที่ตรึงกำลังรอบรัฐสภาอย่างเข้มงวด จังหวะที่นายวิกรมสิงเหและนางเมธรี ภรรยาเดินตรวจแถวทหารเสร็จแล้วกำลังจะเข้าอาคารรัฐสภา ภาพถูกตัดหายไป ซึ่งเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมระดับสูงเผยว่า เปิดการสอบสวนสาเหตุแล้ว
ก่อนหน้านี้ ซีเอ็นเอ็น รายงานคำให้สัมภาษณ์ของนายวิกรมสิงเห เผยสาเหตุที่ต้องการเข้ามาเป็นผู้นำประเทศในยามนี้ ทั้งที่มีประชาชนจำนวนมากต่อต้านว่า ไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ในประเทศ ไม่อยากให้ใครต้องทุกข์ร้อนและไม่อยากให้เกิดขึ้นกับใครก็ตาม
“ผมอยากบอกประชาชนว่า ผมรู้ว่าชาวศรีลังกาทนทุกข์ทรมานแค่ไหน เมื่อเราถอยหลังไป เราต้องค่อยขยับกลับมา ไม่ต้องใช้เวลาถึง 5 ปีหรือ 10 ปี แต่ปลายปีหน้าเราจะเริ่มมีเสถียรภาพ และมั่นใจว่าภายในปี 2024 เศรษฐกิจจะเริ่มเติบโต” ประธานาธิบดีคนใหม่ศรีลังกากล่าว
ทั้งนี้ นับตั้งแต่เดือน มี.ค. ศรีลังกาซึ่งมีประชากร 22 ล้านคน ประสบวิกฤตเศรษฐกิจครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบ 70 ปี ประชาชนขาดแคลนสิ่งของจำเป็น รวมทั้งน้ำมันเชื้อเพลิง อาหารและยารักษาโรค
ผู้ประท้วงขับไล่ประธานาธิบดีนานหลายเดือนและเพิ่งไล่สำเร็จ ทำให้ราชปักษาต้องหนีออกนอกประเทศ หลังจากผู้ประท้วงหลายพันคนบุกยึดทำเนียบประธานาธิบดี รวมถึงจุดไฟเผาบ้านพักส่วนตัวของนายวิกรมสิงเห ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทั้งที่นายวิกรมสิงเหเพิ่งประกาศลาออกเพื่อเปิดทางให้ตั้งรัฐบาลแห่งชาติ
แม้บ้านพักถูกเผาเหลือแต่ซากและเอกสารก็ถูกเผาทำลายไปด้วยอย่างที่กู้คืนไม่ได้ รวมทั้งหนังสือกว่า 4,000 เล่ม บางเล่มมีอายุเก่าแก่หลายร้อยปี เปียโนอายุ 125 ปีที่เสียหาย แต่นายวิกรมสิงเหยังมาลงชิงชัยเก้าอี้ประธานาธิบดี ด้วยเหตุผลว่า เพื่อจะไม่บริหารประเทศแบบเดิม และต้องการมากอบกู้เศรษฐกิจ
ขณะนี้ชาวศรีลังกายังลืมตาอ้าปากไม่ขึ้นท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจที่ทำให้ประเทศเป็นอัมพาต ประชาชนต้องต่อแถวนานหลายชั่วโมงที่ปั๊มน้ำมันเพื่อหวังว่าจะได้เติมน้ำมัน ธุรกิจการค้าหลายรายต้องปิดทำการ ชั้นวางของในซูเปอร์มาร์เก็ตว่างเปล่า
นายวิกรมสิงเหกล่าวว่า รัฐบาลชุดก่อนของนายโกตาบายา ราชปักษา ไม่ยอมพูดความจริงกับประชาชน ว่าศรีลังกา “ล้มละลาย” และจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ ดังนั้นรัฐบาลชุดที่ตนเป็นผู้นำต้องไม่ทำผิดพลาดเหมือนเดิมอีก
“ผมไม่จำเป็นต้องบอกคุณว่า สถานะของประเทศเราเป็นอย่างไร ประชาชนไม่ต้องการการเมืองแบบเก่าจากพวกเราอีกแล้ว พวกเขาคาดหวังให้เราทำงานร่วมกัน ตอนนี้การเลือกตั้งมันผ่านไปแล้ว เราต้องยุติความแตกแยกกัน” นายวิกรมสิงเหกล่าวกับเพื่อนสมาชิกสภา หลังได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี
นายวิกรมสิงเหได้รับมติเสียงส่วนใหญ่จากสมาชิกในสภาให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีที่จะอยู่ไปจนครบวาระเดิมของนายราชปักษา ปี 2024 (พ.ศ. 2567) ทำให้เกิดปฏิกิริยาไม่พอใจจากประชาชนที่มองว่า นายวิกรมสิงเหเป็นส่วนหนึ่งของระบอบราชปักษา
หลายคนเดินทางไปประท้วงหน้าสำนักงานเลขาธิการประธานาธิบดี และตะโกนว่า “รานิลกลับบ้านไป”
วิกรมสิงเหกล่าวด้วยว่า เข้าใจดีว่าประชาชนยังโกรธแค้น เพราะเผชิญช่วงเวลาเลวร้าย 3 สัปดาห์ที่ไม่มีแก๊ส หรือน้ำมัน แต่ขอให้ประท้วงโดยสันติ อย่าบุกรุกรัฐสภาและขัดขวางการทำงานของรัฐสภา จึงประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศตั้งแต่วันจันทร์ที่ 18 ก.ค. ช่วงที่ยังรักษาการประธานาธิบดี เพื่อตัดไฟแต่ต้นลม เพราะถึงอย่างไรประเทศต้องมีกฎระเบียบ มีขื่อมีแป
ขณะเดียวกัน นายวิกรมสิงเหเผยว่าพยายามไม่ให้ทหารตำรวจใช้อาวุธ แม้บางครั้งเป็นฝ่ายถูกโจมตี แต่ขอให้อดทนอดกลั้น
….