แม้หลายธุรกิจต้องเผชิญวิกฤตโควิด 19 แต่สำหรับ บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE กลับยิ่งเติบโต เนื่องจากดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายถ่านหินบิทูมินัส หรือถ่านหินสะอาด และให้บริการด้านโลจิสติสก์แบบครบวงจร ตอบโจทย์การขนส่งยุคปัจจุบันได้ดี
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ดร.วิวัฒน์ กรมดิษฐ์ ผู้อยู่เบื้องหลัง “บ้านกรมดิษฐ์” บ้านสวนลอยฟ้า
พนม ควรสถาพร ประธานกรรมการบริหาร AGE เผยถึงปัจจัยหนุนให้บริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดีว่า แม้ว่าราคาถ่านหินจะมีความผันผวน และอยู่ในระดับที่สูง แต่บริษัทฯ สามารถบริหารจัดการต้นทุนราคาถ่านหิน และต้นทุนขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบกับ ภาพรวมเศรษฐกิจที่เริ่มมีการฟื้นตัว ภายหลังสถานการณ์โควิด จึงทำให้คาดว่าภาคอุตสาหกรรมจะมีความต้องการใช้ถ่านหินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง AGE ยังมีธุรกิจให้บริการขนส่งทางน้ำ-ทางบก-ท่าเรือ-คลังสินค้า ซึ่งมีการขยายตัวอย่างโดดเด่น และยังมีแผนขยายการเติบโตไปยังธุรกิจเทรดดิ้งด้านการจำหน่าย และการส่งออกสินค้าเกษตร
บริษัทฯ ยังคงมองว่า ความต้องการใช้ถ่านหินในทวีปเอเชียยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น จากความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปี และโรงไฟฟ้าถ่านหินส่วนใหญ่ในทวีปเอเชียมีอายุเฉลี่ยเพียงแค่ 13 ปี โดยโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ปิดตัวลงจะมีอายุเฉลี่ยที่ 35 ปี ซึ่งส่วนมากอยู่ในทวีปยุโรปและอเมริกา และหลายประเทศในทวีปเอเชียยังคงมีแผนการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเพิ่มเติม สำหรับการใช้ถ่านหินเพื่อเป็นเชื้อเพลิงสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นตลาดลูกค้าหลักของบริษัทฯ บริษัทฯ มองว่ายังคงมีการเติบโตในช่วง 5-10 ปี เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่มีเทคโนโลยีที่จะมาทดแทนการใช้งานเชื้อเพลิงถ่านหินในเตาบอยเลอร์ได้ โดยเรามองว่าเชื้อเพลิงชนิดอื่นยังคงมีราคาสูงและมีปริมาณไม่เพียงพอมีเทียบกับเชื้อเพลิงถ่านหิน
“ปัจจุบันประเทศไทยมีปริมาณความต้องการนำเข้าถ่านหินอยู่ที่ 20-22 ล้านตันต่อปี ยังไม่นับรวมโรงผลิตไฟฟ้า ที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงผลิตกระแสไฟฟ้า ซึ่ง AGE นำเข้าและจัดจำหน่ายถ่านหินให้ลูกค้าราว 25% ของสัดส่วนทั้งประเทศ เมื่อมองโดยรวมแล้ว AGE มีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับหนึ่งของผู้จัดจำหน่ายถ่านหินในประเทศไทย”
“ด้วยความต้องการถ่านหินที่ยังคงตัวปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ AGE มั่นใจว่า สามารถรักษาทิศทางของธุรกิจต่อไปได้ พร้อมปรับเป้ารายได้รวมเพิ่มเป็น 18,000 ล้านบาท” คุณพนม กล่าว
หากย้อนกลับไปดูตัวเลขที่ AGE ประกาศเป้ารายได้ 6 เดือนย้อนหลัง จาก 15,000 ล้านบาท เป็น 16,000 ล้านบาท จนมาถึงตัวเลขล่าสุด นับว่าปรับเป้ารายได้ 2 ครั้งในระยะเวลา 6 เดือน สะท้อนว่า AGE ยังคงแกร่งมากเพียงพอจะยืนเป็นหนึ่งในผู้นำกลุ่มธุรกิจนำเข้าและส่งออกถ่านหินของประเทศไทย
สยายปีก ‘โลจิสติกส์’ ไม่ใช่ทางเลือก แต่คือเส้นทางของความแข็งแกร่ง
ปัจจุบัน AGE มีประสบการณ์ร่วม 18 ปี ในธุรกิจเทรดดิ้งถ่านหินจากแหล่งต่างๆ ของโลก ทั้งประเทศอินโดนีเซีย ออสเตรเลีย และรัสเซีย และยังมีท่าเทียบเรือหลักในพื้นที่อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวนทั้งสิ้น 6 ท่า รวมถึงพื้นที่คลังสินค้า ที่มีทำเลติดกับท่าเรือ รองรับการกองเก็บถ่านหินได้สูงสุด 1 ล้านตัน
นอกจากนั้น ยังมีโรงงานคัดแยกขนาดถ่านหิน ที่ใช้กระบวนการผลิตและเครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพสูงภายใต้ระบบปิด เพื่อให้ได้คุณภาพตามความต้องการของตลาด อีกทั้งยังมีแผนลงทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางการทำงาน แสดงให้เห็นถึงศักยภาพความแข็งแกร่งของ AGE ที่พร้อมเดินเกมรุกขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง
แน่นอนว่าข้อได้เปรียบของ AGE บวกกับตัวเลขที่ปักไว้ 4-5 ล้านตันต่อปี หรือเป้าปริมาณการขายถ่านหินอยู่ที่ 4.5 ล้านตันภายในสิ้นปี 2565 ถือเป็นความท้าทายท่ามกลางสมรภูมิในตลาดที่ร้อนแรงอยู่ไม่น้อย ถึงอย่างนั้น AGE ยังมุ่งมั่นสยายปีกเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งการขยายไลน์ธุรกิจเทรดดิ้งที่มีอยู่เดิม และก้าวไปอีกไลน์ธุรกิจ อย่าง ‘โลจิสติกส์’ เพื่อเสริมทัพความแข็งแกร่งของ AGE ให้เติบโตยิ่งขึ้น
สำหรับการขยายไลน์ธุรกิจเทรดดิ้ง หัวเรือใหญ่ AGE เปิดเผยว่า ความต้องการถ่านหินในตลาดที่สูงขึ้น ทั้ง AGE ก็มีศักยภาพและความพร้อมเพียงพอที่จะสยายปีกสู่ธุรกิจใหม่ ที่ครอบคลุมและเสริมศักยภาพของอุตสาหกรรมหลัก จึงอาศัยจังหวะนี้แตกไลน์ธุรกิจเทรดดิ้งออกเป็นการส่งออกสินค้าเกษตรสู่ตลาดเพิ่มเติม
“เราใช้ช่วงเวลาหลังจากจัดส่งถ่านหินเรียบร้อยแล้ว ช่วงขากลับของรถบรรทุกของเราที่มีมากกว่า 100 คัน นำสินค้าทางการเกษตร โดยเฉพาะมันสําปะหลัง ที่เป็นผลิตภัณฑ์ตัวแรกในธุรกิจนี้ ติดรถกลับมาเพื่อส่งเข้าตลาดทั้งในและต่างประเทศอีกด้วย”
ส่วนการขยายธุรกิจด้านโลจิสติกส์ คุณพนมให้ข้อมูลว่า เป็นการมองเห็นโอกาสและขีดความสามารถจากธุรกิจเทรดดิ้งถ่านหิน ที่ต้องการใช้การขนส่งทุกรูปแบบ ทั้งทางน้ำและทางบก เข้ามาเสริมศักยภาพ คาดว่าธุรกิจโลจิสติกส์จะสามารถเพิ่มสัดส่วนและรายได้ให้บริษัทได้ในอนาคต
“นอกจากสินค้าทั้ง 2 ชนิด อย่างถ่านหินและมันสำปะหลังแล้ว AGE ยังรองรับการให้บริการขนส่งสินค้าจากหลายอุตสาหกรรม ทั้งแร่เหล็ก ปุ๋ย สินค้าทางการเกษตร ปูนซิเมนต์ ทั้งบริการขนส่งสินค้าทางบกโดยรถบรรทุก บริการขนส่งสินค้าทางน้ำโดยเรือลำเลียง บริการท่าเรือ และ บริการคลังสินค้า และโกดังเก็บสินค้า”
AGE รุกขยายไลน์สู่ ‘ลิสซิ่ง’ ยกธุรกิจเดิมปั้นธุรกิจใหม่
AGE มีผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งประธานกรรมการบริหาร AGE เผยว่า ช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน บริษัทมีผลประกอบการจากการขายและบริการ 8,267.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.4% เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นรายได้จากการขายถ่านหินที่ 7,976.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.5% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
ส่วนธุรกิจโลจิสติกส์ มีรายได้อยู่ที่ 291.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.8% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิในงวด 6 เดือนแตะระดับ 628.5 ล้านบาท และช่วงไตรมาส 4 นี้ บริษัทเตรียมลงทุนเพิ่ม โดยซื้อรถบรรทุกจำนวน 20 คัน มูลค่า 80 ล้านบาท และโกดังสินค้า 50 ล้านบาท เพื่อรองรับการให้บริการด้านโลจิสติกส์ในระยะยาว และเสริมสร้างการเติบโตให้บริษัท
นอกจากนี้ AGE ยังมีแผนขยายไลน์สู่ธุรกิจ ‘ลีสซิ่ง’ เพิ่มมาอีกหนึ่งแขนง โดยเริ่มต้นจากการปล่อยสินเชื่อรถบรรทุกแก่พนักงานขับรถของบริษัทให้มีโอกาสเป็นเจ้าของรถบรรทุกของตนเองได้ โดยมีราคากลางจัดลีสซิ่งให้ได้ผ่อนกับบริษัท ตั้งเป้าเฟสแรกอยู่ที่ 7 พ่วง ผ่านโครงการเถ้าแก่น้อย ซึ่งจะคาดว่าจะเริ่มดำเนินการโครงการในเดือนพฤศจิกายน 2565
“โครงการเถ้าแก่น้อย ถือเป็นการสร้างขวัญกำลังใจและให้โอกาสพนักงานขับรถให้ได้เป็นเจ้าของรถบรรทุก และเสริมแกร่งให้ธุรกิจของเรา ซึ่งอนาคตจะมีการต่อยอดดึงรถร่วมที่เป็นพันธมิตรกับเราเข้าร่วมในโครงการนี้อีกด้วย”
ซึ่งตรงนี้เองจะทำให้พนักงานที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้มีโอกาสเป็นนายจ้างของตัวเอง และยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นต่อไปได้
“เราจะเป็นเซ็นเตอร์หลัก คอยกระจายงานให้พนักงานกลุ่มโครงการเถ้าแก่น้อยในแต่ละครั้ง โดยบาลานซ์สัดส่วนเป็นมาตรฐานเดียวกันกับรถบรรทุกที่เป็นของเราหรือพันธมิตร”
ชูแนวคิด ESG สู่การเปลี่ยนแปลงสีเขียว Net Zero
ท้ายสุดแล้ว สิ่งที่เลี่ยงไม่ได้สำหรับการดำเนินธุรกิจยุคนี้ คือการให้ความสำคัญต่อผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยต่างมีแนวคิดการดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นเรื่องความยั่งยืนทั้ง 3 ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสิ่งแวดล้อม (environment) สังคม (social) และธรรมาภิบาล (governance) หรือเรียกโดยรวมว่า ESG อันเป็นหมุดหมายใหม่ที่ทุกภาคส่วนของสังคมปักธงเพื่อร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงต่อสิ่งแวดล้อมโลก
เช่นเดียวกับ AGE ที่ยึดมั่นการดำเนินธุรกิจตามวิสัยทัศน์ที่ว่า ‘เป็นผู้นำธุรกิจพลังงานยั่งยืน รักษ์สิ่งแวดล้อม ใส่ใจผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย’ อีกทั้งยังปักธงขับเคลื่อนองค์กรตามพันธกิจ ดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม และแสวงหาโอกาสทางธุรกิจเกี่ยวเนื่อง เพื่อการเติบโตของผลกำไรอย่างมั่นคง อันเป็น 2 ใน 5 แกนสำคัญที่มุ่งหลักการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน
แม่ทัพใหญ่แห่ง AGE ย้ำถึงยุทธศาสตร์นี้ว่า นับตั้งแต่การก่อตัวเป็นธุรกิจด้านพลังงาน AGE ไม่ได้โฟกัสเพียงผลกำไร หรือผลประกอบการ หากยังคำนึงถึงความรับผิดชอบรอบตัวเสมอมา ทั้งสิ่งแวดล้อมและชุมชน ซึ่งที่ผ่านมามีการดำเนินกิจกรรมเพื่อเกิดประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม ไม่ว่าจะเป็นการเข้าไปในพื้นที่ชุมชน สำรวจผลกระทบในพื้นที่ตั้งของคลังสินค้า เพื่อนำมาสู่การหาแนวทางแก้ไขในครั้งต่อๆ ไป
“เรามีการลงพื้นที่เพื่อสื่อสารกับชุมชน อย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งมีโครงการที่ทำร่วมกับชุมชนในพื้นที่โดยรอบ เพื่อฝึกทำขยะอินทรีย์ไปใช้ประโยชน์ในครัวเรือน มีการช่วยส่งเสริมสัมมาอาชีพให้กับกลุ่มแม่บ้านในพื้นที่ อาทิเช่น ‘กลุ่มขนมกง’ ซึ่งเป็นขนมพื้นบ้านของชาวอยุธยา มีการให้ทุนการศึกษานักเรียน จัดครูสอนพิเศษในพื้นที่ชุมชน จัดอุปกรณ์การเรียนการสอนให้นักเรียนในสถานศึกษาอีกด้วย รวมถึงปลูกต้นไม้เพื่อลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งวันนี้เราปลูกแล้วมากกว่า 5 หมื่นต้น”
ที่สำคัญ AGE ยังมีการศึกษาเพื่อจะเปลี่ยนรถบรรทุก จากการใช้พลังงานสันดาปทั้งหมดของบริษัท มาเป็นรถบรรทุกที่ใช้พลังงานไฟฟ้าหรือพลังงานอื่นๆ ทดแทน ซึ่งเป็นการต่อยอดจากที่ AGE ได้ติดตั้ง solar roof เพื่อใช้พลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์บริเวณที่ตั้งคลังสินค้ามาก่อนหน้านี้
“วันนี้เราอาจถูกมองว่าเป็นธุรกิจที่ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ความจริงแล้วทุกการขับเคลื่อนธุรกิจของเรา มีการคำนึงถึงหลักความยั่งยืนมาโดยตลอด มีการทำกิจกรรมเพื่อสังคม ดูแลสิ่งแวดล้อมเสมอมา และนับจากนี้เราตั้งใจไว้ว่าจะเป็นต้นแบบของธุรกิจพลังงานที่ดูแลสังคม” พนม ควรสถาพร ประธานกรรมการบริหาร AGE ทิ้งทาย
ด้วยแนวทางการดำเนินธุรกิจที่ชูหลัก ESG เพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ดีสู่สังคม นับเป็นการย้ำทั้งวิสัยทัศน์และพันธกิจอย่างมั่นคง อันนำไปสู่การได้รับการยอมรับและบรรจุเป็นรายชื่อของบริษัทจดทะเบียนที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล หรือ Thailand Sustainability Investment (THSI) จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 4 ปีซ้อน (2561-2564)