บุกอาณาจักร WHA Group ต้นแบบ ‘เมืองอุตสาหกรรมสีเขียว’ ด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ-ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

“จนถึงวันนี้เราสามารถบรรลุเป้าหมายและประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม ในการสร้างนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศในหลากหลายด้าน โดยเฉพาะการใช้พลังงานหมุนเวียน การบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืน เพื่อส่งเสริมการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดในระบบนิเวศของ WHA Group ตามหลัก Circular Economy” 

นี่คือหนึ่งในความสำเร็จจากการยกระดับเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมสีเขียวของ กลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA Group ผู้นำด้านโลจิสติกส์และนิคมอุตสาหกรรมของไทย ผ่านคำบอกเล่าของแม่ทัพหญิงสุดแกร่ง จรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WHA Group ที่พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมสู่ความยั่งยืน ภายใต้ภารกิจสุดยิ่งใหญ่ ‘Mission to the Sun’ ครอบคลุม 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ทั้งธุรกิจโลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภคและพลังงาน และดิจิทัลโซลูชัน ที่จะผลักดันไปสู่เป้าหมายการเป็น Net Zero ในปี 2050

จรีพร จารุกรสกุล
ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WHA Group

เดินหน้าสู่เป้าหมาย ‘อุตสาหกรรมสีเขียว’

จรีพร แม่ทัพหญิงคนเก่งแห่ง WHA Group เผยว่า หัวข้อเรื่องความยั่งยืนเป็นเรื่องสำคัญมากในปัจจุบัน เพราะนี่คือทางรอดของโลก อีกทั้งวิกฤตด้านสิ่งแวดล้อมบนโลกของเราในขณะนี้ไม่ได้เป็นเพียง ‘ภาวะโลกร้อน’ เท่านั้น แต่ยังก้าวไปสู่ ‘ภาวะโลกเดือด’ เรียบร้อยแล้ว และเราต้องเริ่มต้นแก้ปัญหาอย่างจริงจัง เพราะตอนนี้เราเริ่มช้าเกินไปแล้ว

ADVERTISMENT

“WHA Group สนใจเรื่องนี้มายาวนานมาก เพราะธุรกิจของเราถือเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งไม่ใช่แค่ภาวะโลกร้อนโลกเดือด แต่ยังหมายรวมถึงสารเคมี การจัดการแหล่งน้ำ การจัดการขยะ ฯลฯ ดังนั้น ความรับผิดชอบของเรา คือ จะทำอย่างไรให้สิ่งแวดล้อมในพื้นที่ที่เราไปลงทุน และประชาชนโดยรอบทั้งหมดไม่ได้รับผลกระทบ เราจึงให้ความสนใจเรื่อง ESG ที่ถือว่าอยู่ใน DNA ของ WHA Group เพราะนี่ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ แต่เป็นสิ่งที่เราต้องทำ

“ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา WHA Group มุ่งมั่นที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่า นิคมอุตสาหกรรมสามารถสร้างความเชื่อมโยงระหว่างอุตสาหกรรมและชุมชน ในรูปแบบของเครือข่ายที่ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน มีการดูแลทั้งทางด้านสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม เพื่อให้อยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน ด้วยแนวทางการพัฒนาสู่การเป็นอุตสาหกรรมสีเขียวอย่างต่อเนื่อง

ADVERTISMENT

สำหรับแนวทางการพัฒนาสู่การเป็น ‘อุตสาหกรรมสีเขียว’ เริ่มตั้งแต่การวางนโยบาย เป้าหมาย แผนงาน การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบ มีการติดตามประเมินผล และการสร้างจิตสำนึกร่วมกันในเรื่องความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กร ตลอดจนการขยายขอบเขตให้ครอบคลุมตลอดห่วงโซ่อุปทาน โดยสนับสนุนให้คู่ค้า พันธมิตร และลูกค้าให้ปรับปรุงยกระดับกระบวนการดำเนินการต่างๆ ให้สอดคล้องกับหลักอุตสาหกรรมสีเขียวด้วย

“จนถึงวันนี้เราสามารถบรรลุเป้าหมายและประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมในการสร้างนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศในหลากหลายด้าน โดยเฉพาะการใช้พลังงานหมุนเวียน การบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืน เพื่อส่งเสริมการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดในระบบนิเวศของ WHA Group ตามหลักการ Circular Economy”

 นายไกรลักขณ์ อัศวฉัตรโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ WHA Group
ร่วมบอกเล่าถึงแนวทางการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนด้วย Circular Economy

Circular Economy พาธุรกิจสู่ความยั่งยืน

เมื่อทั่วโลกต่างให้ความสำคัญถึงปัญหามลภาวะและการขาดแคลนทรัพยากร จนนำมาสู่การขยับตัวครั้งใหญ่ของบริษัทชั้นนำทั่วโลก เช่นเดียวกับ WHA Group ที่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น โดยใช้หลักการระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ Circular Economy ผ่านการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

บรรยากาศภายในอาคารคลังสินค้า WHA Mega Logistics Center อาคาร B

เริ่มต้นจากการบริหารจัดการคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้า ด้วยเทคโนโลยีทันสมัยพร้อมต่อยอดอุตสาหกรรมสีเขียวระบบกรีนโลจิสติกส์ (Green Logistics) อย่างอาคาร WHA Mega Logistics Center อาคาร B ที่ถือเป็นอาคารแห่งแรกของ WHA Group ที่ได้การรับรองมาตรฐาน LEED LEED Gold เวอร์ชั่น 4.1 Building Design and Construction (V4.1 BD+C) ตั้งอยู่บนถนนเทพารักษ์ กม.21 จ.สมุทรปราการ ถือได้ว่าเป็นคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าที่ได้รับการออกแบบและพัฒนาภายใต้หลักการอาคารสีเขียว เพื่อควบคุมตั้งแต่การใช้พลังงานไฟฟ้าและน้ำ การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ตลอดจนถึงการจัดการของเสีย 

สอดคล้องกับข้อกำหนดของมาตรฐาน LEED ซึ่งกำหนดโดยสภาอาคารเขียวแห่งสหรัฐอเมริกา (U.S. Green Building Council) ครอบคลุมตั้งแต่ด้านการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนคุณภาพของอากาศและสภาพแวดล้อมภายในอาคารที่ส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของผู้ใช้อาคาร ซึ่งถือเป็นการช่วยยกระดับภาคอุตสาหกรรมคลังสินค้าของไทย ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสู่ความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม

นายอัครินทร์ ประเทืองสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ
บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน)
บรรยายข้อมูลเกี่ยวกับระบบศูนย์ควบคุมส่วนกลาง Unified Operation Center (UOC)

อีกทั้งบริษัทฯ ยังได้นำระบบศูนย์ควบคุมส่วนกลาง Unified Operation Center (UOC) มาใช้งานเพื่อรวบรวม บูรณาการ และแสดงผล จากระบบตรวจสอบเฝ้าระวังในโครงการและพื้นที่ปฏิบัติงานของกลุ่มบริษัทฯ โดยระบบ UOC นั้นรองรับการตรวจวัดสถานะต่างๆ ในเขตประกอบการแบบเรียลไทม์ ทั้งระบบผลิตน้ำ และระบบการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์

นอกจากนี้ WHA Group ยังมีการให้บริการรถยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ที่ครอบคลุมทั้งระบบนิเวศรายแรกของไทย การพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศอัจฉริยะ (SMART ECO Industrial Estates) และการบริหารจัดการระบบสาธารณูปโภคพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบวงจร ควบคู่ไปกับการรักษาสภาพแวดล้อม ตลอดจนการใช้พลังงานและทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อส่งเสริมการสร้างคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนของทุกคนทั้งชุมชน สังคม และประเทศ ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)

มุ่งบริหารจัดการ ‘น้ำ’ อย่างมีความรับผิดชอบ  

ระบบบำบัดน้ำเสียแบบ Reverse Osmosis (RO) 

นิคมอุตสาหกรรมของ WHA ให้ความสําคัญกับการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพและรับผิดชอบ ด้วยการบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม รวมไปถึงจัดหาแหล่งน้ำสํารอง และดูแลคุณภาพน้ำเสียก่อนปล่อยออกสู่ภายนอกพื้นที่อุตสาหกรรม ในฐานะผู้ให้บริการและผลิตน้ำเพื่ออุตสาหกรรม และผู้ให้บริการบําบัดน้ำเสียครบวงจร มีการวางแนวทางการบริหารจัดการน้ำ ทั้งเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการในนิคมฯ และเพื่อส่งเสริมทรัพยากรน้ำให้กับชุมชนข้างเคียง

ทั้งนี้ การบำบัดน้ำเสียนั้น จะมีการดำเนินการตามมาตรฐานที่กำหนดโดยกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งมีการตรวจสอบอย่างละเอียด ด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยและทีมงานผู้เชี่ยวชาญอย่างเคร่งครัด เพื่อให้กลุ่มธุรกิจลูกค้าสามารถนำน้ำที่มีคุณภาพกลับมาใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป  

ขณะเดียวกัน ด้วยแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ยังครอบคลุมการจัดหาแหล่งน้ำ การผลิตน้ำเพื่ออุตสาหกรรม การบําบัดน้ำเสีย และการนําน้ำเสียกลับมาใช้ใหม่ การลดการสูญเสียน้ำในระบบผลิตและจ่ายน้ำ รวมถึงการนํานวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้บริหารจัดการน้ำอย่างหลากหลาย ได้แก่ กระบวนการอัลตราฟิลเตรชันและรีเวิร์สออสโมซิส ระบบบำบัดน้ำเสียแบบตะกอนเร่ง แบบใช้ถังตกตะกอน แบบบึงประดิษฐ์ และแบบบ่อเติมอากาศ 

ระบบบำบัดน้ำเสียแบบบึงประดิษฐ์

ตลอดจนริเริ่มโครงการ Clean Water For Planet โดยมีการบำบัดด้วยกระบวนการทางธรรมชาติ เช่น ธูปฤาษี และปักษาสวรรค์ที่มีความสามารถในการดูดซับสารอินทรีย์ในการบำบัดน้ำเสียทางชีวภาพ เพื่อส่งเสริมและพัฒนาระบบบําบัดน้ำเสียให้ชุมชนโดยรอบและบุคคลภายนอก นับจากโครงการนำน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมกลับมาใช้ใหม่ที่ริเริ่มในปี 2560 ในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ตะวันออก (มาบตาพุด) 

ขณะที่ปัจจุบันระบบของ WHA มีกำลังในการบำบัดน้ำเสียรวมกันกว่า 36,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน พร้อมวางเป้าหมายที่ 83,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวันในปี 2571 ตลอดจนวางเป้าหมายในการลดการใช้น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติประมาณ 21,000,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปีในปี 2570

ทั้งยังมีโครงการ Demineralized Reclaimed Water ที่พัฒนาขึ้นเพื่อเป็นแหล่งผลิตน้ำทางเลือก โดยปรับปรุงคุณภาพน้ำจากระบบบําบัดน้ำเสียด้วยกระบวนการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มาผลิตเป็นน้ำเพื่ออุตสาหกรรมปราศจากแร่ธาตุจําหน่ายให้กับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมต่างๆ 

เน้นใช้พลังงานทดแทน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

สำหรับด้านการใช้ไฟฟ้านั้น WHA Group ได้ให้ความสำคัญกับ ‘การพัฒนาพลังงานทดแทน’ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกซึ่งเป็นสาเหตุของโลกร้อน รวมถึงลดการปล่อยคาร์บอนสู่บรรยากาศ และตอบโจทย์ลูกค้าหลากหลายรูปแบบ อาทิ 

  • Floating Solar โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำของบ่อเก็บน้ำดิบ ภายในนิคมอุตสาหกรรม อีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ที่มีขนาดไฟฟ้ารวม 8 เมกะวัตต์ 
  • Solar Carpark โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาที่จอดรถขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ที่ ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี (ประเทศไทย) มีขนาดไฟฟ้ารวม 7.7 เมกะวัตต์ 
  • Solar Rooftop โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนพื้นที่หลังคาโรงงาน ที่ ปริงซ์ เฉิงซาน ไทร์ (ประเทศไทย) มีขนาดไฟฟ้ารวม 24.25 เมกะวัตต์

ขณะเดียวกัน WHA Group ยังมีแผนขยายโครงการพัฒนาพลังงานทดแทนทั้งในและนอกนิคมอุตสาหกรรมของ WHA อย่างต่อเนื่องอีกด้วย

‘WHA ปันกัน’ สร้างสังคมน่าอยู่-ช่วยเหลือชุมชนรอบนิคมฯ 

ตัวแทนกลุ่มสัมมาชีพชุมชนบ้านชากมะหาด นั่งสานกระเป๋าจาก ‘ผักตบชวา’

อย่างไรก็ตาม WHA Group ยังมีความมุ่งมั่นในการสร้างสังคม ชุมชนและประเทศให้ดียิ่งขึ้น จึงได้ริเริ่มโครงการ ‘ปันกัน’ เพื่อช่วยสนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่ผลิตและจำหน่ายของชุมชนในท้องถิ่นภายในพื้นที่โดยรอบนิคมอุตสาหกรรมของ WHA ผ่านแพลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์ ช่วยอนุรักษ์วิชาชีพ หัตถกรรม งานประดิษฐ์ คหกรรมอาหาร อาหารพื้นบ้าน ของชุมชนท้องถิ่น และยังช่วยประชาสัมพันธ์ให้แก่ชุมชนอีกด้วย

ยกตัวอย่างเช่น กลุ่มสัมมาชีพชุมชนบ้านชากมะหาด อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ที่เก็บ ‘ผักตบชวา’ มาเป็นวัตถุดิบในการทำตะกร้า กระเป๋า และของใช้อื่นๆ ช่วยสร้างรายได้ให้กับชุมชน ตามแผนพัฒนาชุมชน ภายใต้แนวคิด ‘ชาวบ้านสอนชาวบ้าน’

“ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป เชื่อมั่นว่าการดำเนินธุรกิจต้องควบคู่ไปกับการสร้างสมดุลทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อความมุ่งมั่นสู่การเป็น ‘The Ultimate Solution for Sustainable Growth’ ผ่านพันธกิจ ‘WHA: We Shape The Future’ ที่มุ่งเน้นการสร้างอนาคตให้แก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เราพร้อมเสมอที่จะร่วมจับมือกับพันธมิตรทุกภาคส่วน ซี่งที่ผ่านมาเราได้เห็นแล้วว่าความสำเร็จเกิดขึ้นจริงจากความร่วมมือของทุกคนที่พร้อมจะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนวาระความยั่งยืนให้บรรลุเป้าหมาย” จรีพร ทิ้งท้าย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง