โตโยต้าปลื้มเสียงตอบรับ ‘ไฮลักซ์ รีโว่-ฟอร์จูนเนอร์’ สุดยอดยนตรกรรมระดับโลกฝีมือคนไทย

ครบหนึ่งขวบของการเปิดตัวยนตรกรรมแห่งความภาคภูมิใจของค่าย โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย กับรถกระบะคุณภาพระดับโลกอย่าง ไฮลักซ์ รีโว่’ และรถอเนกประสงค์สุดหรู ฟอร์จูนเนอร์’

ทั้ง 2 รุ่นเป็นรถที่ผลิตภายใต้โครงการ IMV (Innovative International Multi-purpose Vehicle) ซึ่งเป็นการย้ายฐานการผลิตรถกระบะและรถอเนกประสงค์จากบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นมายังประเทศไทย เพื่อทำการผลิตและจำหน่ายทั้งในประเทศ และส่งออกจำหน่ายในทุกภูมิภาคทั่วโลก

ด้วยดีไซน์ภายนอกสุดเท่ ให้อารมณ์ความแกร่งแบบสุดขั้ว ห้องโดยสารกว้างขวาง โดยเฉพาะสมรรถนะเครื่องยนต์ทรงพลัง ประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยม มั่นใจได้ทุกสภาพถนน และรองรับทุกรูปแบบการใช้งานตั้งแต่ใช้งานบรรทุกจนถึงความอเนกประสงค์ 

ไม่น่าแปลกใจที่ทั้ง 2 รุ่นได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จนส่งผลให้ติดอันดับรถยอดนิยมของคนไทย หลังจากที่เปิดตัวเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้วจนถึงวันนี้มีลูกค้าครอบครองเป็นเจ้าของแล้วรวมทั้งสิ้นกว่า………..คัน

ไม่นับรวมก่อนหน้าที่มียอดขายสะสมในประเทศไทยกว่า 2.6 ล้านคัน (จากข้อมูลยอดขายสะสมของโครงการ IMV ตั้งแต่ปี 2547-พฤษภาคม 2563) โดยในปี 2562 ไฮลักซ์ รีโว่ และฟอร์จูนเนอร์ ยังคงมียอดขายเป็นอันดับ 1 ครองส่วนแบ่งการตลาดรถกระบะ Pure Pick-up 38.3% และส่วนแบ่งการตลาดรถ PPV 43.4%

ดร.จุฬชาติ จงอยู่สุข หัวหน้าวิศวกรระดับภูมิภาค บริษัท โตโยต้า ไดฮัทสุ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ซึ่งเป็นผู้ออกแบบและพัฒนาโตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ ใหม่ และโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ใหม่ กล่าวไว้ว่า โตโยต้าต้องการพัฒนารถรุ่นนี้จากพื้นฐานความต้องการของลูกค้าชาวไทย ด้วยความตั้งใจให้เป็นรถยนต์ที่ได้รับการออกแบบและพัฒนาโดยคนไทย อีกทั้งประกอบขึ้นด้วยฝีมือคนไทยเพื่อคนไทยอย่างแท้จริง

“โตโยต้าพัฒนาโปรเจคนี้ด้วยเป้าหมายที่ต้องการสร้างรถที่ดีที่สุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยการลงพื้นที่เพื่อศึกษาพฤติกรรมผู้ใช้รถจากทั่วทุกทวีป ให้ได้ข้อมูลในการออกแบบรถให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ทั่วโลกมากที่สุด และเป็นครั้งแรกของโลกที่นำเสนอรถในตระกูลนี้ถึง 5 รุ่นพร้อมกันภายใต้คอนเซ็ปต์ TOUGHNESS FOR EVERYONE” 

ไฮลักซ์ รีโว่ ใหม่ พลังแกร่งเหนือนิยาม

จุดขายหลักของไฮลักซ์ รีโว่ ใหม่ เริ่มตั้งแต่การออกแบบที่มีความแข็งแกร่งในทุกมิติ ล้ำสมัยมากยิ่งขึ้น ไฟหน้าดีไซน์ใหม่แบบ Bi-Beam ไฟ LED Daytime Running Light และไฟท้ายแบบ LED Light Guiding เพิ่มความโดดเด่นในยามค่ำคืน คอนโซลฝังหน้าจอแบบสัมผัสพร้อมมาตรวัดดีไซน์ใหม่ 

ยิ่งใครที่ชอบความเท่ไม่เหมือนใครสไตล์ลิมิเต็ด อิดิชั่น ในรุ่นพิเศษ Rocco นอกจากมีชุดตกแต่ง อาทิ สปอร์ตบาร์ ล้อดีไซน์พิเศษ พร้อมยางแบบ White Letters เพิ่มความพรีเมียมแล้ว ยังออกแบบกระจังหน้าและกันชนหน้าที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของรุ่น Rocco เช่นเดียวกับวัสดุตกแต่งภายในห้องโดยสารที่เอ็กซ์คลูซีฟแบบสุดๆ

จากการปรับปรุงสมรรถนะเครื่องยนต์ใหม่ในรุ่น 2.8 ลิตรที่ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า (PS) พร้อมแรงบิด 500 นิวตันเมตร ช่วงความเร็วรอบเครื่องยนต์ 1,600-2,800 รอบต่อนาที ทำให้ตอบรับทุกการขับขี่ได้อย่างเต็มสมรรถนะ ขณะเดียวกันก็ประหยัดน้ำมันมากขึ้น

เอาใจขาลุยแนวออฟโรดด้วยเครื่องยนต์ปรับลดความเร็วรอบเดินเบาจาก 850 รอบเป็น 680 รอบต่อนาที สามารถลุยได้อย่างมั่นใจในทุกเส้นทาง บวกกับหน้าจอ TFT แสดงข้อมูลตำแหน่งองศาของล้อ ติดตั้งสัญญาณเตือนกะระยะด้านท้าย และมุมกันชนหน้า-หลัง ช่วยตรวจสอบสิ่งกีดขวางรอบข้างขณะขับขี่

และเป็นครั้งแรกกับการติดตั้งระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลกของรถโตโยต้า (Toyota Safety Sense) อาทิ ระบบความปลอดภัยก่อนการชน (Pre-Collision System) ระบบควบคุมและปรับลดความเร็วอัตโนมัติ (Dynamic Radar Cruise Control) และระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมหน่วงกลับอัตโนมัติ (Lane Departure Alert)

มีให้เลือกรุ่นมาตรฐาน (B-Cab)  สำหรับใช้งานบรรทุกหนักเป็นหลัก, รุ่น Z-Edition เจ้าของฉายา ตัวเตี้ย หน้าหล่อ และรุ่นยกสูง (Pre-runner) ยอดฮิต ตอบโจทย์การใช้งานอเนกประสงค์และสะดวกสบายเช่นเดียวกับรถยนต์นั่ง พร้อมด้วยรุ่นพิเศษ Rocco และรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ

ฟอร์จูนเนอร์ใหม่ ‘สัญลักษณ์แห่งความสำเร็จ’

รถอเนกประสงค์สุดหรูที่ทำยอดขายถล่มทลายตั้งแต่เปิดตัวเป็นครั้งแรก มาจนถึงเจนเนอเรชั่นที่ 2 ซึ่งปรับโฉมอย่างเป็นทางการในรอบ 5 ปีก็ยังแรงดีไม่มีแผ่ว ครองแชมป์ตลาด PPV ชนิดทิ้งห่างคู่แข่งไม่ติดฝุ่น

สุรศักดิ์ สุทองวัน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวอย่างภูมิใจว่าตั้งแต่เปิดตัวเมื่อ 15 ปีก่อนก็เป็นอันดับหนึ่งของตลาดรถอเนกประสงค์มาอย่างต่อเนื่อง และเพื่อรักษาความเป็นที่ 1 ในใจลูกค้า โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ใหม่ จึงพัฒนาได้อย่างดีเยี่ยมกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์หรือฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม ที่สำคัญคือความคุ้มค่าของรถที่มีให้กับลูกค้า

เป็นที่มาของการสื่อสารทางการตลาด ภายใต้สโลแกน ‘Wisdom of a Leader’ หรือสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จของผู้นำ สะท้อนความเป็นยนตรกรรมที่ผสานทุกความเป็นที่สุดไว้ในหนึ่งเดียว

ฟอร์จูนเนอร์ใหม่ได้รับการออกแบบและพัฒนารูปลักษณ์ให้มีกลิ่นอาย ‘Prestige & Cool’ มากยิ่งขึ้น สะท้อนตัวตนความเป็นผู้นำของผู้ขับขี่อย่างมีระดับ เน้นความหรูหราและทันสมัย เหมาะกับคนรุ่นใหม่และวัยเก๋าที่มีไลฟ์สไตล์ชอบการเดินทางท่องเที่ยวในวันหยุด โดยมีให้เลือก 2 รุ่น 2 ดีไซน์ รุ่นมาตรฐานและรุ่นพิเศษ

ในรุ่นมาตรฐาน ปรับดีไซน์กระจังหน้าใหม่ขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมแถบกันชนล่างสีเงิน ไฟหน้า DayTime Running Light แบบ Light Guiding ดีไซน์ใหม่ และปรับชุดไฟท้ายเป็นแบบ LED พร้อมกับ Light Guiding เพิ่มความเจิดจ้าในยามค่ำคืน 

ส่วนรุ่นพิเศษใช้ชื่อว่า Legender ภายนอกโฉบเฉี่ยวด้วยเส้นสายที่เฉียบคมยิ่งขึ้น ไฟเลี้ยว LED แบบ Sequential ไฟสูงและไฟต่ำแบบ LED กันชนหลังกลมกลืนไปกับดีไซน์ด้านหน้า ลายล้ออัลลอย 20 นิ้วใหม่ และหลังคาทูโทน

เครื่องยนต์ 2.4 GD Super Power ประหยัดน้ำมันกว่าเดิม ระบบบังคับเลี้ยวแบบ VFC ช่วยควบคุมรถได้แม่นยำยิ่งขึ้น มีระบบ Cruise Control และสัญญาณกะระยะ 6 ตำแหน่ง เพิ่มฟังก์ชั่นสปอร์ตโหมดให้ขับขี่สนุกและเร้าใจ ระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลกของรถโตโยต้า (Toyota Safety Sense) เช่นเดียวกับไฮลักซ์ รีโว่

ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้าพร้อม Kick Sensor และระบบ T-Connect สำหรับเช็กตำแหน่งรถแบบเรียลไทม์ รวมถึงระบบป้องกันการโจรกรรม (Theft Track) และระบบประสานความช่วยเหลือ SOS ของโตโยต้าตลอด 24 ชั่วโมง


เพราะทั้งไฮลักซ์ รีโว่ ใหม่ กับฟอร์จูนเนอร์ใหม่ เปิดตัวตั้งแต่ปีที่แล้ว แถมยังเป็นรถขายดี เพราะฉะนั้นก็ต้องได้เห็นตัวจริงกันอยู่บ่อยๆ เอาเป็นว่าใครที่สนใจอยากจะเปลี่ยนรถคันใหม่  ต้องไปทดลองขับด้วยตัวเองที่โชว์รูมผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าทั่วประเทศ หรือที่ Toyota Driving Experience Park ถนนบางนา-ตราด กม.3